พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ
ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ…
คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม ?
คำถามนี้ไม่มีใครจะตอบได้ดีเท่ากับคนที่จะประสบพบเจอด้วยตัวเอง
แม่บ้านตำรวจวันนี้ก็มีเรื่องราวดี ๆ ของคู่รักนักธุรกิจและนายตำรวจใหญ่ที่ตั้งใจว่าชีวิตนี้จะไม่ขอรักใครง่าย ๆ ถ้าไม่ได้เจอคนที่ใช่จริง ๆ
ด้วยความที่ฝ่ายชาย พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบช.ตชด. (ช้างศึก 1) หรือเฮียบุ๊ง นรต. 48 เป็นคนที่มุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นบทบาทไหนก็ขอลุยไปให้สุดทาง
ทำให้ตำรวจหนุ่มจากอ.ท่ายาง เมืองเพชรบุรี ตอนนั้นดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.ป.สน.ลุมพินี ไม่ได้มีเวลาจะใส่ใจเรื่องความรักและไม่ปล่อยให้ใครเดินเข้ามาในชีวิต
จวบจนพรหมลิขิตนำพาให้ได้มาพบเจอกับ “คุณใหม่-กอบแก้ว ชนะรัตน์โสภณ“ ทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของสนามกอล์ฟ รอยัลฮิลส์ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์สปา และศูนย์สัมมนาขนาดใหญ่ ที่นครนายก
เธอเองก็มีดีกรีนักเรียนนอก โดยคุณใหม่เรียนจบปริญาตรีที่ สหรัฐอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย สาขา MIS (management information system) ที่ San Jose University และใช้ชีวิตช่วยธุรกิจของเครือญาติอยู่ที่อเมริกาหลายปี ก่อนที่คุณแม่จะเรียกตัวกลับมาให้ช่วยบริหารธุรกิจครอบครัวจนถึงทุกวันนี้
คุณใหม่กับเฮียบุ๊งมีความคล้ายกันตรงที่เป็นคนจริงจังกับทำงานมากไปจนไม่มีเวลาหาแฟน ขณะที่ทั้งคู่นั้นก็ยังโสดสนิท
กระทั่งมีผู้ใหญ่ที่ทั้ง 2 คนให้ความเคารพ เห็นว่าทั้งคู่มีความเหมาะสมกันในทุก ๆ ด้านและที่สำคัญเป็นคนที่จิตใจดีมีความโอบอ้อมอารีเหมือนกัน จึงแนะนำให้ได้รู้จักกัน
รักแรกพบ “ love at first sight”
ทันทีที่ทั้งสองคนได้พบหน้ากันฝ่ายชายบอกกับตัวเองว่า “นี่แหละคือผู้หญิงที่เขารอคอยมาทั้งชีวิต ” ใจบอกว่าใช่เลย !!! คือเห็นหน้าแล้วถูกชะตาอย่างมาก หรือเราจะเคยได้เจอกันชาติก่อน
ในขณะที่คุณใหม่ก็ไม่ค่อยชอบผู้ชายในเครื่องแบบเท่าไหร่ เพราะเสียงร่ำลือว่าพวกตำรวจเจ้าชู้มาก
แต่ผู้ใหญ่การันตีว่าผู้ชายคนนี้ดีจริง ๆ จึงลองเปิดใจคบดู ถึงรู้ว่าเขาดีแท้ไม่ใช่ดีเทียม หลังจากนั้นประมาณ 4 ปีก็ตัดสินใจแต่งงาน
“Big heart”
คุณใหม่บอกว่าเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต เพราะเขาเป็นคนที่มีหัวใจยิ่งใหญ่เป็นคนจิตใจดี มีความน่ารักสุภาพอ่อนโยน และมีน้ำใจให้กับทุกคน
ไม่ใช่แค่กับตัวเราเท่านั้นแต่กับคนที่เรารักไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือเพื่อนสนิทของคุณใหม่ก็ไม่มีใครที่จะไม่รักเขาเลย
ด้วยอายุที่ห่างกัน 5 ปี พี่บุ๊งจึงเป็นทั้งพี่และคนรัก เมื่ออยู่ด้วยแล้วทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอบอุ่นใจเสมอ สมกับคำมั่นสัญญาที่ฝ่ายชายเคยให้ไว้ว่า
“จะรักและดูแลอย่างดีจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่”
(ว้าว ! เห็นหน้านิ่ง ๆ พอเอาเข้าจริง ๆ ก็โรแมนติกไม่เบานะคะ)
ใหม่คิด “ต้องคิดใหม่”
หลังจากได้มาเป็นครอบครัวตำรวจแล้ว ทำให้มุมมองต่ออาชีพนี้เปลี่ยนไป ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าความเจ้าชู้ไม่ได้อยู่ที่อาชีพ หากแต่อยู่ที่นิสัยมากกว่า
และวันนี้ผู้ชายที่ชื่อ “รุ่งโรจน์” ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตำรวจนิสัยดียังมีอีกเยอะ เพราะเขาเป็นคนที่รักครอบครัว ที่สำคัญเขารักในเกียรติของลูกผู้ชายที่พูดคำไหนคำนั้น จนถึงวันนี้บอกได้เลยว่า “คิดไม่ผิดที่เลือกพี่บุ๊ง มาเป็นคู่ชีวิต”
![]()
![]()
“อีกสักกี่หน อีกสักกี่ครั้ง ฉันก็จะยัง เลือกคนๆ นี้ กี่ร้อยเรื่องราว ตลอดชีวี ฉันช่างโชคดี ได้เคียงข้างเธอ”
พอฟังคุณใหม่เล่ามาถึงตรงนี้เพลงอีกสักกี่ครั้ง ของ STAMP… ก็ผุดขึ้นมาในหัวเด็ดดาวทันทีค่ะ
เวลาน้อยไม่เป็นไร..ขอแค่ได้ใช้อย่างมีคุณภาพ !
หลังจากแต่งงานกันแล้วทั้งคู่มีพยานรัก คือ น้องไบร์ท ด.ญ. นทชล ฐากูรปุณยสิริ อายุ 10 ขวบ เรียนอยู่ที่โรงเรียนบางกอกพัฒนา
ด้วยความตั้งใจในการทำงานของผู้เป็นพ่อ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ให้ไปดำรงตำแหน่งสำคัญในพื้นที่ต่าง ๆ อยู่เสมอ
อย่างตอนที่เป็นนายพลครั้งแรกก็ต้องไปเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตอนนั้นคุณใหม่และลูกก็ได้ย้ายไปอยู่ด้วย จนถึงวันนี้ที่ได้มารับตำแหน่งอยู่ในกรุงเทพ ฯ ก็ใช่ว่าจะมีเวลานะคะ เพราะภารกิจเขาเยอะมากจริง ๆ
แต่ถึงจะมีเวลาอยู่กับลูกน้อย แต่ถ้าสามีว่างก็จะรีบอาสาไปรับส่งลูกที่โรงเรียนเองเลยค่ะ และพาลูกไปทานข้าว ดูหนัง และท่องเที่ยวในวันหยุดด้วยกัน
พี่บุ๊งเขาเป็นคุณพ่อที่รักลูกมากค่ะแบบก่อนเข้านอนต้องเล่านิทาน อ่านหนังสือให้ลูกฟังเสมอ คุณใหม่เล่าด้วยน้ำเสียงแห่งความสุข
สามีคือต้นแบบของความเสียสละ
คุณใหม่ยังบอกด้วยว่า เธอมักจะอธิบายให้ลูกฟังว่าพ่อของเขา นั้นรักเขามากแค่ไหน แต่พ่อไม่ค่อยมีเวลาให้เพราะว่ามีหน้าที่รับผิดชอบสำคัญคือการดูแลความปลอดภัยและช่วยเหลือผู้คน
งานที่พ่อทำช่วยให้โจรผู้ร้ายลดลง ประชาชนอยู่อย่างมีความสุข ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความเสียสละทุ่มเทและความกล้าหาญอย่างมาก ลูกจึงต้องภูมิใจในตัวคุณพ่อนะคะ ซึ่งน้องไบร์ทก็เริ่มเข้าใจเมื่อเธอเติบโตขึ้น
เวลาผ่านไป…ช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้น
เธอยังบอกด้วยว่าแม้จะมีคุณอา เป็นตำรวจ คือ พล.ต.ต.สุรพล หอมชื่นชม อดีต ผบก.ปอศ. ทำให้พอเข้าใจได้ว่าอาชีพนี้ต้องมีความเสียสละอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้เตรียมใจว่าความรับผิดชอบของตำรวจจะหนักและหลากหลายขนาดนี้
ช่วงแรกต้องปรับตัวค่อนข้างมากแต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ทำให้เราเข้าใจมากขึ้น ว่าสามีรักการเป็นตำรวจจริง ๆ และมีความสุขกับการทำงานไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็พร้อมแก้ไข ให้งานสำเร็จลุล่วง และพี่บุ๊งก็เป็นคนที่ภูมิใจกับการสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลงสังคมในทางที่ดีขึ้นเสมอ
เราก็ดีใจและภูมิใจที่เห็นสามีได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักจริงๆ คิดว่า
“เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อทำอาชีพตำรวจเท่านั้น แต่พี่บุ๊งเป็นตำรวจอาชีพค่ะ”
เป็นหลังบ้านที่แข็งแกร่ง…เป็นกำแพงให้พักพิง
สำหรับหลักในการครองเรือนในฐานะเป็นคู่ชีวิตของตำรวจใหญ่เน้นเรื่อง “เข้าใจเป็นกำลังใจและให้การสนับสนุน” โดยทั้ง 3 สิ่งนี้เธอมีให้กับสามีโดยตลอด และยังฝากไปถึงภรรยาตำรวจว่าหัวหน้าครอบครัวต้องทำงานที่ท้าทายและไม่มีเวลาแน่นอน
ดังนั้นเราต้องเป็นแรงใจ เข้าใจในการทำหน้าที่ของสามี ที่สำคัญคือเราต้องสร้างบรรยากาศที่ดีและอบอุ่นให้กับครอบครัวค่ะ
“ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง”
หลังบ้านช้างศึก 1 ได้แสดงมุมมองต่อสำนวนนี้ว่าสมัยก่อนอาจจะใช่ แต่ปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป
คิดว่าทั้งสองฝ่ายชายหญิงสามารถเดินเคียงข้างกันไปแบบคู่ครอง คู่คิด และเป็นทีมเดียวกัน จึงจะช่วยให้เท้าของช้างก้าวไปได้ไกล ถ้าเราพร้อมใจก้าวไปด้วยกันจริงไหมคะ
ความรู้สึกที่ได้เป็นคู่ชีวิตช้างศึก 1
คุณใหม่บอกว่า ภูมิใจมาก ๆ เลยค่ะ กับการที่ได้เป็นคู่ชีวิตของผบช.ตชด. เพราะสามีคือคนที่ได้รับภารกิจสำคัญ เสียสละมุ่งมั่นและทุ่มเทเพื่อส่วนรวมซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมากจริง ๆ
เธอยังบอกว่า แม่บ้านตำรวจมีบทบาทสำคัญนะคะ ไม่ใช่แค่การดูแลครอบครัวแต่ต้องเป็นแรงสนับสนุน ที่อบอุ่นให้กับคุณสามีได้มีกำลังใจออกไปปฏิบัติหน้าที่อันทรงเกียรติอย่างดีเลยค่ะ และเราก็เห็นคุณค่าในสิ่งที่ภรรยาตำรวจทำอยู่นะคะ
ขอบคุณจากหัวใจ
ในฐานะที่คุณใหม่เป็นประธานสมาคมแม่บ้าน ตชด.ขอส่งกำลังใจและคำขอบคุณนี้ไปถึงครอบครัว ตชด. ทั่วประเทศ
ขอบคุณสำหรับความทุ่มเทเสียสละที่หัวหน้าครอบครัวของพวกเขาทำให้แผ่นดินไทยและรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิของ ตชด. โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญที่มีความไม่สงบเกิดขึ้นตามแนวชายแดน
อยากบอกว่าเราเห็นคุณค่าและภูมิใจในเกียรติ ศักดิ์ของเหล่า ตชด. เสมอ
ทั้งหมดนี้ก็คือแนวคิดดี ๆ จากสตรีหมายเลข 1 แห่งค่ายตำรวจป่า ที่มาพร้อมกับคำว่าจะเท้าหน้าหรือเท้าหลังก็สามารถส่งพลังใจให้ช้างศึกฮึกเหิม มีแรงในการปฏิบัติหน้าที่อันเข้มแข็ง เพื่อปกป้องอธิปไตยและสร้างความมั่นคงแนวชายแดนไทยอย่างเต็มกำลังความสามารถ
เด็ดดาว รายงาน19/10/68