Friday, November 22, 2024
More
    HomeStories About Me10 คดีดัง ปี60

    10 คดีดัง ปี60

     

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปี 2560 กำลังผ่านไปในอีกไม่กี่วัน พร้อมกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมากมาย ทีมงาน Police News Varieties คัดเลือกเหตุการณ์ 10 คดีดังคดีเด่นที่สำคัญอยู่ในความสนใจของประชาชน และแวดวงสีกากี ในรอบปีมาบันทึกไว้ค่ะ

    1.ทุจริตการสอบนักเรียนนายสิบตำรวจ
    จากกรณีที่ทางคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกบุคคลภายนอกเพื่อสอบเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีผู้สมัครเข้าสอบทั้งหมด 13,285 คน และสอบข้อเขียนเสร็จสิ้น ตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 2559 มีผู้ผ่านสอบข้อเขียน 1,800 คน
    เริ่มต้นปี 2560 ได้ไม่กี่วัน พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ผู้กำกับศูนย์ฝึกอบรม (ผกก.ศฝร.บช.น.) พบการทุจริตการสอบข้อเขียน

    ผลการสอบสวนระบุว่า นายจิระพจน์ พลายด้วง เจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจ เขตปทุมวัน เป็นผู้ว่าจ้าง ให้กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ทำเฉลยข้อสอบหรือที่เรียกว่า “มือปืน” ได้ค่าจ้างคนละ 2-3 หมื่นบาท สำหรับตัวผู้จ้างวานจะไปเรียกค่าดำเนินการจากผู้ที่ต้องการสอบเข้าเป็นตำรวจ รายละ 5 แสนบาท

    ทั้งนี้ ยังพบอีกว่ามีนิสิตนักศึกษาจาก คณะแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งของประเทศ มีส่วนพัวพันกับการทุจริตการสอบครั้งนี้

    สุดท้าย บช.น.ได้ข้อสรุปว่าให้ชะลอการประกาศผลและยกเลิกการสอบครั้งที่ผ่านมาทั้งหมด ก่อนสอบสวนดำเนินคดีโดยอออกหมายจับทั้งหมด 52 คน และยังพบผู้กระทำผิดอีก 32 คนที่อยู่ในระหว่างกำลังดำเนินการ ก่อนแจ้งข้อหาอั้งยี่มีการรวมตัวการกระทำผิดทางอาญา แจ้งข้อความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และความผิดตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์มาตรา 14(2) ต่อมายังพบการทุจริตในลักษณะเดียวกันกับ บช.น. ในการสอบนักเรียนนายสิบตำรวจ พื้นที่ กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 และ ภาค 7 อีกด้วย

    2. ผกก.บ้านโป่ง หึงโหดสั่งอุ้มทอมฆ่าฝังดิน
    พ่อและแม่ของ น.ส.สุภัคสรณ์ หรือหญิง พลไธสง อายุ 28 ปี พนักงานในร้านอาหารอีสานแห่งหนึ่งย่านถนนพุทธมณฑลสาย 4 เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.หนองค้างพลู ว่า บุตรสาวได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2559 จากอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในพื้นที่ สน.หนองค้างพลู ก่อนจะพบเป็นศพถูกฆ่าในสภาพเปลือยฝังดินอยู่ในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2560


    จากการสืบสวนของ พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น.ร่วมกับทีมงานของพล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.ภ.7(ในขณะนั้น)พบว่า ผู้ตายไปติดพันหญิงสาวคนสนิท พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี หลังสืบสวนสอบสวน ตำรวจได้ออกหมายจับ 7 ผู้ต้องหา 1 ในนั้นเป็นหญิงสาวคนสนิทของ ผกก.สภ.บ้านโป่ง นกต่อล่อผู้ตายออกมาพบ ก่อนจับกุมทีมอุ้มได้ 2 รายเป็นนายทหารสังกัดจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งสองรับสารภาพว่า พ.ต.อ.อำนวย จ้างวานด้วยเงิน 2 แสนบาท รับ 3 งวด ให้ไปอุ้มสาวทอม

    3.จับ เบนซ์ เรซซิ่ง เอี่ยวค้ายาแก๊ง “ไซซะนะ”
    วันที่ 20 ม.ค.60 พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. นำกำลังจับกุมตัว นายไซซะนะ แก้วพิมพา อายุ 42 ปี เจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ ชาวลาว ได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะเดินทางมาพักผ่อนในประเทศไทย จนนำมาสู่การสอบสวนเส้นทางการเงิน

    วันที่ 3 ก.พ.60 ตำรวจ บช.ปส. นำกำลังพร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้นตามแผนปฏิบัติการ “ชัยยะสยบไพรี 60/2” ที่ร้านแอเรีย 51 (AREA 51) ให้บริการจำหน่ายอุปกรณ์ และตกแต่งรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ของนายอัครกิตต์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง สามีนางเอกสาว แพท ณปภา ตันตระกูล นักแสดงชื่อดัง ซึ่งเป็น 1 ในกว่า 40 จุด เข้าตรวจค้นและอายัดทรัพย์สินที่เชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด ต่อมาได้กลายเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมสมคบฟอกเงินกับนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ เครือข่ายนักค้ายาเสพติดไซซะนะ


    นอกจากนี้ ยังได้แจ้งข้อหา แพท-ณปภา ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน เมื่อวันที่ 15 พ.ค.60 หลังพบหลักฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการครอบครองเงินจากเบนซ์-เรซซิ่ง นายจำนวน1.9 ล้านบาท ก่อนที่อัยการจะสั่งไม่ฟ้อง

    4. ล้อมวัด 23วัน ธัมมชโย ล่องหน

    ตั้งแต่ 16 ก.พ. ถึง 10 มี.ค. ตำรวจ ทหาร ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำกำลังกว่า 3,500 นาย อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 เข้าปิดล้อมวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาส หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร แล้วประกาศพื้นที่วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม ห้ามบุคคลเข้า-ออก และห้ามบุคคลขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่ศิษยานุศิษย์แห่กันเดินทางมาเพื่อกันไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าค้นวัด


    พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ แถลงผลการดำเนินการตลอด 23 วัน มีการดำเนินคดีอาญากับผู้ฝ่าฝืนคำสั่งคสช.รวม 43 คดี มีคำสั่งเรียกบุคคลเข้ารายงานตัว 316 ราย ออกหมายเรียก 80 ราย อย่างไรก็ตามทางดีเอสไอยังดำเนินการติดตามตัวพระธัมมชโยต่อไป เนื่องจากคดีนี้มีอายุความ15ปี ขณะที่ ตม.ยังไม่พบข้อมูลการออกนอกประเทศของพระธัมมชโย จนขณะนี้ก็ยังไม่พบตัวแต่อย่างใด

    5.รวบมือวางระเบิด รพ.พระมงกุฎ
    22 พ.ค.วันครบรอบ 3 ปี รัฐประหาร เกิดเหตุระเบิดภายในห้องรับรองวงษ์สุวรรณ รพ.พระมงกุฎเกล้า มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยก่อนหน้านี้มีเหตุระเบิดไปป์บอมบ์ที่หน้ากองสลากเก่า ถนนราชดำเนินกลาง และหน้าโรงละครแห่งชาติ พบหลักฐานเป็น ไอซีไทม์เมอร์ และแผงวงจร คาดว่ากลุ่มคนร้ายเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยก่อนเกิดเหตุ 3 วัน มีจดหมายเตือนว่าจะมีการก่อเหตุระเบิดโรงพยาบาลในพื้นที่ สน.พญาไท 3 แห่ง


    สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.และพล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. ใช้เวลา 22 วัน สืบสวนจนสามารถจับกุมนายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 61 ปี อดีตวิศวกรไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุมาแล้ว 6 ครั้ง ในปี2560 และ2550

    สาเหตุเพราะความเห็นต่างทางการเมือง และต้องการแก้แค้นแทนผู้เสียชีวิต 6 ศพ จากการสลายการชุมนุมทางการเมืองที่วัดปทุมวนาราม นอกจากนี้ยังพบไปป์บอมบ์ประกอบเสร็จพร้อมใช้ 4 ลูกที่บ้านย่านบางเขน คาดเตรียมก่อเหตุอีก สุดท้ายศาลสั่งจำคุก26ปี12เดือน และให้นับโทษรวมคดีครองครองอาวุธอีก4ปีด้วย

    6. ย้าย “ผบช.ภ.8” เซ่นร้องเรียนซื้อขายตำแหน่ง
    พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งย้าย พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม และปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผบ.ตร.มอบหมาย และมีคำสั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แฉพฤติกรรมการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจระดับ สว.-รองผบก.พื้นที่ บช.ภ.8 ในคำสั่งแต่งโยกย้ายนายตำรวจวาระประจำปี 2559 ในจำนวนเงินกว่า 5-7 ล้านบาท พร้อมระบุมีกลุ่มนายตำรวจผู้พลาดหวังเตรียมตบเท้าบุกไปทวงเงินที่จ่ายไปรวม ยอดกว่า 50 ล้านบาท

    นายจากนี้ นายวิทยา ยังเปิดเผยอีกว่า พื้นที่นครบาลราคาบวกไปอีก 2 เท่า พร้อมวลีเด็ด “มีตัวใหญ่อยู่ในกรุงเทพ ที่คนวงการตำรวจรู้จักชื่อกันหมด เอาเป็นว่าประเทศนี้ พล.ต.ต. ใหญ่กว่า พล.ต.อ.

    7. เงินทอนวัดสะเทือนวงการสงฆ์
    กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เปิดยุทธการปราบโกงวัด ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่ง ชาติ(พศ.)โดยสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ป.ป.ช.ไปแล้วส่วนหนึ่ง พร้อมทั้งดำเนินการขยายผลผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งเตรียมนำกฎหมายฟอกเงินมาดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำผิด

    ปฏิบัติการแรกเป็นการตรวจสอบการทุจริตงบอุดหนุนบูรณะปฎิสังขรณ์วัด และพัฒนาวัด 12 วัด ตั้งแต่ปี 2555-2559 ความเสียหายประมาณ 60 ล้านบาท มีผู้ต้องหา 10 ราย การตรวจสอบครั้งที่ 2 พบการทุจริตงบอุดหนุน 3 ประเภท คือ 1.อุดหนุนบูรณะปฎิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด 2.อุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ 3.อุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา-แผนกธรรม-แผนกบาลี จำนวน 23 วัด ตั้งแต่ปี 2555-2560 ความเสียหายประมาณ 141 ล้านบาท มีผู้ต้องหา 19 ราย โดยมีชื่อนายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการ พศ. รวมอยู่ด้วย นอกนั้นเป็นข้าราชการ 13 คน พระ 4 รูป และประชาชนไม่ใช่ข้าราชการอีก 2 คน

    8. ปิดคดี “บังฟัต” ฆ่ายกครัว จ.กระบี่

    10 ก.ค. กลุ่มคนร้าย เป็นชายประมาณ 6-7 คน แต่งกายชุดลายพรางคล้ายทหาร พร้อมอาวุธ บุกเข้าไปในบ้านนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะใช้อาวุธปืนยิงทุกคนที่อยู่ในบ้าน เสียชีวิต 8 รายและขับรถยนต์ของผู้ตายหลบหนีไป โดยมีผู้รอดชีวิต 1 คนที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เนื่องจากกระสุนแฉลบศีรษะไปอย่างหวุดหวิด

    คดีอุกฉกรรจ์ ถึงขนาดที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ต้องบินด่วนไปควบคุมการสืบสวนสอบสวน ผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 รายด้วยตัวเอง จนกระทั่งตำรวจพบรถ 1 ใน 2 คัน ที่กลุ่มคนร้ายใช้บุกเข้าไปก่อเหตุภายในบ้าน ก่อนจับกุมนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต อายุ 41 ปี นายทุนเงินกู้ กับพวกรวม 9 คน ซึ่งรับสารภาพว่าสาเหตุมาจากความขัดแย้งที่นายวรยุทธ นำโฉนดที่ดินของพ่อตาไปจำนองกับบังฟัต แต่หลังจากใช้หนี้หมดแล้วบังฟัตไม่คืนโฉนดให้ เพราะนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำเงินกู้กับธนาคาร มีการฟ้องร้องคดีจนเรื่องบานปลายถึงขั้นขู่ฆ่าล้างโคตรกัน โดยตำรวจสามารถปิดคดีได้ภายในเวลาเพียง 6 วัน

    9. ศาลยกฟ้องคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ
    จากกรณีที่ บริษัทเอกชนกับพวกอีกหลายคนประกอบธุรกิจนำนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนจำนวนมากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยลักษณะทัวร์ต้นทุนต่ำ ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือที่เรียกว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” จากนั้นบังคับให้นักท่องเที่ยวซื้อสินค้าจากบริษัทฯ และกิจการในเครือของผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับความเสียหายนับหมื่นล้านบาท ซึ่งทางพนักงานอัยการคดีพิเศษ 3 เป็นโจทก์ฟ้องบริษัทที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ผู้ประกอบกิจการให้เช่าบริการรถบัส 13 ราย ข้อหาเป็นอั้งยี่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ร.บ.นำเที่ยวและมัคคุเทศก์ แต่ในที่สุดศาลยกฟ้องนั้น

    ต่อมา บริษัทผู้เสียหายพร้อมทนายความ ได้เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป) ให้ดำเนินคดี พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.ควบคุมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และ พ.ต.ท.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.พญาไท คณะทำงานคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ในข้อหาแจ้งความเท็จ เบิกความเท็จ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157 ซึ่งกองปราบจะส่งให้ ปปท.หรือปปช.ต่อไป

    10. ออกหมายจับรองผบก.น.5 พา”ยิ่งลักษณ์” หนี
    ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ อดีต รอง ผบก.น.5 ฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนี ไม่ไปฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. ก่อนศาลจะอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค.60

    โดยก่อนหน้านี้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และมีมติให้มีความผิดวินัยร้ายแรง ตามม.78 (1) ประกอบม.79 (6) ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547

    Police News Varieties 25/12/60

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments