ช่วงย้ายมาเป็นผู้บังคับกอง สถานีตำรวจภูธรอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
แรกๆ ตุ๊กตา-นันทวัน แพทย์สมาน เมียรัก ยังหอบหิ้วลูกชายลูกสาวมาเยี่ยม แต่ก็เป็นเพียงระยะเดียวเท่านั้น จนบางครั้งชายหนุ่มอดคิดถึงลูกเมียไม่ไหว ขับรถกลับกรุงเทพฯเพื่อไปเยี่ยม แต่ก็ไร้เงาเมียรัก
มีแต่เพียง ปู-ชนม์ยืน และปลา-กุมาริกา ลูกชายและลูกสาวอยู่กัน 2 คนกับพี่เลี้ยงและคนใช้เท่านั้น
ส่วน กุ้ง-ชอบรบ ลูกชายคนโต ถูกส่งไปอยู่ประจำที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน
ชลอ เข้าใจว่า ธุรกิจบริษัทคิงแอร์ จำกัด ของภรรยาเขาคงยุ่ง เพราะ ตุ๊กตา จ้างผู้จัดการใหม่เป็นชายหนุ่มจาก จ.นครปฐม ส่วนเธอดีดตัวเองขึ้นไปเป็นประธานบริษัทแทน
ทั้งคู่ห่างเหินกันไปมาก จนกระทั่งวันหนึ่ง ชลอ ขับรถกลับมาจากมวกเหล็ก นั่งเล่นกับลูกๆทั้ง 2 คน จนถึงเวลานอน จึงให้พี่เลี้ยงพาเด็กๆไปนอน
ส่วนชายหนุ่มมานั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขกหน้าบ้าน ที่ปิดสวิทซ์ไฟจนมืด
เกือบ 4 ทุ่ม แสงไฟจากรถเบนซ์ของ ตุ๊กตา-นันทวัน สาดเข้ามาในตัวบ้าน ก่อนมานิ่งสนิทอยู่ในที่จอดรถ
เธอเดินลงมาจากรถ สายตาเหลือบมองดูรถกระบะมาสด้าของ ชลอ ที่จอดอยู่ข้างๆแว่บนึ่ง ก่อนเดินเข้าไปห้องรับแขก
“ทำไมเพิ่งกลับ….”
เสียงชลอดังกร้าวฝ่าความมืด ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้ง แต่ยังตั้งสติเปิดสวิทซ์ไฟ และจ้องกลับมาที่ต้นเสียงสามีนายตำรวจ
“งานเราเยอะ…คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่ วันนี้ไม่มีมีคิวอยู่กับเด็กพาณิชย์หรืออีนักร้องคนไหนเหรอ ถึงกลับมาบ้านได้…..”
ตุ๊กตา ตั้งหลักก่อนสวนกลับเพราะรู้เท่าทันกำพืดสามีนายตำรวจ
“เป็นตำรวจต้องคลุกคลีหาข่าวกับคนในพื้นที่ ก็เฮฮาไปอย่างนั้น …ไม่เหมือนเธอนี่ งานยุ่งจนไม่มีเวลากลับบ้าน ต้องนอนค้างที่ทำงานอย่างนั้นหรือ….”
ชลอ ไม่ลดละ หลังจากเคยมีปากเสียงเกี่ยวกับเรื่องนี้กันมาหลายครั้ง
“อ๋อ…เวลาว่างมากนักนี่ ถึงขั้นมาสืบสวนฉันว่านอนบ้านไม่นอนบ้านแล้วหรือ….”
นันทวัน หันมาเกรี้ยวกราด พร้อมกึ่งโยนกึ่งขว้างกระเป๋าถือลงบนเก้าอี้รับแขก เฉียดหน้านายตำรวจหนุ่มไปนิดเดียว
“เอายังงี้…เอาเป็นว่าผมรู้เรื่องทุกอย่างก็แล้วกัน เรื่องของเราให้มันจบแค่นี้ บ้าน ธุรกิจ ทั้งหมด ผมยกให้…”
คราวนี้ ชลอ พูดเสียงนุ่มแต่ทำเอาตุ๊กตา-นันทวัน ถึงกับนิ่งอึ้ง
“แต่ ลูกทั้ง 3 คน ผมจะเอาไปเลี้ยงเอง……”
หญิงสาวเจ้าของธุรกิจคิงแอร์ หันกลับมองหน้าสามีอีกครั้ง ขณะที่ชลอจ้องใบหน้าหญิงสาว ด้วยสายตาคนแพ้เกม
เกมแห่ชีวิต ที่ทั้งคู่ไม่สามารถประคับประคองต่อไปได้ แม้จะมีกุญแจใจล่ามอยู่ถึง 3 คน
คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายที่เขา และเธออยู่ด้วยกัน
แต่เหมือนอยู่คนละโลก
วันรุ่งขึ้น ชลอ พร้อมเครื่องใช้ส่วนตัวแค่กระเป๋าใบเดียว ขับรถกระบะออกจากบ้านพร้อม ลูกชายและลูกสาววัยแบเบาะ มุ่งหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
ชลอ รู้ว่า ตุ๊กตา-นันทวัน เป็นคนใจแข็งเพียงไร….
ครั้งนี้คงไม่…เพราะชลอ ขับรถออกไปโดยไม่ทันเห็น ตุ๊กตา-นันทวัน ยืนมองลงมาจากหน้าต่างห้องนอนชั้น 2 ด้วยสายตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตา
—————————————-
อีก 1 ชั่วโมงต่อมา ชลอขับรถกระบะมาสด้าคู่ใจ พาลูกชายลูกสาวทั้ง 2 คน เข้าพื้นที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
ชายหนุ่มหมุนพวงมาลัยรถเลี้ยวซ้ายเข้าตลาดมวกเหล็ก ตรงไปบ้านพักหลวงหลังโรงพัก
แม้ในอกจะยังสะท้อนกับปัญหาชีวิตคู่ที่ต้องแยกทางกันเดิน เหมือนชีวิตเพื่อนๆพี่ๆนายตำรวจนักสืบคนอื่นๆ
“อะไรกันวะ….”
จังหวะนั้นเห็นตำรวจนอกเครื่องแบบคนหนึ่ง จำได้ว่าเป็นลูกน้องในโรงพัก จึงเรียกเข้ามาดูแลลูกๆทั้ง 2 คน ที่นอนหลับอยู่ในรถ ก่อนที่เขาจะลงไปอำนวยความสะดวกในฐานะผู้บังคับบัญชาในพื้นที่
เกือบ 1 ชั่วโมงถัดมา ไฟสงบ ชลอ เดินกลับมาท่ีรถ เอ่ยปากขอบใจลูกน้องที่เป็นธุระช่วยดูแล ก่อนขับฝ่าฝูงชนที่เริ่มแยกย้ายกลับเข้าไปหาสิ่งของที่เหลือในซากปรักหักพังของกองไฟพิโรธเมื่อสักครู่
ในใจชายหนุ่มครุ่นคิด อะไรกันนักหนา งานในหน้าที่ยังถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ครอบครัวมีปัญหา แถมจะเข้าบ้าน ไฟยังขวางอีก .
หรือช่วงนี้กูจะดวงตก…
ชายหนุ่มเลี้ยวรถจอดข้างบ้านหลวง มีลูกน้องตำรวจ 2-3 นาย ยิ้มและทำความเคารพให้กับผู้บังคับกอง ขณะที่เจ้าตัวฝืนยิ้มรับ พร้อมเรียกให้มาช่วยขนกระเป๋าและสัมภาระของลูกๆขึ้นไปไว้บนบ้าน
“ไอ้ศาสตร์….บอกเมียมึง อยู่เฉยๆมาช่วยเลี้ยงลูกผู้กองหน่อย มีเบี้ยเลี้ยงให้”
ชลอบอกลูกน้องฝ่ายสืบสวนของโรงพักที่เข้ามาทำความเคารพ ท่ามกลางสายตางงงวยของลูกน้องฝ่ายสืบสวนคนนี้ แต่ก็ไม่กล้าขยับปากถามถึงเรื่องส่วนตัวของผู้บังคับบัญชาหนุ่ม
หลังอาบน้ำอาบท่า เนื้อตัวสะอาด พันตำรวจตรีหนุ่มเรียกลูกน้องเอางานธุรการมาตรวจ และดูบันทึกประจำวัน ว่าช่วงที่เขาไม่อยู่มีคดีหรือมีเหตุการณ์อะไรบ้าง แต่ทุกอย่างยังเป็นปกติ
ขณะที่บังอร เมียจ่าศาสตร์ ลูกน้องฝ่ายสืบสวน กำลังกล่อมลูกๆเขาใกล้จะหลับ
ชายหนุ่มเดินเข้าไปมองลูกน้อยทั้งคู่ด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนละสายตาจากลูกน้อย ดวงตากลับมาแข็งกร้าวตามเดิม พร้อมตะโกนเรียกจ่าศาสตร์ ที่นั่งอยู่หน้าบ้านออกไปตรวจพื้นที่ด้วยกัน
“เดี๋ยวเอ็งกับเมีย ย้ายมาอยู่บ้านผู้กองชั่วคราว เลี้ยงลูกให้หน่อย จนกว่าจะหาพี่เลี้ยงได้…”
ชลอ บอกลูกน้อง ก่อนขึ้นรถจี๊ปหลวงวิลลี่ ออกจากบ้านพักหลังสถานีตำรวจ มุ่งเข้าไปในเมืองเขตรับผิดชอบ
“เฮ้ย…กินร้านนี้ดีกว่าว่ะ…”
ชลอบอกจ่าศาสตร์ ก่อนเลี้ยวรถหลวงปร๊าดเข้าไปในร้านอาหารที่มีนักร้องสาวสวยและดนตรีเป็นกับแกล้ม
นายตำรวจหนุ่มเดินไปที่โต๊ะสุดท้ายหลังร้าน ลากเก้าอี้นั่งพิงผนัง หันหน้าออกหน้าร้านในชัยภูมิที่เขาสามารถมองเห็นทุกความเคลื่อนไหวภายในร้านทั้งหมดได้
อึดใจต่อมา สาวน้อยในชุดนักร้อง หน้าตาจิ้มลิ้ม หุ่นอวบอิ่ม ปรี่เข้ามาทักทาย พร้อมโกเนี้ยวเจ้าของร้าน
“หวัดดีครับ…ผู้กอง วันนี้มาเร็วจัง กับข้าวกับแกล้มเอาเหมือนเดิมนะครับ เดี๋ยวผมสั่งให้…อ้อ แล้วหนูดูแลผู้กองดีๆนะ”
โกเนี้ยว….พูดเองเออเองเอาใจนายตำรวจใหญ่ในพื้นที่ ก่อนโซดาน้ำแข็ง และรีเจนซี่แบนจะถูกยกมา
นายตำรวจหนุ่มในชุดนอกเครื่องแบบ ยกเหล้าซดทีเดียวหมดแก้ว แบบไม่พูดไม่จา ท่ามกลางสายตางุนงงของ จ่าศาสตร์ และโกเนี้ยว
ชายหนุ่มไม่พูดอะไร นอกจากยื่นแก้วส่งให้นักร้องสาวไปชงมาอีก ก่อนยกดื่มหมดแก้วเหมือนเดิม
เหลือทิ้งไว้แต่จ่าศาสตร์นั่งเป็นเพื่อนอยู่คนเดียว
ขณะที่ชายหนุ่ม เหมือนตกอยู่ในภวังค์ เขาครุ่นคิดถึงภาพในอดีต ภาพเหตุการณ์ระหว่างตุ๊กตา-นันทวัน กับเขา จนมาถึงวินาทีสุดท้ายในชีวิตคู่
ภาพเก่าๆเมื่อครั้งเจอกันในวันที่เขาแข่งรักบี้ ปรากฏเป็นลำดับ ก่อนถึงวันแต่งงาน และมีลูกๆด้วยกัน พร้อมกับความเป็นปึกแผ่นในครอบครัว
“เอาน่า ผู้หญิงแม่งไม่ได้มีคนเดียวในโลก หาใหม่ก็ได้วะ…”
ชลอคิดตกบอกตัวเองในใจ ก่อนกระดกเหล้าพรวดเดียวหมดอีก โดยไม่คุยกับใครในโต๊ะเหล้าวันนั้นเลยแม้แต่คำเดียว
วันต่อมา ชลอเริ่มออกตระเวนในพื้นที่มวกเหล็ก หาเรื่องกินเหล้ากับคนในพื้นที่ รวมไปถึงเจ้าของธุรกิจฟาร์มโคนมหลายแห่งที่อยู่ในอำเภอมวกเหล็กด้วย
แต่พอกลับมาถึงบ้านพักหลังสถานีตำรวจภูธรอำเภอมวกเหล็กเมื่อไหร่
ชลอ จะกลับกลายเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ เลี้ยงดู ปู-ปลา ลูกชายลูกสาว ที่ตุ๊กตา-นันทวัน แพทย์สมาน เหลือทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์ความรักของเธอและเขา
—————————————–
เย็นวันที่ 5 เมษายนพุทธศักราช 2516
พันตำรวจตรีชลอ เกิดเทศ พร้อมลูกน้องตำรวจและฝั่งปกครองของนายอนุ สงวนนาม นายอำเภอมวกเหล็ก กำลังเตะฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน
เหงื่อยังออกไม่เต็มเม็ด ลูกน้องที่โรงพักวิทยุบอก มีโจรบุกปล้นบ้าน และเข้าไปรื้อค้นกุฏิวัดมวกเหล็กได้ทรัพย์สินไปจำนวนหนึ่ง
ชลอ วิทยุกลับไปให้ลงบันทึกถ้อยคำผู้เสียหายเบื้องต้น และให้แจ้งตำหนิรูปพรรณคนร้าย รวมทั้งจัดชุดสืบสวนติดตามคนร้ายล่วงหน้า ส่วนตัวเขา และกำลังจะตามไปสมทบ
นายตำรวจหนุ่มกลับเข้าไปอาบน้ำล้างตัวพอให้สดชื่น ก่อนเปลี่ยนชุดใส่เสื้อยืดคอกลมสีแดง กางเกงยีนส์ รองเท้าหนังสีดำมันวับ
คาวบอยเมืองไทยก้าวขึ้นรถจี๊ปวิลลี่ หมุนกุญแจสตาร์ทเครื่อง เหยียบคันเร่งรถ โดยมีลูกน้องตำรวจนอกเครื่องแบบอีก 3 คนกระโดดขึ้นรถตามมาติดๆ ก่อนขับมุ่งหน้าตรงไปยังหมู่บ้านที่เกิดเหตุ
ชลอขับรถวิ่งไปตามถนนมิตรภาพ ระหว่างนั้นเจอชาวบ้านเดินสวนทางมา เมื่อสอบถามหาข่าวทราบว่า เมื่อสักครู่ใหญ่เห็นชายท่าทางมีพิรุธ 3 คน เดินตัดป่าหญ้าออกไปทางถนนมิตรภาพ
ชลอขับรถย้อนกลับไปบนถนนใหญ่สายมิตรภาพอีกครั้ง ระหว่างอยู่บนเนิน มองเห็นชายต้องสงสัย 3 คนหิ้วของพะรุงพะรังอยู่ริมถนน
“ใช่พวกมันแน่…”
เขาเห็น จ่าศาสตร์ ยกปืนคาร์บินพาดกระจกหน้ารถ นิ้วเข้าไปอยู่ในโกร่งไกเตรียมยิง เข้าทำนองใส่ก่อนได้เปรียบ
นายตำรวจหนุ่มตวาดกลับเพราะรู้เท่าทันความคิดลูกน้อง
“เฮ้ย….อย่า นักเลงเขาไม่ยิงคนข้างหลัง……”