ลูกชายคนสุดท้องจาก 5 คน ของครอบครัวค้าขายในกรุงเทพฯ หลังจบม.6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เบนเข็มเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 29 นรต.45 ตามคำขอของพ่อเพราะอยากให้เป็นตำรวจ
ชีวิตราชการเริ่มที่วัดพระยาไกร
พ้นรั้วสามพรานบรรจุครั้งแรกเป็น รอง สว.สอบสวน สน.วัดพระยาไกร ลาไปศึกษาต่อต่างประเทศ ที่ Kentucky State University สหรัฐอเมริกา สาขารัฐประศาสนศาสตร์ ปริญญาโท public administratio กลับมา รอง สว.ธุรการ กก.นโยบายและแผน บช.น. พี่อ้วน สุรพล ธนโกเศศ นับถือเป็นอาจารย์คนหนึ่ง ให้ผมไปช่วยที่งานแผน บช.น
ผู้การป๊อก191 -พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ(บก.สปพ.)ย้อนเส้นทางชีวิตกับ policenewsvarieties
ผู้ใหญ่แนะเป็น นว.วิโรจน์ จันทรังษี
จากนั้นพี่ปิยะ อุทาโย ขณะนั้นเป็น ผกก.ทะเบียนพล ของ บช.น. แนะนำผมให้ไปเป็นนายเวรผู้การอำนวยการ ที่มาดำรงตำแหน่งใหม่ คือท่านวิโรจน์ จันทรังษี ผมเลยเป็นนายเวร ท่านอยู่ได้ปีหนึ่ง ย้ายไปเป็นผู้การ บก.น. 2 ก็ตามไปเป็นนายเวร อีก 2 ปีถัดไป ท่านไปเป็นผู้การ 4 ก็ย้ายตามไปเป็นอีก….
ขึ้นสารวัตร-รองผกก.ที่บช.ก.
ขึ้น สว. งานข่าว บช.ก.เป็นกองกำกับการข่าว ได้1 ปี ย้ายไปเป็น สว.ท่องเที่ยว ที่สนามบินดอนเมือง 3 ปี จากนั้นขึ้น รอง ผกก.6 บก.รน. คุมโซนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ริมแม่น้ำโขงตลอดระยะทางประมาณ 900 กิโลเมตร ย้ายกลับมาเป็น รองผกก.ศูนย์เทคโนโลยี บช.ก. อยู่ได้ปีเดียว ท่านวิโรจน์ ขึ้นเป็น ผบช.น. ปี 2548 เลยให้ผมกลับนครบาล เป็น รองผกก.2 บก.จร.แต่ว่ามาช่วยอยู่ที่สำนักงาน
ผกก.ดีกรี 2 โรงพักดีเด่น
ปี 2550 ท่านเกษียณ ย้ายไปเป็น รอง ผกก.จร.บุคคโล ขึ้น ผกก.สน.สมเด็จเจ้าพระยา ปี 2552 อยู่ 2 ปี ได้โรงพักเพื่อประชาชนดีเด่น อันดับ 1 ของโรงพักในกลุ่ม 2 เขาเลยขยับผมไปขึ้นเป็น ผกก.สน.ดินแดง เป็นโรงพักชั้น 1 อยู่ดินแดง 3 ปี ปีสุดท้ายได้โรงพักเพื่อประชาชน อันดับ 1 ของกลุ่ม 1 กลับไป บช.ก.อีกในตำแหน่ง ผกก.ฝอ.4 บช.ก. เกี่ยวกับเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง
กลับบช.ก.ทำคดีโรฮีนจา
ก็ได้ความรู้ คือคิดว่าไปอยู่ที่ไหนก็ตาม ต้องศึกษาเก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์จากตำแหน่งทุกตำแหน่งที่เราไปอยู่ หน้างานทุกตำแหน่ง มีประโยชน์ อยู่ ฝ.4 ได้ไม่นานมีสถานการณ์ ค้ามนุษย์ โรฮีนจา ภาคใต้ ผู้บังคับบัญชาไว้วางใจ ให้ผมลงไปแก้ปัญหา ย้ายไปเป็น ผกก.5 บก.ปคม.คุมโซนภาคใต้ ตั้งแต่สมุทรสาคร ลงไปถึงภูเก็ต
ขึ้นรองผู้การ191คุมงาน ถปภ.
แต่ด้วยความคุ้นชินกับนครบาล ผู้บังคับบัญชาเลยโยกกลับมานครบาล อีกครั้ง เป็น ผกก.สน.เทียนทะเล บก.น.9 อยู่ได้ 1 ปี ขึ้น รอง ผบก.สปพ.หรือตำรวจ 191 ปี 2559 รับหน้าที่ คุมกิจการพิเศษ เกี่ยวกับเรื่องของการรับเสด็จฯ สมัยนั้น ท่าน รอง ผบ.ตร.-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็น ผบก.ท่านให้ช่วยดูเรื่องของการถวายความปลอดภัยทั้งหมด อยู่จนครบขึ้น ผบก.สปพ.
ผู้การป๊อกเล่าถึงเส้นทางชีวิตราชการจนกระทั่งติดยศนายพล
แต่ละกก.เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
191 มี 8 กก. 1 กก.คือฝ่ายอำนวยการ อีก 7 กก.เป็นเรื่องของการปฏิบัติงาน แต่ละ กก.จะมีความเป็นเฉพาะทางของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสายตรวจ จะดูแลเรื่องความปลอดภัยของประชาชน
กก.ต่อต้านการก่อการร้าย หรืออรินทราช ดูเรื่องความมั่นคง เหตุร้ายแรงที่ก่ออันตราย ภัยคุกคามต่อประเทศและประชาชน กก.ม้า รับเฉพาะเรื่องของม้า กก.สุนัข ต้องมีความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับเรื่องสุนัข
กก.เก็บกู้วัตถุระเบิด ศูนย์รวมข่าว หรือศูนย์วิทยุผ่านฟ้า ชำนาญในเรื่องการรับแจ้งข้อมูล ส่งต่อ เอาข้อมูลมาวิเคราะห์ กลุ่มงานสัตวแพทย์ และสัตวบาล จะเป็นเรื่องการดูแลรักษาสัตว์ ทั้งม้า และสุนัข ที่เรารับผิดชอบ เพราะฉะนั้นทุก กก.จะมีความเฉพาะทางของตัวเอง
ผสานผสมให้มีประสิทธิภาพ
ตรงนี้ ผมมองว่า 1.เราต้องทำยังไง ให้ตำรวจเรา ที่อยู่ใน กก.ที่มีความเฉพาะทาง มีทักษะ มีความชำนาญ ในเชิงลึกของแต่ละเรื่องให้มากขึ้น 2. ถึงแม้จะมีความเป็นเฉพาะทาง แต่การทำงานจริงๆ บางครั้งควรจะต้องนำกำลังแต่ละ กก.ในส่วนที่จะมาผสมผสานกัน เพื่อที่จะไปปฏิบัติภารกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นจะต้องใช้แค่ กก.เดียว
เช่น การออกตรวจของสายตรวจ หรือการเข้าระงับเหตุ หรือการไปตรวจค้น สามารถจะดึงเอาทั้งสุนัข ดึงเอาทั้งอีโอดี อรินทราช มาร่วมปฏิบัติกับสายตรวจ ก็ได้ ในการทำงานของอีโอดี ไม่จำเป็นต้องทำหน่วยเดียว สามารถเอาสุนัข ไปร่วมตรวจได้
คือหลายๆ ภารกิจ ต้องผสมผสานทุก กก.เข้าด้วยกัน แล้วใช้กำลังที่มีอยู่ในส่วนของ บก.สปพ.ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเข้าไปดูแลประชาชน ในการเข้าไปปฏิบัติภารกิจตามเป้าหมาย ที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
ส่วนของการสืบสวนปราบปราม ผู้การป๊อกเล่าว่า
ตรงนี้หลักอยู่ที่ กก.สายตรวจ จะมีรถวิทยุที่ออกตรวจตรา รักษาความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชน สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่อยากจะไปตรวจตรงไหนก็ไปตรวจ
ทุกวันนี้เราวิเคราะห์อาชญากรรมเป็นรายสัปดาห์ คือพอผ่าน 1 สัป ดาห์ จะเอาข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ว่าเหตุที่เกิดที่เรารับแจ้งผ่านศูนย์ 191 ก็จะกลับไปอย่างที่ผมบอก ที่ว่าเราต้องพยายามผสมผสาน กก.ต่างๆ มาจอยกัน
เก็บสถิติรับแจ้งเหตุมาวิเคราะห์
สิ่งสำคัญคือ เมื่อมีคนมาแจ้งเหตุ 191 เราเก็บสถิติไว้ว่าเหตุเกิดที่ไหน เมื่อไหร่ ห้วงเวลาเกิดเหตุเวลาใด เหตุที่เกิดบ่อย เป็นเหตุเกี่ยวกับอะไร พื้นที่ที่เกิดบ่อย เกิดที่ไหน เอาตรงนี้มาวิเคราะห์ว่าเราควรจะจัดสายตรวจ ไปจุดไหนเป็นพิเศษ
ส่งสายตรวจสายสืบไปตามไทม์มิ่ง
จุดไหนที่อันตราย วิเคราะห์แล้วจะเกิดเหตุ จะเปลี่ยนแปลงไปตามไทม์มิ่ง บางช่วง บริเวณนี้เกิดเหตุลักทรัพย์บ่อย บางช่วงเกิดเหตุทะเลาะวิวาท นักเรียนตีกันมาก ก็จะจัดสายตรวจให้สอดคล้องกับสภาพอาชญากรรมที่เกิดขึ้น จะมีชุดนอกเครื่องแบบไปสืบสวนจับกุม หรือยุติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยๆตรงนั้นตามที่ได้รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้ง191หลายๆเคส สามารถจับกุมได้
อย่างเช่น ช่วงปลายปี มีเหตุลักทรัพย์สายไฟบ่อยมากในบริเวณใกล้เคียงกัน กก.สายตรวจ จัดชุดนอกเครื่องแบบไปสืบสวน เฝ้าจุดจนจับกุมแก๊งลักสายไฟได้
กล้อง4หมื่นตัวทั่วกรุงเป็นตัวช่วย
อีกอันที่เราทำของศูนย์ผ่านฟ้า ศูนย์ 191 ใช้วิธีดึงภาพจากกล้องซีซีทีวี ที่อยู่ใน กทม.รวมกับกล้องที่ท่าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผบ.ตร.ท่านได้ทำไว้ทั้งหมด 4 หมื่นกว่าตัว ดึงเข้ามาไว้ที่ศูนย์ 191 เห็นในทุกมุมที่มีกล้อง พอเกิดเหตุตรงไหนขึ้นปุ๊บ เจ้าหน้าที่จะหาว่ากล้องบริเวณที่เกิดเหตุมีไหม มีกี่กล้อง แล้วดึงภาพขึ้นมา
เสร็จแล้ว ภาพนี้จะส่งไปให้กับ สน.ที่เกิดเหตุ ซึ่งสน.เขาไม่มี จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการรับแจ้ง ในการส่งข้อมูล เกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้น ให้กับพื้นที่เกิดเหตุ
ใช้ 3ช่องทางแจ้งเหตุให้ท้องที่
จากเดิมทำแค่ 2 อย่าง คือ 1.แจ้งทั้งระบบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ จะมีระบบรับแจ้งของ 191 ที่เชื่อมโยงกับทุก สน.อยู่แล้ว พอเรารับแจ้งปุ๊บ คีย์ในระบบ ระบบจะส่งผ่านไปให้ สน.ทันที กับ 2. จะแจ้งทางวิทยุด้วยส่วนหนึ่ง ว่ามีเหตุอย่างนี้ ตอนนี้เราเพิ่มเข้าไปก็คือ ส่งภาพวงจรปิดให้กับ สน. เพื่อให้เขาเห็นภาพ ว่าเป็นอย่างไร ก็เป็น 3 แล้ว
เพิ่มอีกช่องทาง แจ้งเหตุผ่านแอป191
สิ่งที่เราเริ่มทำอีกอย่างหนึ่ง อยู่ระหว่างเตรียมการประชาสัมพันธ์ คือเราสร้างแอปพลิเคชั่น 191 คือเดิมประชาชนจะแจ้งเหตุทางโทรศัพท์ กด 191 โทร.เข้ามา จะมีระบบรับแจ้งเหตุ พอโทร.มาปุ๊บ ต้องถามว่า เหตุเกิดที่ไหน โทร.จากตรงไหนเพื่อจะหาพิกัด จะได้ส่งสายตรวจไปถูก อาจจะเสียเวลาในการโทร.ตรงนี้ สอบถามข้อมูลตรงนี้ ไปนิดหนึ่ง
เพิ่มประโยชน์จากวีดีโอคอล
ต่อไปนี้ ถ้าเกิดใช้แอปฯ โทร.ผ่านแอปฯ ตัวใหม่ พิกัดจะขึ้นทันทีเลย ไม่ต้องถามแล้ว โทร.จากไหน ถ้าเขาโทร.จากที่เกิดเหตุปุ๊บ พิกัดจะขึ้นทันที ถามรายละเอียดต่อได้เลยเกิดอะไรขึ้น อีกอย่างที่ใช้ได้คือการใช้วีดีโอคอล ผู้แจ้งสามารถ ส่งภาพระหว่างสนทนากับเราไปได้ในตัว จะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้โหลดได้เลย ทุกวันนี้ เราประชาสัมพันธ์ไปในตัวว่าต่อไปคุณโทร.มาแจ้งที่แอปฯ 191 ได้นะ
อยู่ในอันตราย-ส่งภาพได้ไม่ต้องใช้เสียง
อีกอันที่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์ คือเรื่องวีดีโอคอล เพราะหลายๆ เหตุการณ์ ที่ได้รับแจ้ง จะมีกรณีที่ผู้แจ้งไม่สามารถพูดคุยผ่านโทรศัพท์ได้ เนื่องจากอาจจะอยู่ในสถานการณ์อันตราย ที่คนร้ายจับจ้อง อาจจะหยิบโทรศัพท์พูดไม่ได้ แต่ถ้าแอบใช้โทรศัพท์ แอบไลฟ์ ถ่ายภาพมาให้เห็นหน้า ตอนนี้ นั่งอยู่ ถูกขังอยู่ในรถนะ คนร้ายอยู่ 3-4 คน หน้าตาเป็นอย่างนี้ๆ
คือไม่มีเสียง อาจจะส่งเป็นภาพเข้ามา หรือคนที่ไม่สามารถที่จะพูดได้ เช่น คนที่มีความพิการเรื่องการพูด สามารถส่งเป็นภาพมาแทน ไม่จำเป็นต้องใช้เสียง
ใช้แอปฯโทรก็รู้โลเคชั่น
บางเคสที่เราเจอ ถูกขังอยู่ในห้อง แต่คนร้ายไม่ได้อยู่ด้วย แต่เขายังใช้โทรศัพท์ได้ เพราะฉะนั้น เวลาเขาโทร.มาหาเรา จะโทร.มาแบบเงียบๆ ไม่กล้าพูด กลัวคนร้ายได้ยิน โทร.ได้แป็ปเดียวแล้วรีบวาง กลัวเขาจะรู้ อย่างนี้มันจะเป็นอันตรายกับตัวเขาเอง แต่การโทร.ด้วยตัวนี้ปุ๊บ จะทำให้รู้โลเคชั่น
สมัครสมาชิกง่ายมาก
สองคือถ่ายอาจจะบอกได้ว่า หนูโดนขังแล้วกดทิ้งเลย เสร็จแล้วโทร.ใหม่ แล้วถ่ายภาพให้เห็นว่าโดนขังอยู่ที่ไหน สภาพห้องเป็นยังไง มีประตูหน้าต่าง ตรงไหน จะรง่ายต่อการที่ตำรวจจะเข้าไปช่วยเหลือ วิธีการต้องสมัครสมาชิก ใช้บัตรประจำตัวประชาชน ไม่ได้มีความซับซ้อน คือสมัครง่ายมาก
ข้อมูลผู้แจ้งเป็นความลับ
ยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นระบบการรับแจ้งเหตุเดิม ผ่านโทรศํพท์ธรรมดา หรือจะผ่านแอปฯ ข้อมูลผู้แจ้ง เป็นความลับ เราไม่เปิดเผยข้อมูลพวกนี้ให้ใคร ผู้แจ้งไม่ต้องกลัว ยืนยันได้เลย ข้อมูลทุกอย่างที่ประชาชนโทร. แจ้งเข้ามา เก็บเป็นความลับ เราเอามาวิเคราะห์มาใช้เฉพาะกรณี ใช้วิเคราะห์เฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม เพื่อใช้ในการป้องกันเหตุ
พัฒนาคนเพิ่มศักยภาพ
นอกจากแอปฯ ที่เป็นเชิงรุก ผมมองว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการที่จะพัฒนาศักยภาพ หรือเพิ่มประสิทธิภาพ ในการที่จะออกไปป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ไปดูแลความสงบเรียบร้อย ไปดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้กับประชาชน สิ่งที่ตำรวจเราต้องเพิ่มมากขึ้น คือต้องพัฒนาคน
เริ่มจากปลูกฝังจิตสำนึก
ผมว่าตรงนี้สำคัญ คือที่ผ่านมา เราได้รับอาวุธ ยุทโธปกรณ์ อุปกรณ์ต่างๆ ดีขึ้นเยอะมากในระดับหนึ่ง ต่างจากเมื่อก่อนเยอะ ฉะนั้น สิ่งต่อไปที่ผมคิด คือเน้นเรื่องของบุคลากร จะทำอย่างไร 1.ต้องปลูกฝังก่อนเลยจิตสำนึกในความเป็นตำรวจ ในหน้าที่ตำรวจ เข้ามาเป็นตำรวจแล้ว คุณมีหน้าที่ในการดูแลช่วยเหลือ ปกป้องประชาชน ปราบปรามผู้กระทำความผิด ช่วยเหลือสังคม จิตวิญญาณความเป็นตำรวจ ต้องเริ่มต้นจากตรงนี้
ฝึกเป็นตำรวจมืออาชีพ
2. ทำอย่างไร ให้ตำรวจมีความเป็นตำรวจมืออาชีพ มีความรู้ ความสามารถเฉพาะทาง ในเรื่องที่เขาทำงาน เอาความรู้ ความสามารถที่เขามีปรับใช้ในการทำงาน ในการช่วยเหลือประชาชน เพราะฉะนั้นการอบรม หรือการปลูกฝังตรงนี้ เป็นสิ่งสำคัญ มันต้องไปพร้อมกัน ทั้งเรื่องของคุณธรรม เรื่องของความรู้ ความสามารถ
ไม่ใช่ว่าคุณทำงานตำรวจเก่งอย่างเดียว แต่ไม่มีคุณธรรม ไม่มีจิตสำนึกของความเป็นตำรวจ อย่างนี้ ผมว่ามันยังไปไม่ได้ เราต้องทำให้ตำรวจมีทั้งสองอย่าง ควบคู่กันไป แล้วประโยชน์จะเกิดกับประชาชน
หัวใจหน่วยคือ รองสว.-ชั้นประทวน
แล้วทุกที่ที่ผมอยู่ อย่างที่นี่ก็เหมือนกัน สิ่งแรกที่จะบอกลูกน้องคือ เจ้าของบ้านที่แท้จริงของทุกหน่วยที่ผมไปอยู่ คือ รอง สว.กับชั้นประทวน เขาอยู่มานานอยู่มาตลอด แล้วเป็นคนที่ทำงาน เป็นฟันเฟืองที่ทำงานจริงๆ ผมหรือแม้กระทั่งท่านรองผู้การ หรือ ผกก.จะสับเปลี่ยนกันมา ไม่ได้อยู่นานเหมือนเขา จะบอกเขาว่า เพียงแต่ผู้บังคับบัญชาให้ความไว้วางใจในการมาอยู่ตรงนี้
หน้าที่ผมคือเข้ามาบริหาร ให้คำแนะนำ หรือมาช่วยพัฒนา ทั้งในส่วนของบุคลากร เครื่องมือเครื่องใช้ สถานที่ ระบบงาน แค่นั้น แต่คนที่อยู่ ก็คือ รอง สว.และชั้นประทวน
ฉะนั้นหัวใจของหน่วยงาน คือ รอง สว.และชั้นประทวน เป็นตัวหลัก หน่วยจะไปได้หรือไม่ได้ หลักสำคัญอยู่ที่เขาเลย
ตำรวจทำได้ทั้งสร้างบุญและบาป
ตรงนี้จะบอกเขาไว้ว่า อาชีพตำรวจ ทำได้ทั้งสร้างบุญ และทำบาป เป็นของคู่กัน อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกอะไร ถ้าคุณรู้จักหน้าที่ตัวเอง มีจิตสำนึกความเป็นตำรวจ ทำงานด้วยความรับผิดชอบ ช่วยเหลือประชาชนในการแก้ไขปัญหา ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม
ชาวบ้านเดือดร้อนมา เราพบเห็นเข้าไปช่วยเหลือ แก้ปัญหาให้เขาได้ เขามีความสุข เขาสบายใจ เขาพ้นทุกข์ อย่างนี้ได้บุญ แต่ถ้าชาวบ้านเดือดร้อนมาแล้วไปซ้ำเติมเขา หรือไปทำอะไรที่เบียดเบียนเขา จนเขาเดือดร้อน นั่นคือคุณทำบาป
ย้ำอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
อีกอย่างคือ เวลาจะทำอะไร ทุกคนต้องรู้จักกรอบตัวเอง อะไรคือสิ่งที่ควรทำ อะไม่ควรทำ กรอบมีอยู่แค่ไหน ให้นึกง่ายๆ ถ้าคนที่เราจะไปกระทำเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง ลูกเมีย ถามว่าจะทำกับเขาอย่างนั้นไหม คุณเอาความรู้สึกตรงนั้นมาจับ แล้วคุณอย่าไปทำ อะไรก็ตาม ถ้าเกิดคุณมีจิตสำนึก มีความไตร่ตรอง มีการระงับยับยั้งใจ แล้วคิดว่าสิ่งที่คุณทำ ถูกหรือไม่ถูก
ทำอย่างไรให้ปชช.รักและเชื่อมั่น
ทุกวันนี้ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ตำรวจไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเมื่อก่อน ต้องปรับตัวเองให้เข้าสังคมในการที่จะอยู่กับสังคมให้ได้ ต้องเอาเรื่องของประชาชนเป็นตัวตั้ง จะทำงานยังไงให้ประชาชนรักเรา เชื่อมั่นเรา เพราะสิ่งที่เราทำแล้วมันอาจจะไม่ถูกต้องหรือนอกกรอบ
ทุกวันนี้ถูกตรวจสอบได้ง่าย โทรศัพท์หรือโลกโซเชียลมันเร็วมาก ฉะนั้นทุกคนก็ต้องทำงานด้วยความมีจิตสำนึกในการทำหน้าที่ในความเป็นตำรวจ มากขึ้น ให้รู้ว่าเรามีหน้าที่อะไร
ยกเคสสายตรวจปิดคดีสะเทือนใจ
อย่างเคสล่าสุด เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเป็นจิตวิญญาณเป็นตำรวจจริงๆ สายตรวจ191 เห็นน้องเดินร้องไห้อยู่ริมถนน เขาจอดรถลงไปถาม พอถามปุ๊บ น้องก็ร้องไห้เล่าให้ฟัง พร้อมกับมีจดหมายที่พี่สาวเขาเขียนไว้ให้
ถ้าเป็นตำรวจที่ไม่ให้ความสนใจ เห็นก็ไม่จอดรถ ไม่ลงรถ หรืออาจจะลงไปถาม แต่พอเล่าให้ฟังปุ๊บ อาจจะดูแล้วเป็นเรื่องที่เอ๊ะ จริงรึเปล่า เดี๋ยวน้องไปแจ้งความโรงพักละกัน เพราะจุดที่เจอน้องเขาก็อยู่ใกล้ๆ กับ สน.บางเขน
ชื่นชมจิตวิญญาณตำรวจ
แต่นี่ไม่ใช่ เขามีความเป็นตำรวจ เขาดูลักษณะอาการแล้วเชื่อว่า น้องเดือดร้อนจริง เลยบอกน้องขึ้นรถพี่ไปเลย พาพี่ไปที่พักที่น้องบอก ไปประสานนิติบุคคลในการที่จะเข้าไปตรวจสอบที่ห้องพัก กระทั่งเข้าไปช่วยเหลือพี่สาวของผู้แจ้งรายนี้ได้ น่าชื่นชม
มีคุณภาพและคุณธรรม
ต้องเรียนว่า 191 เป็นสิ่งที่ประชาชน นึกถึงเป็นสิ่งแรก เวลาเกิดเหตุ ผมในฐานะหัวหน้าหน่วย ต้องพยายามที่จะปลูกฝังตำรวจเรา ต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ต้องนึกถึงความเดือดร้อนของประชาชน ต้องเข้าไปช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาประชาชนให้ได้มากที่สุด
รวมถึงการป้องกัน ปราบปราม เหตุอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดกับประชาชนให้ลดน้อยลง ป้องกันให้เหตุเกิดน้อยที่สุด ปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นภัยกับพี่น้องประชาชน ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ได้มากที่สุด แล้วเสริมสร้างให้ตำรวจ 191 เรา เป็นตำรวจที่มีคุณธรรม มีคุณภาพ
นี่คือพันธะสัญญาของผู้การป๊อก191-พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ที่ให้ไว้กับชาวกรุงครับ…
กากีกลาย2/4/66