คอลัมน์ อาชญา (ลง) กลอน
โดย…ธนก บังผล
“จงอย่าลืมว่า ท่านเป็นตำรวจ จงทำตนให้สมกับที่เป็นตำรวจ จงเป็นตำรวจที่ดี…ไม่ว่าจะเป็นตำรวจชั้นใด จะเป็นนายตำรวจสัญญาบัตรก็ดี ชั้นนายสิบหรือพลตำรวจก็ดี นับเป็นผู้มีเกียรติเสมอเหมือนกันหมด คือเกียรติแห่งลูกผู้ชายที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยภายในบ้านเมืองของตน ให้สมกับคำสัตย์ปฏิญาณที่ได้กล่าวไว้ โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของตัวเอง แต่ให้นึกถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านทั้งหลาย จงตั้งใจปฏิบัติราชการตามหน้าที่ของตนตามตำแหน่งชั้นอย่างเต็มที่ เพื่อชาติบ้านเมืองของเราจะได้ยั่งยืนถาวรเหมือนอย่างบรรพบุรุษของเราได้กระทำมาแต่ก่อน”
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพิธีพระราชทานธงชัยประจำหน่วยตำรวจ และพิธีสวนสนามเนื่องในวันตำรวจ
ณ ลานพระราชวังดุสิต วันที่ 13 ตุลาคม 2495
/////////////
วันนี้เมื่อปีที่แล้ว เวลา 15.52 น. พสกนิกรชาวไทยได้สูญเสียพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์มานาน 70 ปี ตลอดเวลา 1 ปีแห่งความสูญเสียและโศกเศร้าที่ผ่านมา นับเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศไทยอย่างแท้จริง วันคล้ายสวรรคตของรัชกาลที่ 9 ยังมีความหมายมากขึ้นไปอีกเนื่องจากปกติแล้ววันที่ 13 ตุลาคมของทุกปีคือวันตำรวจแห่งชาติ
พระราชดำรัสที่ยกมาข้างต้นนั้น เปรียบเสมือนกำลังใจให้กับตำรวจทุกนาย ทุกชั้นยศ ที่พระองค์ท่านถือว่าเป็นผู้มีเกียรติเสมอเหมือนกันหมด
เชื่อว่าตำรวจแทบทุกคนย่อมมีเรื่องราวของในหลวงอยู่ในหัวใจ เป็นเรื่องราวที่สามารถเล่าให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่ารัชกาลที่ 9 ทรงยิ่งใหญ่สุดจะหาใดเปรียบ
นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตลอดทั้งเดือนจะเป็นช่วงเวลาของพระราชพิธีอันสำคัญที่สุดที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเราจะได้พบเจอ เป็นพระราชประเพณีโบราณอันทรงคุณค่าซึ่งจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ตลอดไป และหน้าที่ของตำรวจในช่วงนี้สำคัญไม่แพ้หน่วยงานราชการใด โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัย และอารักขาบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ
ไม่นานมานี้ มีข่าวอันไม่ค่อยสู้ดีนักและทำให้ฝ่ายความมั่นคงเตรียมรับมือทุกวิถีทาง ผมเชื่อว่าตำรวจที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในพระราชพิธีสำคัญก็คงจะต้องเตรียมตัวเช่นกัน นั่นคือ การปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงล้มเจ้าเข้ามาก่อกวน หรือที่พวกฮาร์ดคอร์ปลุกระดมด้วยคำว่า “ปิดเกม”
ในขณะที่ทั่วโลกถวายความอาลัยและต่างจับจ้องมายังพระราชพิธีอันสำคัญที่สุดของคนไทย กลับมีบางคนปลุกปั่นขบวนการใต้ดินขึ้นมา เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงยิ่งนะครับ แม้จะเป็นแค่ลมปากที่ไร้ค่าแต่ก็สะท้อนให้เห็นได้ว่ามีเจตนาอย่างไรกับความสงบสุขโดยรวมของคนในชาติ
ประเทศไทยวุ่นวายมานานมากแล้ว ตั้งแต่มีการชุมนุมทางการเมือง ปี 2548 คนไทยแตกแยกเป็นฝักฝ่าย แบ่งสี แบ่งข้างกันจนเกิดเหตุการณ์นองเลือดมาโดยตลอด สถานการณ์ย่ำแย่จนมีการรัฐประหารถึง 2 ครั้ง และทุกครั้งคนไทยไม่เคยโทษตัวเองเลยว่าเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งทำให้แตกความสามัคคี จวบจนสิ้นแผ่นดินรัชกาลที่ 9 ก็ยังไม่วายปลุกปั่นไม่เลิก
ผมเชื่อว่ามาถึงวันนี้ คนไทยทุกคนต่างรู้ดีว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศชาติกลับมาสงบสุข แต่บางกลุ่มบางคนก็ยังไม่อยากให้ชาติบ้านเมืองร่มเย็นเจริญก้าวหน้า ยังคงดึงรั้งมันไว้ด้วยอุดมการณ์ที่หมายจะห้ำหั่นคนชาติเดียวกันให้สิ้นซาก
เสร็จจากพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 แล้ว คนไทยก็ยังมีพระราชพิธีที่สำคัญอีกมากมายรออยู่ โดยเฉพาะพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งจะมีองค์ประกอบอีกจำนวนมากที่น่าสนใจ เช่น การเฟ้นหาช้างเผือกประจำรัชกาล ,วัดประจำรัชกาล ฯลฯ เป็นต้น
แม้รัชกาลที่ 9 จะสวรรคตไปนาน 1 ปีแล้ว แต่สำหรับผมเอง ผมมีเรื่องราวประทับใจที่ได้สัมผัสมาด้วยตัวเองคอยเล่าให้ลูกหลานได้ฟัง
เป็นเรื่องในหลวงในดวงใจที่ผมจะไม่มีวันลืม