Monday, June 16, 2025
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมเรื่องเล่าในรถร้อน EP.48

    เรื่องเล่าในรถร้อน EP.48

    สายวันหนึ่งได้ใช้บริการรถเมล์ครีมแดงกลับบ้าน มีที่นั่งว่างพอสมควรไม่ต้องยืนห้อยโหนตัวโยนไปโยนมา ลมเย็นชำแรกปะทะใบหน้าผมเผ้าปลิวกระเซิงไม่เหลือทรง

    พนักงานเก็บค่าโดยสารเป็นหญิงสาวร่างบอบบางพอเป็นนางแบบได้เลยทีเดียว หล่อนสวมชุดเครื่องแบบดูใหม่สะอาดเอี่ยมอ่อง รวบผมยาวผูกริบบิ้นสีขาว เดินมานั่งที่เก้าอี้ด้านหน้าติดกัน

    ลมพัดโชยกลิ่นหอมจรุงฟุ้งเตะจมูกอย่างแรง เป็นความรู้สึกที่เพิ่งเคยประสบพบเจอกระเป๋ารถเมล์ที่มีกลิ่นหอมที่สุดก็คราวนี้เอง นับแต่เคยนั่งรถเมล์ร้อนมานานหลายสิบปี

    นั่นเป็นห้วงเวลาสั้นๆไม่กี่อึดใจ

    จนเมื่อรถเมล์ถึงที่หมายจำต้องลงเดินฝ่าแดดยามสายที่เริ่มร้อนรุ่มขึ้นทีละน้อย ไปต่อรถเมล์สองแถวเล็กสีแดงอีกทอดหนึ่ง

    ยืนคอยท่าอยู่บริเวณฟุตปาทกว้างเสมือนหนึ่งป้ายรถเมล์ที่ไม่มีศาลาพักรอมีหลังคาคุ้มแดดคุ้มฝน อันที่จริงศาลาป้ายรถโดยสารก็มี แต่อยู่ถัดไปไม่กี่สิบก้าว

    แปลกที่รถเมล์สองแถวกับผู้โดยสารพร้อมใจกันใช้บริเวณที่ว่างโล่งใกล้สามแยกหัวเลี้ยวเป็นจุดจอดขึ้นลงรถกันเองจนเคยชินมาเนิ่นนาน

    ถือเอาความสะดวกเข้าว่า เมื่อคนใช้บริการพอใจจะยืนรอรถตรงไหน ผู้ให้บริการก็ยินดีจะจอดรับส่งตรงนั้นเป็นเรื่องปกติ หากจราจรไม่กวดขันอย่างจริงจัง

    พอรถเมล์เล็กสายที่จะขึ้นมาจอดใกล้ๆ จึงรีบสาวเท้าก้าวขึ้นบันไดเหล็กท้ายรถไปนั่งเบาะสองแถวด้านใน มีคนตามขึ้นมาอีกสองสามคน ทั้งคนหนุ่มสาววัยทำงาน นักเรียนอาชีวะ แม่บ้านที่เพิ่งจ่ายตลาดหิ้วข้าวของเต็มสองมือ

    ยังเหลือที่นั่งอีกสามสี่ที่ โชเฟอร์สองแถวเล็กจึงไม่รีบร้อนจะออกรถ จนเมื่อมีชายสูงอายุ ผมขาวโพลน รูปร่างผอมเพรียว ก้าวขึ้นมายืนตรงบันไดด้านข้างจับยึดราวเหล็กท้ายรถเอนหลังพิงเสาเหล็กอีกต้น

    แกไม่ยอมก้าวขึ้นไปนั่งด้านใน แม้คนในรถบอกแกให้ขึ้นมานั่ง แกเพียงแต่ยิ้มส่ายหน้าในเชิงปฏิเสธ แล้วพูดกับหญิงวัยกลางคนลักษณะแม่บ้านมาจ่ายตลาดที่นั่งอยู่เบื้องหน้าแกว่า

    “ผมอายุเก้าสิบกว่าแล้วนะนี่ มาไหว้พระที่วัดแล้วจะกลับบ้าน อยู่หลังตลาดใกล้นี่เอง”

    หญิงกลางคนถึงกับเอ่ยกลับไปด้วยความทึ่งว่า

    “เหรอ เก้าสิบกว่าแล้ว โอ้โหลุงยังแข็งแรงเดินเหินโหนรถเมล์ไปไหนมาไหนได้คนเดียวเลยรึนี่”

    ชายชรายิ้มฟันขาวเต็มปาก มีความภาคภูมิใจแฝงอยู่พูดอีกว่า

    “อยู่บ้านกับลูกสาวลูกเขย ทำงานบ้านทั้งวันเก็บกวาดถูบ้าน ไม่ได้หลับได้นอนเลยนะนี่ เดี๋ยวก็หยิบจับทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยไม่ว่างเว้น ไม่ได้ออกกำลังกายอะไรเลยนะ ไม่ป่วยไม่มีโรคประจำตัวเลย มีเพียงแค่โรคทรัพย์จางเท่านั้นหึหึ”

    พูดเสร็จยิ้มยิงฟันสัพยอกคนร่วมทาง จนเมื่อสองแถวถึงจุดที่แกจะลงก็หยุดจอดนิ่ง ชายชราก้าวลงอย่างคล่องแคล่วไม่มีท่าทางกระย่องกระแย่งอย่างคนปูนนี้เลย

    แล้วแกก็ร้องตะโกนบอกโชเฟอร์ “ไปเลยๆ” ไม่ต้องจ่ายค่าโดยสารสักเก๊เดียว

    คงเป็นที่รับรู้กันในหมู่คนขับสองแถวละแวกนี้ที่จะไม่เก็บค่าโดยสารขายชราผู้นี้ที่เหลือเรี่ยวแรงห้อยโหนรถสองแถวไปตราบลมหายใจสุดท้ายไม่ช้าไม่นานนักหรอก

    ภาพชีวิตชายชราคนหนึ่ง ไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามผ่านประสบการณ์เรียบง่ายหรือโชกโชนสมบุกสมบันอย่างไรจนจวบวัยหนึ่งศตวรรษ

    อาจเป็นคนธรรมดาไม่มีชื่อเสียงยศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆ ไม่มีเรื่องราวสลักสำคัญ ไม่มีบทบาทโดดเด่นในชุมชนสังคม แต่ชีวิตคงไม่เรียบเหมือนแผ่นกระดานอันว่างเปล่า ไร้ริ้วรอยขีดเขียนขานจารรำลึกบอกเล่ากับหลานเหลนของเขาให้รู้สึกทึ่งน่าชื่นชมหรอก

    แม้ว่าไม่มีถ้วยรางวัล ไร้สิ้นใบประกาศเกียรติคุณประดับผนังขึ้นหิ้งไว้รำลึกก็ตาม

    แต่ชายชรายังคงมีเกียรติศักดิ์แห่งความอุตสาหะบากบั่นยื้อยุดฉุดลมหายใจเข้าออกไว้ยาวนานจวนเจียนจะครบหนึ่งร้อยปีแล้ว

    หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว ที่ประกอบขึ้นอย่างง่ายดายด้วยการหายใจเข้าและหายใจออกเท่านั้นเอง.

    15/6/2568

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments