เขานั่งก้มเอนไปด้านข้างขวามือตามแนวม้านั่งคอนกรีตยาวปูกระเบื้องสีขาว
ก้มหน้าเขียนหนังสือขยุกขยิกลงบนแผ่นกระดาษคลับคล้ายกับแผ่นปลิวขนาดหนึงในสี่ของกระดาษเอ-4
ไม่สนใจสภาพแวดล้อมรอบตัวที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาและนั่่งข้าง ๆ เลยแม้แต่น้อย ยังคงมุ่งมั่นเขียนอะไรบางอย่างด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงิน
ผู้คนส่วนมากก็แค่มองผิวเผินไม่ใส่ใจอะไรกับชายหนุ่มในสภาพแต่งกายขะมุกขะมอมกางเกงขาสั้นพอดีหัวเข่า เสื้อยืดสีดำ รองเท้าแตะแบบคีบเนื้อตัวมอมแมม มีหนวดริมฝีปากไม่หนามากนัก
สักพักเงยหน้าทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วก้มตัวลงไปเขียนตัวหนังสืออย่างเอาจริงเอาจัง สักครู่หนึ่งเงยหน้ายิ้มขึ้นมาด้วยใบหน้าแววตาสดใส เหมือนครึ้มอกครึ้มใจกับอะไรบางอยาง่
จากนั้นเขาก็เก็บแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความหรืออะไรนั้นขึ้นมาดูก่อนจะเดินอ้อมไปด้านหลังแถวม้านั่งยาวบริเวณศาลาป้ายรถเมล์ เอาแผ่นกระดาษที่เขียนไปเก็บไว้ในซอกหลืบด้านหลังติดกำแพงรั้วของสถานที่แห่งหนึ่งขนาดกว้างใหญ่มาก แล้วก็เดินก้าวเนิบนาบ
ใบหน้ามีรอยยิ้มผุดดูสว่างสดใสแม้ผิวพรรณจะหมองคล้ำบ้าง ไปตามฟุตปาทตามลำพัง ดูเหมือนคนที่มีแต่ความสุข ไร้ความอนาทรร้อนทุกข์ใดๆทั้งนั้น
สวนทางกับผู้คนที่แต่งกายสะอาดสะอ้านเรียบร้อย แต่ใบหน้านิ่งบ้างเครียดแทบจะเหมือนแบกความร้อนรุ่มในดวงแดตั้งแต่ตื่นนอนจนออกไปทำงานหรือที่ไหนสักอย่างหนึ่ง
ผ่านไปพบชายหนุ่มคนนั้นอีกครั้งที่บริเวณศาลาป้ายรถเมล์เดิม คราวนี้เห็นเขานั่งหยิบขนมขบเคี้ยวกรุบกรอบสีเหลือง ที่เทเกลื่อนบนม้านั่งขึ้นมาเคี้ยวกลืนไปเหมือนเป็นอาหารมื้อหนึ่งๆ ของวัน
ร่างกายที่ซูบผอมบาง คงจะพอประมาณได้ว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เมื่อมายืนรอรถเมล์บริเวณนั้น จะเห็นเขาบ้างหรืออาจจะหายหน้าหายตาไปสักระยะบ้าง แต่ก็นับว่าได้พบเห็นเขาอยู่บ่อยๆ พอสมควร
บางครั้งเขาจะมีแผ่นกระดาษหลายใบมาวางเกลื่อนบนม้านั่งยาวนั้น แล้วก็ก้มลงเขียนตัวหนังสือหรืออะไรที่มองไม่ถนัดนัก บางหนก็มีสมุดนักเรียนมาบ้างนั่งก้มเขียนเหมือนทุกครั้ง
หากเบื่อขึ้นมาก็ลุกเดินออกจากศาลาป้ายรถเมล์ไปเรื่อยๆ บางทีก็ทิ้งแผ่นกระดาษไว้เกลื่อนบนม้านั่งยาว จนมองเห็นถนัดชัดเจนเป็นแผ่นกระดาษที่ใช้เขียนทำธุรกรรมในธนาคารแห่งหนึ่ง มีตัวอักษรลายมือของชายหนุ่มคนนั้นขยุกขยิกและตัวเลขต่างๆ ไม่ทราบความหมายอะไร
อาจจะเป็นสมองสั่งการให้เขาเขียนขึ้นมาโดยไม่ได้ให้ความหมายอะไรกับเขาเลย เขาเหมือนเป็นผู้นำสารมาจดบันทึกไว้โดยอาจจะเข้าใจหรืออาจจะไม่เข้าใจอะไรเลยในข้อความหรือคำที่เขียน
อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าจะขอสมมติเป็นสมองของชายหนุ่มคนนั้นลองดูสักตั้ง ไม่น่าจะเสียหายอะไร หรือหากเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลก็ขออนุญาตก่อนแล้วกัน คงไม่เป็นการล่วงล้ำสิทธิส่วนบุคคลอย่างเกินเลยไปนักหรอก
ชายหนุ่มที่เนื้อตัวขะมุกขะมอมเสื้อผ้าซอมซ่อ ไม่มีเครื่องประดับสร้อยแหวนนาฬิกาติดตัวอะไรสักอย่าง นอกจากมีปากกาลูกลื่นหนึ่งด้ามกระดาษใบถอนเงินจากธนาคารสี่ห้าแผ่น
บรรจงเขียนตัวเลขถอนเงินจากบัญชีธนาคารหนึ่งพันล้านบาท พร้อมลายเซ็นที่ไม่สามารถระบุได้ว่าชื่อจริงอย่างไร
แล้วขีดเขียนในใบฝากเงินอีกแผ่นหนึ่งระบุเลขบัญชีธนาคารอย่างชัดเจนพร้อมชื่อเจ้าของบัญชีผู้หนึ่ง กรอกจำนวนเงินเป็นตัวเลขและอักษรจำนวนห้าร้อยล้านบาท พร้อมลงลายเซ็นของชายคนนั้นอย่างเดิม
เสร็จแล้วชายคนนั้นหยิบใบถอนเงินและฝากเงินลุกขึ้นไปยังเคาน์เตอร์ธนาคารตามความรู้สึกในใจของเขาอ้อมไปด้านหลังม้านั่งยาวของศาลารอรถประจำทาง หย่อนใบฝาก-ถอนทั้งสองใบลงในถุงพลาสติกสีดำใบเขื่องที่เป็นที่รองรับขยะข้างเสาของศาลาป้ายรถเมล์นั้น
รอสักพักเหมือนกับให้พนักงานของธนาคารดำเนินการตามที่ลูกค้าธนาคารมาติดต่อ ก่อนจะหันหลังเดินยิ้มออกมาด้านหน้าป้ายรถเมล์
เขายิ้มกริ่มไปตลอดทางอย่างไร้ทุกข์อนาทรใดๆ เขายังคงมีอิสระเสรีภาพเสมอทางกาย
แต่ทางจิตใจดูจะเหมือนอยู่ในห้องขังแห่งความคิดของตัวเองไปอย่างนี้ตลอดไปตราบนานเท่านานจนกว่าจะหมดลมหายใจ
26/10/2567