คอลัมน์ อาชญา (ลง) กลอน
โดย…ธนก บังผล
เหลืออีกแค่เพียง 10 วันเท่านั้น ตามกำหนดที่ทางโครงการ “ก้าว คนละก้าว” ที่ ตูน บอดี้สแลม หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องชื่อดัง ออกวิ่งจาก อ.เบตง จ.ยะลา ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เพื่อไปให้ถึง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้
จากที่เคยตั้งเป้าไว้ 700 ล้านบาท ก็ปรากฏว่าสามารถรวบรวมยอดเงินบริจาคได้ครบ ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา และจนถึงขณะที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ยอดเงินก็ได้เข้าสู่ 800 ล้านบาทแล้ว
ลองมาดูสถิติที่น่าสนใจกันสักหน่อยครับ จากจำนวนระยะทางทั้งหมด 2,191 กิโลเมตร ตั้งแต่พี่ตูนเริ่มวิ่ง ล่าสุดรวมระยะทางได้ 1,672.70 กิโลเมตร วิ่งมาแล้วเป็นเวลา 34 วัน ยอดเงิน 803,969,694.48 บาท
นั่นหมายความว่าที่ผ่านมา พี่ตูน สามารถวิ่งหาเงินได้เฉลี่ย ตกวันละ 23,646,167 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าการวิ่งได้กิโลเมตรละ 14,142 บาท เรื่องนี้ไม่ธรรมดามากๆครับ
แต่ประเด็นที่สำคัญกว่าเรื่องเงินบริจาค คือ การวิ่งเพื่อหาเงินช่วยเหลือโรงพยาบาล 11 แห่ง ครั้งนี้ ทำให้คนบางจำพวกออกมาดิ้นพล่านโหนกระแสตั้งแต่พี่ตูนเริ่มออกวิ่งก้าวแรก และคาดว่าแม้จะวิ่งเสร็จแล้วก็ยังจะต้องมีการแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ เรียกร้องความสนใจจากคนในสังคมให้หันมามองแบบไม่จบง่ายๆ
บางครั้งผมก็เคยคิดนะครับว่า การที่ใครสักคนไปวิ่ง กลับไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนพวกนี้ที่นั่งห้องแอร์ จิบไวน์ราคาแพง ตรงไหน อย่างไร
“พี่ตูน ฟีเวอร์” ยังทำให้ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นเคลื่อนไหวในมิติเชิงลึกตลอดเส้นทางที่พี่ตูนวิ่งผ่าน ไปตั้งแต่ร้านขายของชำข้างถนน ร้านอาหารริมทาง ร้านขายยา สถานีบริการน้ำมัน ไปจนถึงโรงแรมที่พัก ซึ่งนอกจากสปอนเซอร์ใหญ่หลายรายจ่ายให้กับคณะของพี่ตูนแล้ว ชาวบ้านที่ออกมารอก็ยังได้ซื้อน้ำ ซื้อข้าว อุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงของชำร่วยแทนน้ำใจ
ปรากฏการณ์เหล่านี้ แม้แต่รัฐบาล “บังคับ” ให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอย ก็ยังไม่สามารถทำได้ยาวนานกว่า 34 วันต่อเนื่อง
เงิน 800 ล้านบาทที่มาจากบริจาค ผมลองประเมินเล่นๆ ตัดภาคเอกชน หรือองค์กรใหญ่ๆออกไป คาดว่าเป็นเงินจากมือชาวบ้านล้วนๆ ไม่น่าจะต่ำกว่า 300 ล้านบาท ในสภาพเศรษฐกิจที่สุดแสนจะอัตคัดในปัจจุบัน แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจช่วยเหลือสังคมของคนไทย ที่ยังพร้อมเป็นผู้ “ให้” กับสาธารณะประโยชน์ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก จนพี่ตูน และคณะได้ถูกกล่าวขานเป็นที่ชื่นชมของคนดังในโลกนี้หลายคน
ไม่เพียงเท่านี้ ในฐานะที่ผมหันมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอได้ประมาณ 1 ปีกว่าๆ จากเคยวิ่งในสนามกีฬาเงียบๆ แต่ในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมาผมสังเกตเห็นได้ชัดว่า สนามกีฬา สวนสาธารณะทุกแห่งที่ผมไป มีคนออกจากบ้านมาออกกำลังกายเยอะขึ้น โดยเฉพาะเดินและวิ่ง ซึ่งผมไม่เคยพบเห็นมาก่อน ทั้งเด็ก วัยรุ่น และผู้สูงอายุ
ผลพลอยได้จาก พี่ตูน ฟีเวอร์ ทำให้หลายคน เริ่มหันมาใส่ใจรักษาสุขภาพ บางคนที่เริ่มออกกำลังกายต่อเนื่องสัก 1 อาทิตย์ ก็กลายเป็นเสพติดอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาตอนร่างกายเผาผลาญระหว่างเล่นกีฬา ซึ่งผมว่า “คุ้ม” มากกว่า 800 ล้านบาทด้วยซ้ำ เพราะคนเหล่านี้ได้เริ่มต้นและจะออกกำลังต่อไปเรื่อยๆ
ภายใน 45 วันของก้าว…คนละก้าว ทำคนไทยเป็นเหมือน “เรือเล็กควรออกจากฝั่ง” เพลงดังอีกเพลงหนึ่งของวงบอดี้สแลม
“จะออกไปแตะขอบฟ้า สุดท้ายแม้โชคชะตาไม่เข้าใจ
มองไปไม่มีหนทาง แต่รู้ว่าฉันต้องไปต่อไป
ตรงเส้นขอบฟ้าสีคราม ความหวังยังนำทางฉันใช่หรือไม่
(ให้อุปสรรคเปลี่ยนผันเป็นพลัง)
คำตอบอยู่กลางคลื่นลม ชีวิตแม้ต้องล่มลงตรงไหน
แต่ฉันก็ยังยืนยันที่จะไป”
เพลงนี้มีความหมายที่ดีครับ เนื่องจากหลายคนเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ไม่เคยคิดจะออกกำลังกาย แต่เมื่อได้เริ่มต้นแล้ว ผมเชื่อว่า “พี่ตูน ฟีเวอร์” ได้สร้างแรงบันดาลใจ สร้างกำลังใจ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอีกมากมายตั้งแต่เด็กยันคนชรา
ในขณะที่อีกมุมหนึ่งของประเทศไทย 3 ปีผ่านไปหลังการรัฐประหาร กินไข่ปลาคาเวียร์บนเครื่องระหว่างบินไปฮาวาย ใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ร่างกายแข็งแรงโดนซ่อมจนสลบแต่ไม่ตาย เอาแหวนแม่มาสวม ยืมนาฬิกาเพื่อนมาใส่ ทำตัวเป็นผู้มีอำนาจหัวเรือใหญ่ของประเทศ
ถ้าเรือเล็กควรออกจากฝั่ง แล้วเรือใหญ่พวกนี้ควรจะไปไหนดีครับ