วันที่29พ.ย.65 ที่สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารท รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจดังนี้
เมื่อวันที่ 28 พ.ย.65 กก.สส.บก.ตม.3 นำโดยพ.ต.ท.วิษณุ พงศ์พันธุ์อนุสร รอง ผกก.ฯ และ พ.ต.ท.เดรินิว มิ่งเมือง สว.ฯ กก.สส.บก.ตม.3 จับกุม น.ส.คิม ชาวเกาหลีใต้ ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.761/2565 ลง 14 พ.ย.65
ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ” พร้อมด้วยของกลางทรัพย์สินหลายรายการ จับกุมได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งในอาคารย่านสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
ก่อนนี้ห้วงเดือน ต.ค.65 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระดมกวาดล้างจับกุมคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) เพื่อเป็นการป้องกันและเตรียมงานการประชุมเอเปค
ครั้งนั้นได้จับกุม นายลี ชาวเกาหลีใต้ ในข้อหา Overstay ต่อมาขณะถูกควบคุมตัวอยู่ได้รับแจ้งว่ามี น.ส.คิม ผู้ต้องหา เพื่อนสนิทนายลีแอบอ้างกับคนในที่พักนายลีฯ เข้าไปลักทรัพย์สินหลายรายการ มูลค่ากว่า 5.3 ล้านบาท (รถยนต์เบนซ์ 1 คัน, นาฬิกาและกระเป๋าหรู เงินสดกว่า 2.9 แสนบาท)
ต่อมา กก.สส.บก.ตม.3 รับแจ้งเบาะแส รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบร่วมกับสน.ทองหล่อ และญาติของ นายลีฯ ผู้ต้องกัก สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งศาลออกหมายจับกระทั่งจับกุมได้ในที่สุด
นอกจากนี้ ยังพบว่า น.ส.คิม อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาติสิ้นสุดเช่นกัน โดยอยู่เกินกว่ากำหนดถึง 2,116 วัน แจ้งข้อกล่าวหาควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามมาคืนต่อไป
พล.ต.ต.มานัดฯ ผบก.ตม.3 กล่าวเสริมว่า กรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามนโยบายของ พล.ต.ท.ภาคภูมิ สัจจพันธ์ ผบช.สตม.ที่เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ สตม.กวดขันและบังคับใช้กฎหมายตาม พรบ.คนเข้าเมือง โดยเคร่งครัด โดยเฉพาะในความผิด Overstay
ประกอบกับเคสนี้แม้ตัว นายลีฯ ผู้ต้องกักเองจะตกเป็นผู้ต้องกัก แต่ก็ต้องให้เป็นความธรรมเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินของผู้ต้องกักที่ถูกเพื่อนร่วมชาติฉกฉวยโอกาสลักเอาไปขาย จะได้เอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องและติดตามทรัพย์สินของผู้ต้องกักมาคืนให้ญาติคนต่างด้าวโดยธรรมต่อไป
