Friday, November 22, 2024
More
    Homeท่องปทุมวันอคฝ.ไม่ได้มีไว้ยกโต๊ะยกเก้าอี้

    อคฝ.ไม่ได้มีไว้ยกโต๊ะยกเก้าอี้

         
    เป็นที่ถูกอกถูกใจตำรวจชั้นผู้น้อย หลังพล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผบก.อคฝ.บชน.โพสต์เฟซบุ๊ก อคฝ.ไม่ใช่คนยกโต๊ะยกของเฝ้าร้าน
     ยืนยันเหมือนเดิมว่านี่คือหน่วยกำลังอารักขาและควบคุมฝูงชนไม่ใช่หน่วยบริการ อยากใช้คนยกโต๊ะยกเก้าอี้รบกวนไปติดต่อกรรมกรรับจ้าง”
    ก่อนหน้านี้ แรกๆที่ติดนายพลใหม่ๆ กากีกลายได้ไปนั่งคุยกับพล.ต.ต.อุทัย ถึงภารกิจหน้าที่ของบก.อคฝ.คุมกำลังพล 3,000นาย
    งานของอารักขาและควบคุมฝูงชน  ครึ่งหนึ่งคืออารักขา อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นม็อบ กำลังพลประมาณ 3,000 นาย 

    แบ่งเป็นหลักๆ ก็ เป็นกองกำกับการอารักขา กองกำกับการควบคุมฝูงชน อารักขา ก็จะเป็น อารักขา 1 และอารักขา 2 ก็จะเป็น 2 กองกำกับ คือตั้งอยู่ที่ บช.น.

    งานอารักขา1ดูแลวัง
    งานอารักขา 1 จะมีภารกิจดูแลวังทั้งหมดในกรุงเทพฯ เป็นกองกำกับที่ใช้กำลังเยอะร่วม 1,000 คน เยอะเพราะว่าต้องดูแลวังตลอด 24 ชั่วโมง ใช้มาตรฐานเดียวกับทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์  

    อารักขา 2 จะเป็นเรื่องของการดูแลเสด็จฯ เมื่อเวลาท่านเสด็จฯออกนอกพื้นที่ จะมีกำลังอีกชุดที่ไปคอยอารักขาเมื่อท่านเสด็จฯ นอกที่ตั้ง ดูแลตั้งแต่การเดินทางเลย

    2.นำขบวนเสด็จและปิดท้าย
    ขบวนของพระบรมราชวงศ์ คือภารกิจหลักของเรา อารักขา พระมหากษัตริย์ และพระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ 2. พระราชอาคันตุกะ แขกรัฐบาล จะมีรถ จยย.อัศวิน เป็นรถบีเอ็มดับบลิว กรุย นำ แซง ดูทุกอย่าง ทั้งเรื่องความปลอดภัยในการนำขบวนเสด็จฯ

    ในส่วนของรถยนต์จะมีภารกิจนำขบวน ปิดท้าย  รถอาวุธจะเป็นรถที่ได้รับการฝึก เรื่องวีไอพีโพรเทคชั่นทั้งการใช้อาวุธ ทั้งกรณีเกิดมีเหตุฉุกเฉิน จะปิดท้ายคันหนึ่ง แล้วก็รถอาวุธคันหนึ่ง จะเป็นรูปแบบนี้ เรื่องของอารักขา

    จยย.นำขบวนคันละล้านอัพ
    งานอารักขา 2 จะเป็น 2 ส่วน คือส่วนของมอเตอร์ไซค์นำขบวน รถนำ รถปิดท้าย แล้วก็รถอาวุธ พวกนี้ก็เป็นวีไอพีโพรเทคชั่น เป็นของที่นี่เลย 

    อย่างมอเตอร์ไซค์ คันนี้คันละล้านกว่า ของเก่า ประมาณ 1.6 ล้าน  คันนี้ใช้ 7 ปี โดยประมาณปี 2555 มีภารกิจนำขบวนทุกขบวนทุกพระองค์ แล้วก็มี จยย.มีบีเอ็มฯ ด้วย เฉพาะหมวก 7 หมื่น หมวกกับชุดมาแล้ว หมวกมาก่อนรถ ฝูงหนึ่ง 65 คันชุดก็เป็นแบบของบีเอ็มฯ เลย เป็นชุดเฉพาะ                

    ควบคุมฝูงชนมี 5 กองร้อย
    แต่ถ้าเป็นเรื่องของควบคุมฝูงชน จะมี 3 ส่วน ที่เป็นกำลังผู้ชาย จะเป็นในเรื่องของกองร้อยควบคุมฝูงชน เป็นอัตราที่มีอยู่ประมาณ 4 กองร้อย

    แล้วมีกองร้อยผู้หญิง ที่เรียกว่าเป็นกองร้อยน้ำหวาน ปัจจุบันเหลือประมาณ 100 คน รอปีนี้รับเพิ่ม อนุมัติเรียบร้อยรับ 150 คนเต็มกองร้อยก็จะมาประกอบกำลังกัน

    รถฉีดน้ำอุปกรณ์พิเศษ
    อีกส่วนเป็นพวกหมวดยานพาหนะ อุปกรณ์พิเศษ เป็นเรื่องรถจีโน่ รถน้ำแรงดันสูง รถฉีดน้ำ รถเอลลา ที่เป็นการส่งคลื่นเสียงรบกวนระยะไกล รบกวนทั้งคน ทั้งเสียงวิทยุระยะไกล อย่างนี้ มันเหมือนคลื่นความถี่ มีเสียงดังด้วย มีความถี่สูง

    อีกส่วนหนึ่งก็มีอาวุธพิเศษ ก็ยิงพวกแก๊สน้ำตา ทั้งแบบขว้าง แบบยิง ก็จะอยู่ในส่วนของควบคุมฝูงชน เพิ่งไปฝึกมาตอนงานอาเซียน บช.น.กำหนดให้เรา 1 หมวดเลย 40 คน พร้อมอุปกรณ์ครบทุกคน แต่ไม่ให้มีปืน  

    ความรู้สึกจากจับโจรมาคุมกำลัง
    ส่วนตัวจากที่เคยเป็นนักสืบ แล้วมาคุมกำลัง ไม่ได้จับโจรแล้ว ความรู้สึกก็ไม่ได้เปลี่ยน ผมว่ามันเหมือนกัน แม้แต่ตอนที่ผมเป็นผู้ปฏิบัติ จนมาเป็นผู้บริหาร

    คือผมเคยเป็น ผกก.กองสืบ 4 สืบ 1 มองว่า เอาเข้าจริงๆ แล้ว ก็คือเรื่องเดียวกันหมด คือเรื่องการบริหาร

    การบริหารก็คือมันอยู่ที่เรามีหน้าที่ที่จะต้องจัดการให้มันเป็นระบบทุกอย่าง ขณะเดียวกัน เราก็มีหน้าที่ต้องไปประสานผู้บังคับบัญชา  เรื่องการไปสรรหางบประมาณ สรรหาเรื่องอาคารสถานที่ แบบนี้

    เตรียมสร้างที่พักอาคารนอน
    คือตอนนี้ก็เตรียมที่จะสร้างอาคารนอน เพื่อที่จะให้กำลังพลได้นอน ที่ต้องมาปฏิบัติหน้าที่ละแวกนี้ อย่างเช่น ขบวนมีก็ต้องอยู่ตลอดเวลา ไปไหนไม่ได้ กับพวกที่อยู่รอบวัง วังอัมพรฯ วังสวนจิตรฯ พวกนี้ต้องอยู่แถวนี้ ถ้าไม่มีที่พักพร้อมไว้ มันก็จะลำบาก

    ยกระดับหน่วยงานมืออาชีพ
    แต่ว่าไอเดีย คือบอกแกว่าจะต้องสวยงามน่าอยู่ด้วยนะพี่ ไม่ใช่แบบว่า อาบน้ำ ก็ประเภทมาทำแบบตักๆ ไม่เอานะ ให้มีเป็นชาวเวอร์แยกส่วนแห้งให้มันอยู่แบบดูดี เป็นสวัสดิการ แล้วให้มันมานอน แล้วได้พักผ่อนได้จริงๆ

    ไม่ใช่นอนแบบตามมีตามเกิด ต้องพยายามยกระดับ ค่านิยมของเราให้เป็นหน่วยที่เป็นมืออาชีพ

    นอนให้สมฐานะขี่รถคันเป็นล้าน              
    มันต้องขี่มอเตอร์ไซค์นำขบวนขนาดนี้ รถยนต์คันหนึ่ง มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกี่ล้าน คนที่จะขับมันต้องสมฐานะหน่อย ผมว่ามันก็ต้อง มันไม่ใช่ขี่รถคันเป็นล้าน แต่มีที่นอนแบบดีกว่าวัด ดีกว่าโรงเรียนหน่อย ผมว่ามันไม่ใช่
                  
    ไปไหนจะทำใหม่แบบนี้หมด
    สถานที่มันต้องมีห้องแคนทีน มีห้องดูทีวี มีมุมกาแฟ  ผมไปที่ไหน จะทำแบบนี้ตลอดนะ ตั้งแต่เป็น ผกก.สืบ 4 ก็เหมือนกัน ทำหมดแหละ ห้องน้ำ มันต้องทำใหม่ อยู่กองสืบ ไม่ได้บริการประชาชน ใช้กันเอง

    มันไม่เหมือน สน.ยังเหนื่อย เพราะมีประชาชนมาใช้กันเยอะ ไอ้นี่มีแต่ตำรวจใช้กันเอง มันก็ต้องดี 5 ดาว หรูหราหน่อย
    ไม่ใช่อะไรที่แบบว่า อยู่กันแบบโทรมๆ ผมอยู่สืบ 1 ห้องน้ำ แบบว่าพังหมด ถามว่ามันพังมากี่ปีแล้ว มันก็พังมา 3-4 ปีแล้ว น้ำไหลเลย ผมก็ไปทำใหม่หมด.
                   
    จี้ใจดำตำรวจชอบเป็นมือปราบ
    ปัญหาคือตำรวจเราไม่ค่อยเป็นผู้บริหาร ชอบเป็นมือปราบ แล้วพอเป็น ผกก.เป็น ผู้การแล้ว  ยังบอกว่าเป็นมือปราบ มันไม่ใช่
    คือถ้าคุณอยากเป็นมือปราบ คุณไม่ต้องขึ้นมาก็ได้ เอาคนอื่นขึ้นมาบริหาร คนที่บริหารเก่งๆ มาเป็นดีกว่า เขาจะได้ไปหางบประมาณมาสร้างโน่น พัฒนานี่ จริงมั้ย
                   
    มีคดีแห่กันทั้งกองไปลงแขก
    ถ้าไปเที่ยวบอกว่าเป็นมือปราบ ไปเที่ยวเดินจับอะไรอยู่ มันก็ผิดแล้ว มันต้องมานั่งคิด ครีเอทีฟ  ต้องมานั่งคุยกับผู้ใหญ่ คุยกับเอกชน หาเรื่องการสนับสนุนอะไรที่จะมาซัพพอร์ตลูกน้องได้ ไม่ใช่ที่จะมาแบบนักสืบ
    ผมจะค้านตลอด แม้แต่ตอนที่ผมอยู่ศูนย์สืบบช.น. จะเป็นแบบนี้ เขาจะแห่ไปกันหมด ผู้การ รองผู้การ ผกก. มีหน้างานไปจับอะไร ก็จะลงแขก
                   
    ไปหน้างานเองไม่เห็นภาพรวม
    ผมเห็น ก็ถามว่า แล้วไปกันหมดเพื่ออะไรวะ แค่นี้พี่ไม่เคยไปหรอก พี่เป็น ผกก.พี่นั่งบัญชาการที่กอง แล้วมานั่งดูภาพรวม ส่งระดับ สว.ไป ถ้าไม่พอ ก็มี สว.เพิ่ม หรือมีรอง ผกก.ไปคุม แล้วเรานั่งซัพพอร์ตข้อมูล ดูเรื่องโทรศัพท์ หรืออะไรให้

    เรานั่งบัญชาการ ทั้งเงิน ทั้งงบประมาณ ทั้งข้อมูล โน่นนี่นั่น ใช่มั้ย ไม่ใช่เราไปหน้างานซะเอง เราก็ไม่เห็นภาพรวม และสิ่งที่จำเป็น ไม่งั้นเราก็ไม่รู้ แล้วก็มองไม่ออก

    ยอมรับคิดไม่เหมือนชาวบ้าน
    ผมจะคิดไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน อย่างตอนที่ผมเป็นรองผู้การ พี่เขาคุมจราจร แกก็เช้าต้องไปโบกจราจร ผมก็ถามแก แล้วพี่ๆ เป็นรองผู้การ ยังต้องไปโบกเหรอพี่ ถ้าอย่างนั้นมันสูญเปล่า นะพี่

    จราจรนี่เอานายสิบไปยืนโบกก็ได้มั้ง ต้องให้รองผู้การไปโบกเหรอ กลัวเขาไม่เห็น  มันกลายเป็นซะอย่างนี้
                 
    ลงไปอยู่ข้างล่างมองอะไรไม่เห็น
    ถ้าเป็นผมนะ มานั่งนี่เลย มาดูหน้าจอ กูเกิ้ลแมฟ ตรงไหนแดง ว.ถามเลย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เรียลไทม์มาเลย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จริงมั้ย เราต้องมานั่งดู คล้ายๆ กับว่า สน.มันก็สั่งของมันได้
    เราเป็นรองผู้การ เราก็ต้องดูที่มันข้ามพื้นที่กัน 3-4 สน.ต้องไปหมด เราต้องไปมองเห็นจากข้างบนลงไป ไม่ใช่เราไปอยู่ข้างล่าง เราก็มองอะไรไม่เห็น จริงมั้ย ผมถึงบอกว่า ตรงนี้มันคิดคนละอย่าง
                   
    เป็นนายพลต้องเป็นผู้บริหาร
    มุมมองผมจะคิดเยอะ  เรามันขาดเรื่องพวกนี้ มันต้องไปเป็นผู้บริหาร แต่ไอ้นี่ยังเป็นมือปราบ เป็นนักสืบ เป็นนายพลแล้วยังจะเป็นนักสืบ  ไม่ต้องมาเป็นก็ได้  เป็นแค่ สว.สืบไปเลย ถ้าชอบ ก็จะได้ปฏิบัติจริงทุกวัน จริงมั้ย
    แล้วก็ไม่สนใจหน่วยงาน ไม่สนใจกำลังพล  อยู่กันยังไงก็อยู่กันอย่างนั้น กองสืบอยู่ยังไงก็อย่างนั้น โทรมยังไงก็อย่างงั้น ผกก.ก็ไม่ทำตัวเป็นผู้บริหาร ทำตัวเป็นผู้ปฏิบัติคนหนึ่ง เป็นนักสืบอาวุโสไปด้วยอีกคน
    ขอไปทำงานด้วยกับลูกน้อง แทนที่จะเอาเวลาไปสังสรรค์กับภาคเอกชน โน่นนี่นั่น ไปคุยกับนาย หางบประมาณมาเพื่อหน่วยจะดีกว่า
                   
    ทำธุรกิจจะได้ไม่ต้องหานอกระบบ
    ในแง่ของการทำธุรกิจโรงแรม ก็เอื้อกับการทำงานตำรวจ เพราะเราต้องเติบโตในหน้าที่การงานมากขึ้น  เป็นความตั้งใจของเราแต่เดิมอยู่แล้วว่าถ้าเรามีธุรกิจ เราก็คิดทำตั้งแต่เป็นตำรวจเด็กๆ  พยายามทำหาธุรกิจทำให้เราจะได้มีความเป็นตัวเองได้มากที่สุด  เป็นตัวของตัวเองได้มาก

    ไม่ต้องมีความจำเป็นไปหาเงินนอกระบบ ที่บางคนเขาไม่มีแล้วจำเป็นต้องทำ ประเภทที่ไปรีดไถ หรือประเภทที่ไปหาเงินที่มันไม่ถูกกฎหมาย มันก็เสี่ยงต่ออาชีพเราด้วย

    กากีกลาย8/6/63

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments