“มูลนิธิพระราหู”โดย ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ รับมอบข้าวสารที่สนับสนุนจัดซื้อจากวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่จ.นครสวรรค์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามโครงการ “ใจถึงใจ”
เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2566 เวลา 15.30 น.มูลนิธิพระราหู โดย ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ เขต 3 รวมทั้ง พ.อ.วาทิน เปริญกุล ที่ปรึกษามูลนิธิฯ และ คุณพิมพ์ปวีณ์ นิลสุพรรณ เลขานุการนายก อบจ. นครสวรรค์ พร้อมคณะ “ชมรม FC สัญญาใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน”
ร่วมรับมอบข้าวสาร 10 ตัน ที่สนับสนุนจัดซื้อจากวิสาหกิจชุมชน ต.หนองกระเจา อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามโครงการ “ใจถึงใจ”
มี นายณัฐวุฒิ อรุโนธา ปลัดอาวุโส อำเภอชุมแสง นายสุพัฒน์ กันสุข นายกอบต.หนองกระเจา นางสรัญชณา กันสุข กำนันตำบหนองกระเจา นายทศพร เชาว์วิเศษ เกษตรตำบลหนองกระเจา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯ แพทย์ฯ สารวัตร ตำบลหนองกระเจา และสมาชิกกลุ่มสิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรม IT อินทรีย์บ้านเนินตะโก ม.11 ตำบลหนองกระเจา อ.ชุมแสง ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมพิธีส่งมอบข้าวสารครั้งนี้
จากนั้น ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิฯ และสส.สัญญา นิลสุพรรณ พร้อมคณะ เดินทางไปยังวิสาหกิจชุมชน ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เพื่อรับมอบข้าวสารจากการสนับสนุนจัดซื้อข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชน ต.เกยไชย อ.ชุมแสง อีก 10 ตัน เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามโครงการ “ใจถึงใจ”
มี นายสำรวย พระโพธิ์ นายก อบต. เกยไชย นางกัลย์ชพร รอดบำรุง สจ. นครสวรรค์ ดร.ชัยยันต์ กองอรรถ ปลัด อบต.เกยไชย คุณสำอางค์ เปี่ยมส้ม ผู้ใหญ่ ม.7 เกยไชย นายมานพ เกตุศรีเนียม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นายนพดล มั่นศักดิ์ ผู้จัดการมูลนิธิการจัดการความรู้และเครือข่ายโรงเรียนชาวนาจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมพิธีส่งมอบข้าวสารดังกล่าว
ดร.หิมาลัย กล่าวว่า สำหรับการสนับสนุนจัดซื้อข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชนครั้งนี้ โดย มูลนิธิพระราหู ร่วมกับ ชมรม FC สัญญาใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน โดย สส.สัญญา นิลสุพรรณ ได้ร่วมลงพื้นที่มารับมอบในการสนับสนุนจัดซื้อข้าวสารจากวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่จ.นครสวรรค์
มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมของมูลนิธิพระราหู เป็นดำริของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองประธานที่ปรึกษามูลนิธิฯได้มีแนวคิดจากการจัดกิจกรรมของมูลนิธิพระราหู ในการซื้อข้าวสารต่างๆไปแจกให้กับประชาชน และชาวบ้านที่มีความขาดแคลนและต้องการ แทนที่เราจะไปซื้อจากห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าต่างๆซึ่งเขาสามารถดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว
เราจึงมีแนวคิดหันมารับซื้อจากวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือสนับสนุนเกษตรกรชาวนาให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายข้าวสาร รวมทั้งเพื่อใช้ในการแจกจ่ายถุงยังชีพ ช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยต่างๆตามโครงการ “ใจถึงใจ”
“ดร.หิมาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ได้รับความรู้มากมาย พร้อมรับรู้ปัญหาต่างๆจากการที่ชาวบ้านได้มาร้องเรียน เนื่องจากพื้นที่ตำบลนี้ขาดแคลนน้ำเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องต่อสู้กับ ดิน ฟ้า อากาศ
ผมขอยกย่องกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และเกษตรกรชาวนาทุกท่าน ที่ยังช่วยรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้ลูกหลานได้ พร้อมกับดำเนินตามรอยพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านให้ไว้กับพวกเราทุกคน ให้รักษาแผ่นดินนี้ไว้เป็น อู่ข้าว อู่น้ำ
วันนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา หลายประเทศที่ร่ำรวยเศรษฐกิจใหญ่โตมหาศาล ยังเอาตัวรอดไม่ได้ แต่ประเทศไทยของเรา ซึ่งเป็น อู่ข้าว อู่น้ำ เรารักษาแผ่นดินนี้ไว้เพื่อทำเกษตรกรรม เราสามารถเอาตัวรอดได้
ผมรู้สึกปลาบปลื้มที่เกษตรกรชาวนาและผู้นำชุมชนที่มีความกล้าหาญถึงแม้จะเจออุปสรรค ปัญหาต่างๆมากมาย เช่น ขาดแคลนน้ำ ฝนตกไม่ตรงตามฤดูกาล แต่ก็ยังช่วยกันรักษาแผ่นดินนี้ไว้ ให้ลูกหลานได้ ผมมีความรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งครับ”ดร.หิมาลัย กล่าวทิ้งท้าย