ผู้การแมน-พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. จัดเป็นองครักษ์พิทักษ์บัลลังค์บิ๊กแป๊ะ-จักรทิพย์ ชัยจินดาผบ.ตร.อีกคนหนึ่ง
กับผมโชคดีมาก ที่ได้รู้จักนายตำรวจนักสืบนิสัยแมนสมชื่อ ตั้งแต่อยู่กองปราบปราม สามยอด
ได้เห็นได้ทำข่าว ตั้งแต่ไปวิสามัญฯศพแรกโจรลักรถกลางกรุง ตอนนั้นผู้การแมน เป็นน้องเล็กในแผนก ยศร.ต.ท. และได้ติดตามทำข่าวมาจนหมวดแมน เติบโตเป็นผู้การแมนคุมกองสืบใหญ่นครบาล คลี่คลายคดีสำคัญเป็นที่ประจักษ์
วันนี้มาย้อนอ่านบันทึก เมื่อครั้งผู้การแมน เป็นรองผู้การสืบภาค9 ถูกผมบุกเข้าไปสัมภาษณ์กันถึงห้องนอนที่สงขลา ถึงเรื่องพระเรื่องเจ้าที่นับถือ ว่ามีอะไรบ้าง เชิญครับ
สุดยอดที่สุดคือพระอรหันต์
รองแมน-พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผบก.สส.ภ.9 นายตำรวจหนุ่มพวกเยอะ และมากด้วยน้ำใจอีกคนหนึ่งในยุทธจักรสีกากี
ได้พูดคุยกันทั้งเรื่องพระเครื่อง จนไปถึงวงการเซียนพระ รองผู้การหนุ่ม นรต.43 บอกว่า
“ผมอยู่ในวงการนี้นานแล้ว เพราะสมัยก่อน พี่แป๊ะ-จักรทิพย์ ชัยจินดา พี่ช้าง-ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย นายตำรวจรุ่นพี่ และเป็นผู้บังคับบัญชาที่ผมเคารพ ท่านมีพวกอยู่ในตลาดพระ ไปกันบ่อย ผมก็ติดสอยห้อยตามไป ตั้งแต่เดอะมอลล์ยังไม่ไฟไหม้ รู้จักทุกคน พี่ต้อย เมืองนนท์ ยังไปงานแต่งผมเลย คือผมรู้จักหมดนะ แต่ไม่ได้เป็นคนเล่นพระ…..”
สำหรับพระเครื่องห้อยคอ อย่างเวลาผมย้ายไปรับราชการที่ไหน จะหาพระที่นั่นมาบูชา เพราะคิดว่าการที่เราไปอยู่ที่ไหนแล้วเคารพสถานที่ ก็เหมือนว่ามีสิ่งคุ้มครองเรา
อย่างอยู่กองปราบ จะห้อยพระพุทธพิทักษ์ธรรมนำชัย พระประจำกองปราบ ไปอยู่ ตม.ก็ไปหาหลวงพ่อเข้าเมือง หรือพระสักกะเทวราช พระประจำตม.มาใส่
พอย้ายมาทำงานใต้ จะห้อยหลวงพ่อทวดเป็นหลัก มีแทบทุกรุ่น แต่ที่ใส่ประจำคือรุ่นพุทธซ้อน ปี 2509 เนื้อช้อนส้อม เหรียญนี้ได้มาจาก บอย ท่าพระจันทร์
นักสืบหนุ่มว่าพลางหยิบเหรียญพระออกมาให้ชม ก่อนกล่าวต่อว่า
ช่วงย้ายตามท่านจักรทิพย์จากนครบาลมาบช.ภ.9 ที่หน้าบ้านพักท่านเขียนว่า คุ้มแหลมทราย แล้วข้างๆมีวัดแหลมทรายตั้งอยู่ คนสงขลาเขานับถือ
มีเรื่องเล่าว่า ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นบุกขึ้นฝั่งที่สงขลา มาตั้งฐานทัพบริเวณนี้ และถูกไอ้กันทิ้งบอมบ์ แต่วัดแห่งนี้ไม่ถูกระเบิดเลยเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์
พอมาอยู่ที่นี่ก็นับถือเหมือนคนที่นี่ เลยไปหาพระกริ่งแหลมทราย หรือที่เรียกกันพระกริ่งโสฬสธาตุมงคล ปี 2491 มาขึ้นคอ
ถึงอย่างไร พระในใจผมมีอยู่แล้วคือ พระวัดรังษี เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เพราะสมัยร. 6 วัดถูกยุบเปลี่ยนมาเรียกคณะรังษี อยู่ในวัดบวรนิเวศที่อยู่ติดกัน เป็นพระองค์แรกที่ลุงผมให้มา
ลุงบอกผมว่า “ใครมีวัดรังษี ชีวีไม่วางวาย” เป็นพระกรุไล่เลี่ยในยุคสมเด็จวัดระฆัง
สมัยยังอยู่กองปราบฯ เป็นรองผกก.5 ป. พื้นที่รับผิดชอบอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีเหตุการณ์ที่กรือเซะ 28 เม.ย.47 หรือเหตุการณ์ที่ตากใบ วันที่ 25 ต.ค.47 ผมอยู่หมด ตอนนั้นยังไม่มีหลวงปู่ทวด ก็มีพระรังษีติดตัวเพียงองค์เดียว
ในเรื่องเครื่องรางของขลัง รองแมนบอกว่า มีเหมือนกัน อย่างยันต์เหลืองๆที่อยู่ตรงหิ้งพระ ผมไปรับราชการที่ไหนจะนำติดตัวไปตลอด ญาติแม่ผมเขาทำแล้วให้คาถามาด้วย ให้ท่องคาถานี้ เหมือนมีกันชนลดแรงปะทะ ไม่ใช่แคล้วคลาด แต่จากหนักก็จะเป็นเบา เหมือนมีแอร์แบ๊ก(หัวเราะ)
ส่วนตะขอช้าง โบราณเขาบอก ควาญช้างเขาใช้ตะขอบังคับช้าง จะได้บังคับอะไรง่าย คนให้บอกว่า เอาจากคนเลี้ยงช้างจริงๆ
เขาบอกอีกแมนเป็นข้าราชการนะ เอาอันนี้ไปใช้ เพราะเราต้องปกครองคนอื่นเขา อะไรแบบนี้ ผมก็ไม่ได้อะไรมาก แต่เขาให้มาก็เลยเอามาแขวนไว้บูชา
“แต่ที่แน่ๆ สุดยอดที่สุดคือพระอรหันต์ ผมใส่ติดตัวตลอดไม่มีถอด…”
รองแมนบอกปิดท้าย พร้อมแบะเสื้อโชว์สร้อยแขวนล๊อกเก็ตสีทอง เมื่อเปิดออกมาเป็นรูปพ่อแม่อยู่ด้านในคู่กันซ้ายขวา
พ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก….
Cop’s Magazine Vol.8 No.92 April 2014
ปัจจุบันเป็นผบก.สส.บช.น.