Saturday, April 20, 2024
More
    HomeCan i showไลฟสไตล์ เดอะไมค์-ผกก.ดส.

    ไลฟสไตล์ เดอะไมค์-ผกก.ดส.

    เดอะไมค์-พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์  ผกก. กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล(กก.ดส.บช.น.)
    จัดเป็นนายตำรวจมากความสามารถ มีไลฟ์สไตล์ที่น่าติดตาม เพราะนอกจากงานในหน้าที่ที่มีผลงานจับกุมมากมายเป็นที่ประจักษ์โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติดที่ทะลักเข้ามาในนครบาลแล้ว
    ยังแบ่งเวลาไปรีแลกซ์ให้ตัวเอง โดยเฉพาะการปลดปล่อยตัวเองบนท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการโดดร่ม หรือขับเครื่องบินเล็ก
    วันนี้policenewsvarieties จะพาไปสัมผัสกับนายตำรวจหนุ่มคนนี้กันครับ
     
    มีหลักคิด ทำชีวิตให้สมดุล
    ถามว่าทำไมถึงชอบ คือผมมีความคิดส่วนตัว มีหลักคิดคือทำชีวิตให้สมดุล สมดุลชีวิตเรื่องงาน มีทั้งเจ้านาย ผู้บังคับบัญชา ลูกน้อง ทั้งงานในหน้าที่ เลี้ยงครอบครัว และเรื่องส่วนตัว คนส่วนใหญ่จะบอกว่าไม่มีเวลา ผมชอบคิดอย่างนี้  อยากทำอะไรก็ทำ แล้วทุกอย่างต้องบาลานซ์กัน
     แต่ผมจะคำนวณว่าสิ่งนั้นที่ผมจะทำ คุ้มมั้ย เพราะไม่มีอะไรได้มาหรือบวกตลอด ได้เรื่องนี้ ต้องเสียเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เสียไป  คุ้มกับสิ่งที่ได้มามั้ย
     
    24 ชม.เท่ากัน แต่ใครจะแบ่งให้คุ้มค่า             
    สมมติ ผมอยากไปโดดร่มมากแล้วผมมีอะไรอยู่ ผมก็คำนวณแล้วว่าผมขาดสิ่งนี้ไป ผมไม่ได้ไปสิ่งนี้ แต่โดดร่มนี่เป็นเครื่องบินที่มายากมาก หมายถึง ฮ.เหมือนเราโดดร่มธรรมดา เราไปเครื่องเอกชน เราไปเสียตังค์ได้ แต่ซี 130 ของทหารอากาศ หรือเฮลิคอปเตอร์ ต้องเฉพาะพวกเราฝึกเท่านั้น
    แล้วไม่ได้เรียกมาง่ายๆ สิ่งอย่างนี้ หรืองานอื่นๆ ที่ผมคิดว่า เฮ้ย ไม่ไปงานนี้ เสียดาย ในชีวิตนี้ไม่ได้ทำอีกแล้วนะ คนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่คุณจะแบ่งของคุณได้คุ้มค่าแค่ไหน
     
    เหนื่อยแค่ไหนต้องมีเวลาให้ลูก
    พ่อผมเป็นตำรวจ ป๊าอยู่กับผมน้อยมาก  พูดตรงๆ ผมไม่สนิทกับพ่อ เทียบดูนะ คนไทยนะ ตอนผมที่ตอนนี้อายุ 40 กว่าๆ นี่ กอดพ่อยากนะ ยิ่งพ่อเราเป็นตำรวจด้วย ทำงานอยู่กับพรรคพวกเพื่อนฝูง แล้วไปเรียนโรงเรียนประจำอีก เรื่องครอบครัวนะ
    ช้ามาเหนื่อยแค่ไหน ผมต้องตื่นมาสเปลเวลากับเขาลูกชาย2คน กลับมาต้องมากล่อมนอนนิดหนึ่ง แล้วค่อยออกไปทำงาน เพราะ 10 ขวบ ยิ่งลูกผู้ชาย ก็ไปแล้ว ผมไม่อยากจะรู้สึกว่า ยังไม่ได้กอด ไม่ได้เที่ยว ไม่ได้ทำหน้าที่  
     
    ป้องศักดิ์ศรีนาย ดูแลลูกน้องให้ดี
    แล้วผู้บังคับบัญชา เป็นเรื่องงานก็ต้องเต็มที่ รู้ว่าตัวเอง มีที่มาที่ไปเป็นยังไง เราแบกชื่อค่ายไว้ แบกความไว้ใจของผู้บังคับบัญชา แบกศักดิ์ศรีผู้บังคับบัญชาไว้ 1. ทำตัวไม่ให้เจ้านายเสียชื่อ ใครจะมาบอกว่า ไอ้นี่แม่งห่วย แม่งเด็กนาย ไม่ทำงาน งานไม่ออก นั่นคือสิ่งที่ผมตระหนักไว้เสมอ ต้องไม่ให้เสีย
    ยิ่งเจ้านายบอกว่า เป็นผู้บังคับบัญชาต้องเป็นปุ๋ย ไม่ใช่ยาฆ่าหญ้า นั่นคือต้องไปดูแลลูกน้องให้ดี เพราะถ้ามึงดูแลลูกน้องไม่ดี ลูกน้องมึงด่าอีก หาว่าเด็กนาย มาอยู่อย่างนั้นแหละ นี่คือสิ่งที่คิดอยู่ในหัวตลอด
     
    แหกปากตะโกนบนฟ้า วิธีคลายเครียด
    ถ้ามันเครียดมาก ผมก็ต้องแบ่งเวลากลับมาเรื่องส่วนตัว อะไรที่ทำให้ผ่อนคลาย ซิกเนเจอร์ผม เวลาผมอยู่บนฟ้า ทุกคนจะบอกว่า ไอ้นี่แม่งบ้า ผมจะลิงโลด กลับหัวกลับหาง ผมจะเสียงดัง แหกปาก นั่นคือวิธีการผ่อนคลายของผม  จะมันมากอยู่กับตัวเอง  ใครดูวีดีโอผมจะรู้เลย ถ้าอยู่บนพื้น ร่มผมเปิด จะได้ยินเสียงผมตะโกนเหมือนสะใจมาก นี่คือซิกเนเจอร์ของผม
    แต่หลักทั้งหมด  คือผมพยายามทำชีวิตผมให้มีความสมดุลของชีวิต ความสุขของแต่ละคนต่างกัน ความสุขของผม แฟมิลี่คัมเฟิร์ส เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันเป็นทุกอย่าง  ผมเลือกแบบนี้
     
    พงส.ทองหล่อ ได้ทั้งงานทั้งเที่ยว
    ทุกย่างก้าวที่ผมไป ผมคิดก่อนแล้ว ไม่ได้ไปแบบมั่วๆ เห็นผมอย่างนี้ โน่นนี่นั่น แต่ผมไม่มั่ว ผมรู้ตัว ผมคำนวณแล้ว ว่าสิ่งนี้ผมคุ้ม ผมเสียไอ้นี่ไป แต่ผมได้ไอ้นี่มา ผมวางแผนหมด หลายๆ คนไม่ค่อยคิด  แต่มันสอนยากนะ อยู่ที่ตัวเอง
    บางคนบอกแม่งชีวิตไร้ค่า เพราะมึงไม่จัด ผมเป็นพนักงานสอบสวน สบ 1 สน.ทองหล่อ เมื่อปี 2548 ก่อนเจอนาย เวลานั้น พ่อผมสามารถให้ผมไปที่อื่นได้ แต่ผมบอกว่าต้องเป็นสอบสวนก่อน
    แล้วทำไมถึงเลือกทองหล่อ เพราะแหล่งท่องเที่ยวด้วย และงานหนักด้วย หนักจริงๆ แต่ผมไม่เคยถูกร้อง สำนวนไม่เคยค้าง ผมเข้าเวร ผมไหว้ทุกทิศ พยายามประนีประนอมให้มันจบ ไม่เคยหมกสำนวน ไม่เคยมีสำนวนค้าง
     
    อยู่กับนายเหมือนเบิร์ดอายวิว
    เมื่อถึงระยะเวลาพอสมควรที่ผมคิดว่า วิทยายุทธ์ผมพอสมควรแล้วนะ ผมจึงไปเรียนโรงเรียนสืบสวน ถึงได้ค้นพบตัวเอง ว่าควรจะเป็นแบบนี้ แล้วสิ่งหนึ่ง การที่ได้อยู่กับผู้บังคับบัญชา เหมือนได้เรียนรู้แนวคิดของผู้บังคับบัญชา เป็นเบิร์ดอายวิวลงไปอีกเติมความคิดเรา50วิ ก่อนร่มเปิด มีเรื่องมากมาย           
    ส่วนเรื่องการโดดร่ม มันท้าทาย มันมีความสุข ช่วงเวลาแค่ 50 วินาที ก่อนร่มเปิด ที่ความสูงประมาณ 13,000 มันเร็วมากนะ ในความรู้สึก นับ 1-50 แต่มันมีเวลาพอสมควร มันสอนอะไรหลายๆ อย่าง
    ใน 50 วินาที สอนให้คุณคำนวณว่า คุณจะตกลงมาอย่างไรให้ปลอดภัย ต้องมีความตระหนักรู้ในตัวเอง ก่อนขึ้นเครื่องคุณรู้อยู่แล้ว เช่น ก่อนไปเมื่อวานคุณเมา คุณไม่พร้อม แล้วจะขึ้นไปทำไม จะบ้าเหรอ ขึ้นไปแล้ว ต้องดูว่าอากาศเป็นยังไง จะลงตรงไหนให้ปลอดภัย  
     
    เรียนขับเครื่องบิน อีกสิ่งที่ท้าทาย
    ส่วนเวลาที่ไปขับเครื่องบิน เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง พอโดดร่มแล้วเลยมาลองดู เป็นสิ่งที่ยากสำหรับผมเลยนะ ท้าทายมาก คือผมไปเรียนกับฝูงบิน 604 ของกองทัพอากาศ เรียกว่าซันนี่ ที่ดอนเมือง ก็จะเป็นแบบมีเพื่อน 30-60 คน มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง นักธุรกิจ โน่น นี่ นั่น
    เครื่องบินมันคือการกระทำเป๋นร้อยอย่าง ในห้วงเวลาสั้นๆ หมายถึงเยอะมาก ต้องดูมาตรวัด โน่นนี่นั่น เร่งความเร็วเครื่องขึ้นมา ดูฟังหอ แยกประสาท
     
    ซ้อมเหมือนบ้าก่อนปล่อยบินเดี่ยว
    ที่สำคัญผมเรียนอยู่บนสนามบินอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์พอร์ต คือดอนเมือง เขาต้องรอผม ผมต้องรอเขา การจราจรทางอากาศทำให้กดดันเข้าไปอีก ถ้าไปเรียนกับเอกชน ก็ไปสนามบินเป็นของเรา คุณจะทำอะไรก็ได้ ขอหอการบิน รีเควส แลนดิ้ง รอตอนนั้นตอนนี้
    แต่อันนี้มันรู้ว่าแอร์ไลน์ ต้องรอเรา แล้วเขาต้องจัดลำดับการลง มันกดดันเราอีก ผมก็ด้วยไม่ค่อยมีเวลาอยู่แล้ว เรียนก็ไปเรียนน้อย  มานั่งซ้อมเหมือนคนบ้า เวลาลูกน้องขับรถด้วย ก็ทำฟอร์มขับตาม
    เพราะ เขาวัดกันตอนที่ปล่อยโซโล่ ปล่อยเดี่ยว ถ้าวันหนึ่งครูบอกว่า โอเค.คุณพร้อมแล้ว ครูคนนี้จะลง แล้วมีเช็คเกอร์มาอีกคนมาเช็คว่า ผานจริงมั้ย  หลังจากนั้นเช็คเกอร์จะลงแล้วให้ผมไปเดี่ยว
     

    คนอื่นผ่าน ทำไมจะผ่านไม่ได้
     มี 30-40 คน ผ่านไปเรื่อยๆ คนที่ 1-3 มันก็กดดันเราอีก พี่ผู้หญิงก็ผ่านได้ เฮ้ย แล้วทำไมกูผ่านไม่ได้วะ คือการขึ้น เข้าวงจร แล้วก็ลง ขอหอลง แค่นี้ ยังไม่ต้องเดินทางไปไกลนะ นี่คือสเต็ปแรกในการสอบ เราคิดมากดดันตัวเอง บางทีเรามาคิดว่า มันไม่ใช่ตัวเรารึเปล่าวะ  

    บางทีไปบ่นกับเมียว่าฉันยังไม่ผ่านเลย ครูไม่ให้ เมียก็บอกว่า  บางทีมันไม่ใช่ของแกรึเปล่า แกต้องทำใจ มันก็กดดันตัวเราอีก  ต้องทำให้ได้

    แล้วก็ทำได้ ตอนนี้ปล่อยเดี่ยวเกือบ 2 เดือน เหตุที่อยากขับเครื่องบิน เพราะนี่ไงครับ ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ผู้มีฤทธิ์ต้องไปได้ในอากาศ
     
    โดดร่ม10ปี 500กว่าจัมพ์
    โดดร่มนี่น่าจะได้ 500 จัมพ์แล้ว 10 ปีแล้ว ทำเป็นเล่นไป จบจากค่ายนเรศวร รุ่น 1/51 ก็ 11-12 ปีแล้ว คือผมจบปี 1/51 ก็ไม่มีโอกาสได้โดด แต่ผมขวนขวาย เพราะสมัยนั้นโดดยาก ต้องไปกราบกรานขอบินนะ ไปขอ ทอ.ไปแบกร่ม ไปช่วยเขายกเบาะ ขับรถไปกลับ 400 กม.เพื่อโดดจัมพ์เดียว ผมทำหมด 10 กว่าปี

    สมัยก่อนมันไม่มีเอกชนโดดอย่างนี้ แล้วไม่มีพี่ๆ มาสนับสนุนอย่างนี้ ผมต้องแบบ พี่ครับ ไปกราบคนนั้นที คนนี้ที ผมขึ้นเครื่องด้วยนะ
     
    สนุก ปลอดภัยและไม่ประมาท             
    สมัยก่อนเป็นแบบนั้น มันคือความอุตสาหะของตัวเอง ความอยาก จนโอเค.เราเป็นคนหนึ่งที่เป็นซัมบอดี้ในวงการโดดร่ม นั่นสมัยก่อน  จนมาสมัยนี้ฮิตมากเลย คนนั้นก็ได้โดด คนนี้ก็ได้โดด

    แต่ผมบอกว่าหลักของผมจริงๆ คือ สนุก ปลอดภัย ไม่ประมาท ผมจะชอบแนะนำนักเรียนใหม่ ผมไม่กล้าไปสอน ผมไม่ใช่ครู แต่แนะนำจากประสบการณ์ผม ชีวิตผมเจ็บแล้ว เจ็บเยอะ เคยเห็นคนเจ็บเยอะ เห็นคนไปครั้งสุดท้ายในโลกนี้ เป็นมาแล้ว เห็นมาหมดแล้ว เลยไม่อยากให้เกิดกับใคร

    การโดดร่ม มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเสี่ยง เพราะไม่ได้บังคับให้มึงมาโดด มึงต้องสนุกกับมัน แล้วมึงต้องปลอดภัยจากมัน แล้วอีกอย่างหนึ่ง จะลืมคำว่าประมาทไม่ได้  พอดี๊ด๊าๆ ก็จะลืมสิ่งที่ต้องทำ ผมจะเตือนตลอด
     
    เป็นตำรวจเพราะรักบี้
    ลงมาบนดิน เรื่องของกีฬา  ต้องบอกว่า ผมเป็นตำรวจได้เพราะผมเข้าโควต้ารักบี้ ผมเรียน ภปร.แล้วกีฬานี้ให้ทุกอย่างกับผม ความอดทน ความใจกว้าง ความเป็นสุภาพบุรุษ ความมีน้ำใจนักกีฬา เขาว่าเป็นกีฬาคนป่าเล่นโดยสุภาพบุรุษ

    ล่าสุดก็ไปตำรวจโลกที่ประเทศจีนเมื่อเดือนส.ค.62  ได้เหรียญทองรุ่นอายุมากกว่า 35 ปี   ก็ตอบแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือเรายังเล่นให้เขาอยู่ ในกีฬาที่เรารัก ก็ตอบแทนตามที่เขาร้องขอ เราก็ไปเล่น สนุกสนานกันไป

    รักบี้มันให้ผมทุกอย่าง ให้หน้าที่การงาน ให้ผมทุกอย่าง สอนผม ส่วนกีฬาในน้ำ ก็ดำน้ำเป็นนะ มีใบอนุญาต   แต่ไม่ชอบ  ผมรู้สึกว่า การดำน้ำ น่าจะเป็นการพักผ่อน ไม่ใช่กีฬา เหมือนไปชมวิว มันช้า แล้วมันเงียบ ผมตะโกนเสียงดังไม่ได้
     
    ฝันที่ใกล้บังเกิด สนามโดดร่มเอกชน
    ส่วนที่อยากทำต่อไปคือ อยากมีสนามโดดร่มเอกชนที่เป็นของคนไทยของตัวเอง  เพื่อพัฒนานักโดดร่มคนไทย   ครูร่ม จะได้มาทำ เพราะของเอกชนไม่มี มีแต่ของหน่วยงานราชการ กับฝรั่ง  ที่ผมไปจ่ายตังค์โดดอยู่ที่ศรีราชา

    ก็มีแพลนนะ ใช้ค่าใช้จ่ายมาก แต่คงไม่เกินกำลัง ไม่เกินความฝันที่อยากทำ กำลังจะเริ่มแล้ว

    นี่คือฝัน อยากให้มันเป็นจริงในประเทศไทย อยากพัฒนานักโดดไทย  ผมว่าเรามีศักยภาพ ถ้าเรามีคนสนับสนุน ผมว่าไม่แพ้ฝรั่ง  มันมีแข่งระดับโลก เราอยากให้เป็นที่รู้จัก
     
    ครับ….ไม่เฉพาะตำรวจไทยที่อยากให้มีแนวคิดการใช้ชีวิตอย่างผกก.ไมค์  แต่อยากให้เยาวชนน้องๆรู้จักการวางแผน การคำนวณและการแบ่งเวลาชีวิตให้สมดุล

    นอกจากประโยชน์จะได้กับตัวเอง แต่ยังได้กับองค์กร หรือสถาบันที่เราสังกัด ลองนำไปปรับใช้กันครับ
     
    เฮียเก๋ 28/9/62
     

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments