วันที่10ธ.ค.67ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษา“นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวของ“ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ”ข้อความว่า
วันนี้ ผมมีเรื่องเล่า 3 เรื่อง มาเล่าแบบภาษาชาวบ้านครับ แต่ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ ระบอบประชาธิปไตย ที่เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้มีโอกาสอภิปรายรัฐบาลและนำเสนอข้อติติงต่างๆ เพื่อให้รัฐบาลได้นำไปปรับปรุงแก้ไข
ปฐมบทของเรื่องนี้ เกิดมาจากการอภิปรายที่ผ่านมา ในเรื่องของการประมูลพลังงานสะอาด
หลังจากฟังการอภิปรายแล้ว และมีการตอบข้อซักถามในสภาฯไปแล้วทางท่านพีระพันธุ์ฯ ได้นำข้อสังเกต ข้อติติง ของฝ่ายค้านมาพิจารณาโดยละเอียดและตรวจสอบการดำเนินการของ หน่วยงานในกำกับ อีกครั้ง จึงได้พบข้อมูลที่น่าจะต้องพิจารณาทบทวนให้รอบคอบ ดังนี้
1. ความต้องการไฟฟ้าพลังงานสะอาด เราต้องการที่ 5,000 จึงมีการเปิดประมูล มีผู้มาประมูล ถึง 17,000 ดังนั้น เมื่อประมูลไป5,000 แล้ว จึงเหลือที่ประมูลไม่ได้อยู่ที่ 12,000 ต่อมาผู้ที่ประมูลไป 5,000 ไม่สามารถส่งไฟเข้าระบบได้ 3,600 จึงเกิดเป็นฟันหลอในระบบขึ้น
กฟผ.จึงเปิดประมูลใหม่ โดยแยก 3,600 ออกเป็น 2 ส่วน คือ2,100 กับ 1,500 แต่ดันไปกำหนดการประมูลว่า 2,100 ให้จัดให้ผู้ประมูลเก่าที่ไม่ได้ ที่ค้างอยู่ 12,000 ส่วน 1,500 ที่เหลือเปิดให้ประมูลใหม่
ตรงนี้คือสิ่งที่ฝ่ายค้านติงมาว่าเอาหลักอะไรมาแบ่ง การประมูลครั้งแรกจบไปแล้ว น่าจะเปิดใหม่ทั้งหมดหรือถ้าจะให้สิทธิ์กับ 12,000 ที่เหลือ ทำไมไม่ให้ทั้งหมด หรือมีเกณฑ์อะไร มาแย่งแยก ประกอบกับ การจัดการ 2,100 ที่จัดสรรให้กับ 12,000 ยังไม่จบขบวนการ
ท่านจึงมีหนังสือให้ระงับและทบทวน เพื่อตอบปัญหาที่สังคมกับฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตุไว้ หากตอบไม่ได้ ก็ควรหาวิธีดำเนินการทั้ง3,600 ให้ถูกต้องและเหมาะสม ไม่ให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยได้
2. เรื่องของคณะกรรมการสรรหาบอร์ด กกพ. ที่ท่านให้ทบทวนเอาเรื่องกลับมา ก็เพราะประเด็นจากการอภิปราย ในเรื่องนี้ กฎหมายเขียนไว้ว่าต้องตั้งกรรมการสรรหา 9 คน หนึ่งในนั้น ต้องมาจากสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่เนื่องจากสภาฯดังกล่าว ได้โดนยุบไปแล้ว กกพ.จึงส่งเรื่องมาให้ตั้ง แค่ 8 คน
เมื่อท่านสอบถามว่าใครให้ความเห็นข้อกฎหมายในเรื่องนี้ ปรากฏว่าเป็นฝ่ายกฎหมายของ กกพ.เอง ท่านจึงให้ชะลอเรื่องแล้วให้รีบส่งเรื่องสอบถามความเห็นไปที่กฤษฎีกาก่อน เพื่อความรอบคอบครับ
3. เรื่องเหมืองแม่เมาะ เป็นการประมูลโครงการ 7,250 ล้านบาทในครั้งแรกจะใช้วิธีพิเศษ ท่านให้ทักท้วงไป จึงเปลี่ยนมาเป็นเปิดประมูล แต่มีข้อสังเกตหลายอย่าง คือในการพิจารณาโครงการประมูลโครงการใหญ่ขนาดนี้กลับใช้วิธีประชุมลับ ไม่ลงบันทึกประชุม
เมื่อได้ผลประมูลแล้วต้องแจ้งให้ผู้เข้าประมูลทุกรายทราบ เพื่อให้ผู้ร่วมประมูลสามารถทักท้วงผลได้ในระยะเวลาที่กำหนด และหากมีการตกสเปค จะต้องแจ้งให้ทราบว่าตกเพราะเหตุใด
ในเรื่องนี้บริษัทฯผู้ร้องได้รับแจ้งผลประมูลและเหตุผลหลังจากเลยระยะเวลาอุธรณ์หรือทักท้วงแล้ว ตลอดจนเหตุผลในการตกคุณสมบัติ ทางบริษัทก็โต้แย้ง ว่าสิ่งที่บริษัทได้เสนอให้มากกว่า ถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะเป็นเรื่องเครื่องจักรอะไรสักอย่าง ที่กำหนดให้ต้องมีตัวใหญ่ 2 ตัวเล็ก 2 ทางผู้ร้องแจ้งว่า เขาเสนอให้ตัวใหญ่ 3 ตัวเล็ก 1 ซึ่งทางหน่วยงานจะได้ประโยชน์มากกว่า และตัวใหญ่ก็มีคุณสมบัติที่เหนือเกณฑ์มาตราฐานที่ตั้งไว้
แต่ประเด็นสำคัญ เขาไม่มีโอกาสโต้แย้ง ชี้แจง หรืออุทธรณ์ ร้องเรียนใดๆเลยเพราะการแจ้งผลให้เขาทราบ เป็นการแจ้งหลังจากผ่านระยะเวลาอุทธรณ์ไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติและไม่เป็นธรรมประกอบกับในเรื่องดังกล่าวมีบอร์ดท่านหนึ่ง ได้ทำบันทึกตั้งข้อสังเกตุไว้ก่อนเกิดเรื่องร้องเรียนแล้ว พอมีการร้องเรียนมาท่านก็สั่งตรวจสอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมและถูกต้อง
เรื่องเล่าชาวบ้านของผมวันนี้ คงมีแค่ 3 เรื่องนี้ ช่วยกันรักษาคนดีและให้กำลังใจคนที่ตั้งใจทำงานเพื่อความถูกต้องและประเทศชาติกันครับ ขอขอบคุณระบบรัฐสภาฯของเรา ที่เปิดให้มีการอภิปรายและตรวจสอบ ขอบคุณท่านพีระพันธุ์ฯ ที่ไม่ละเลยต่อคำทักท้วงตามระบอบประชาธิปไตยครับ