Friday, October 18, 2024
More
    Homeท่องปทุมวัน2ปีบนเก้าอี้ผู้การสืบนครบาล “ผู้การจ๋อ”

    2ปีบนเก้าอี้ผู้การสืบนครบาล “ผู้การจ๋อ”

    กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาลหรือที่เรียกว่า“สืบนครบาล” ภายใต้การนำทีมของ ผู้การจ๋อหรือ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. มีผลงานเป็นที่ถูกอกถูกใจประชาชนมาก

    ไม่เฉพาะแค่ในพื้นที่ กทม. แต่เป็นคนทั้งประเทศ ดูได้จากผลงานอาชญากรรมและการตอบรับจากประชาชนที่มีให้กับเพจสืบนครบาล ยอดติดตามเป็นล้าน

    เคยคุยกับผู้การจ๋อ ตอนลุกมาจากเก้าอี้ผู้การสืบภาค2 มานั่งคุมทัพนักสืบนครบาลมาหน ถึงวันนี้เป็นเวลา2ปีแล้วที่ ผู้การจ๋อ นำทัพกองสืบสร้างผลงานมีผลจับกุมคดีใหญ่น้อยรายวัน เรามาจับเข่านั่งคุยกันกับผู้การจ๋ออีกครั้งครับ

    “คือได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาสมัยนั้น ท่านพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.แต่งตั้งให้ผมมาทำหน้าที่เป็น ผบก.สส.บช.น.หรือที่เรียกว่าสืบนครบาล หรือคนในยุคเดิมจะเรียกว่าศูนย์สืบสวน

    ตอนมาไม่ได้หนักใจอะไรเป็นพิเศษ เพราะผมเติบโตมาจากงานสืบสวนมาโดยตลอด….” 

    บิ๊กจ๋อนายพลนักสืบเริ่ม

    โน้ตส่วนตัวไว้-โตขึ้นจะทำอะไร

    ก่อนนี้จะมีไดอารี่เล่มหนึ่งจะเขียนว่า ถ้าผมเติบโตขึ้นอยากจะทำงานสืบสวนรูปแบบใด อะไรที่เป็นจุดเด่น อะไรที่ผมอยากจะพัฒนา จะเลือกการพัฒนา 3 อย่าง 1.พัฒนาคน 2.พัฒนาองค์กร และ 3.พัฒนาเรื่องการสื่อสารกับประชาชน 

    ไปอบรมตปท.ทึ่งวิธีสื่อสาร

    อย่างที่ 3 ผมได้จากการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา คือพี่อู๊ด-พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี สมัยท่านดำรงตำแหน่งเป็น ผกก.สืบ บก.น. 2 ผลักดันให้ผมได้ไปต่างประเทศ 2 รัฐ รัฐแรกที่รัฐนิวเม็กซิโก อีกรัฐเป็นรัฐหลุยส์เซียน่า ได้เห็นวิธีการ

    ตอนผมไปสมัยนั้น ปี 2541 นานมากเลย แต่วิธีการทำงานของตำรวจในการสื่อสารกับประชาชนของเขามันว้าวมาก ผมก็จดไว้ว่าถ้าผมเติบโตเป็นผู้นำองค์กรอยากจะทำแบบนั้น

    ปชส.งานผ่านสื่อ

    ฟังดูแล้วมันเหมือนมันนาน แต่พอมาถึงปัจจุบันปรากฏว่าสิ่งที่เขาทำ มันล้ำหน้ากว่าบ้านเรา 20 ปีเลย ก็คือสิ่งที่เพจสืบนครบาลกำลังทำอยู่ แต่ตอนนั้นเขายังไม่ได้เป็นเพจ  เขาเป็นลักษณะรูปแบบการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ

    อย่างเช่น เอฟบีไอ เขาจะบอกว่าเอฟบีไอมีกำลังพลไม่เยอะถ้าเทียบกับตำรวจรัฐ แต่การไปไหนคนจะมองเห็นเอฟบีไอเด่น เหมือนเยอะ สง่างามเลย เขาไม่ได้ใส่เครื่องแบบแต่เขาจะมีเสื้อแล้วโลโก้ตัวใหญ่ๆ สียังเห็นเด่นชัด 

    เช่น ถ้าใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงิน ตัวอักษรจะเป็นสีเหลืองตัวใหญ่ๆเขียนว่า เอฟบีไอ คือผมรู้สึกว่ามันเป็นสากลนะ ขนาดผมอยู่เมืองไทย ดูภาพข่าวในต่างประเทศยังยกย่องและชื่นชม ก็เอามาปรับรูปแบบมันเป็นวิวัฒนาการ 

    เรียนรู้งานกองปราบฯ

    แล้วผมโชคดีอีกคือจากที่เคยรับราชการอยู่ในนครบาล อยู่ 8 ปี เป็นสายสืบมีโอกาสข้ามไปที่กองปราบ ไปเจอครูบาอาจารย์หลายท่าน ปรากฏรูปแบบการทำงานเพื่อประชาชนเหมือนกัน แต่วิธีการคนละแบบ

    ของกองปราบไม่มีพื้นที่ วิธีการจะเป็นเชิงรุกเข้าไปจับอาชญากรรม แต่รุกของเขาเหมือนเลือกได้ จะทำคดีที่สำคัญคดีที่น่าสนใจ ซึ่งนครบาลจะทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะต้องทำทั้งหมดเหมือนเป็นการทำงานเชิงรับ

    ทึ่งทีมสืบมีนักข่าวร่วม

    สิ่งที่ผมได้จากกองปราบ คือจะเน้นทำความเข้าใจสื่อสารกับประชาชนโดยที่จะเลือกลักษณะ คือนครบาลจะทำงานปิดไม่ให้ใครรู้เป็นความลับ แต่กองปราบจะทำงานสื่อสารกับประชาชน เหมือนผู้สื่อข่าวอาชญากรรมเป็นหนึ่งในทีม

    เหมือนกับที่ผมไปอเมริกามา เขาจะมีคนที่ดีลหรือจะเป็นผู้สื่อข่าวเอง หรือจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เขาเรียกว่า โฆษกประจำทีม ที่จะสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจถึงวิธีทำงานโดยตลอด 

    ปส.ได้วิชาขุดรากองค์กรโจร

    โชคดีอีกอย่างหนึ่งของผมคือได้ไปอยู่ บช.ปส. ต้องบอกว่าแตกต่างจากนครบาลกับกองปราบ เพราะปส.เป็นการจับกุมในรูปแบบองค์กรอาชญากรรมอย่างแท้จริงแล้วข้ามชาติก็มีด้วย ฉะนั้นวิธีทำงานจะเป็นในรูปแบบเรียกว่าปฏิบัติการ ยุทธการ เพราะมันต้องตัดต้นตอ

    นำที่จดไว้มาใช้ที่กองสืบ      

    ผมก็นำทุกอย่างที่เป็นแง่ดี จด แลคเชอร์เอาไว้ ได้มาใช้มาดำรงตำแหน่งที่นี่ในวาระ ต.ค.65 ก็เอาสิ่งที่ผมเตรียมไว้ ค่อยๆนำมาใช้ แต่อย่างแรกเลยต้องทำความเข้าใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาก่อน เพราะเด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักผม

    พอไปอยู่ ปส.ต้องบอกว่า เด็กรุ่นใหม่เข้าใจว่า ปส.จะทำเรื่องยาเสพติดอย่างเดียว ไม่ทำเรื่องอื่น การทำงานร่วมกัน มันเลยไม่มี

    สร้างความเข้าใจในหน่วยอันดับแรก

    พอมาที่นี่ ก็ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจในการสื่อสารในองค์กรอยู่ 3 เดือน แต่สิ่งที่ผมเน้นย้ำอย่างแรก ผมจะเลือกทำคดีที่คนอื่นไม่สนใจ ยกตัวอย่างคดีที่มีคนเดือดร้อนแล้วไม่มีทางเลือกไม่มีทางไป หรือบางทีเงินเขาหายแค่หลักพัน หรือหลักหมื่น แต่จริงๆ มันเป็นเงินทั้งเดือนที่เขาหามาเป็นเรื่องใหญ่ของเขา 

    เน้นคดีชาวบ้านเดือดร้อน

    ผมจะไม่เลือกทำคดีที่มีรางวัลนำจับ ไม่เลือกทำคดีที่มีสินบน เพราะพวกนี้จะมีตำรวจหลายหน่วยแย่งกันทำ หรือมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานแย่งกันทำ

    ผมจะเลือกทำคดีเล็กๆ น้อยๆ มันขัดแย้งกับหน้างานในอดีตที่เขาบอกว่าศูนย์สืบสวนต้องทำคดีใหญ่นะ แต่ผมเลือกแบบนี้เพราะผมรู้สึกว่าเหมือนเขาถูกทอดทิ้ง ไม่รู้จะไปหาใคร 

    ตั้งแจ๊ะหน.ชุดพิเศษขึ้นตรงผู้การ

    ตอนแรกก็ผมก็สร้างชุดตัวเองเพื่อจะทำให้ดูที่นี่ เขาจะเรียกว่าชุดปฏิบัติการพิเศษขึ้นตรงกับผู้การ ต้องยอมรับว่า ผมให้ สว.แจ๊ะ หรือ พ.ต.ต.ธัญวิศิษฐ์ จุลพิภพ เป็นหัวหน้าชุด แต่ความเป็นจริงผมจะลงไปกำกับดูแลเมื่อมีเวลาว่างคือเวลาพักผ่อน เวลานอนอย่างนี้ ผมจะเรียกชุดนี้เข้ามาติวเพื่อจะทำเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าคดีเล็กๆน้อยๆ 

    ชาวบ้านแฮปปี้คือรางวัลนักสืบ

    พอเราทำแล้ว ผู้เสียหายเขาส่งจดหมายมาขอบคุณเรา เราขออนุญาตเขาเอาไปเผยแพร่  จริงๆไม่ใช่แค่เผยแพร่ให้ประชาชนรู้เท่านั้นนะ ให้ตำรวจในหน่วยในองค์กรผมรู้ว่าคดีแบบนี้มันทำแล้ว เขาเรียกว่ารางวัลนักสืบ

    เหมือนที่อาจารย์ผม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข สอนไว้ แล้วมันก็ได้ผลอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน ได้ผลไวมากเลย เพราะผมเชื่อแน่นอนว่า ตำนานสืบเหนือ ใต้ ธน แล้วมาเป็นสืบสวนนครบาลเนี่ย คนที่เป็นนักสืบ เป็นหน้างานที่หนัก เป็นหน้างานที่จะต้องเสียสละ 

    คุยเข้าใจคราวนี้จับแหลก

    การสื่อสารของคนในองค์กร พอผมจุดติดเท่านั้น วันนี้จะเห็นได้เลยว่า สืบนครบาลจับกันไม่หยุด ผมไม่ได้บอกว่าให้เขาจับกันเท่าไหร่นะครับ วันนี้ผมต้องบอกลูกน้องผมว่า มีเวลาอย่าลืมดูแลตัวเอง อย่าลืมหันไปดูแลครอบครัว

    แต่สิ่งที่ผมภูมิใจที่ได้มาดำรงตำแหน่งนี้ เพราะลูกน้องผมปัจจุบันยังไม่ยอมหยุดเลย จะเห็นเลยว่าไม่มีใครปฏิเสธไม่มีใครเกี่ยงงาน 

    ชาวบ้านคาดหวังแต่กำลังมีน้อย

    แต่วันนี้ ต้องบอกว่า พอเรามีความคาดหวังของประชาชน ผู้เสียหายจากทั่วสารทิศ เข้ามาขอความช่วยเหลือ แต่กำลังพลของผม มีแค่ 300 คน แต่ความต้องการ และความเดือดร้อนของประชาชนมีจำนวนมากแล้วมีขีดจำกัดด้านกฎหมายหลายๆประการ 


    เพราะคำว่าสืบสวนนครบาลคือดูแลเฉพาะใน กทม.
    ถ้านอกเหนือจาก กทม.แล้ว ยังไม่มีหมายจับ หรือมันจะต้องออกไปสืบ โดยธรรมเนียมหรือการปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ทำไม่ได้ บางทีเราไม่อยากจะปฏิเสธหรือต้องอธิบายให้ผู้เสียหายไม่สบายใจ 

    ใช้เพจสืบนครบาลเตือนภัย

    แต่วันนี้เราค่อยๆ ทำ จาก 1 เป็น 2 เป็น 10 เป็น 100 คือถ้าที่ผมไปอเมริกา คือเขาจะดูการตอบรับจากประชาชน มันไม่จำเป็นต้องทำโพลสำรวจ วันนี้เราอยู่ในยุค 5จี มีวิวัฒนาการ

    ผมเลยสร้างเพจสืบนครบาล ไอดีเอ็มดี เป็นเพจองค์กร จริงๆแล้ว ไม่ใช่ประชาสัมพันธ์หน่วยอย่างเดียว มันเป็นการเตือนภัยให้ผู้เสียหาย เตือนภัยคนที่คิดจะไปทำความผิด

    คอมเมนต์บวกคือกำลังใจ

    ข้อสำคัญคือ ให้ตำรวจที่ไปทำงานได้กลับมาดูว่าสิ่งที่เขาทำงานถูกคอมเมนต์ยังไง ถ้าเป็นลบจะได้ถอดบทเรียนมาปรับปรุง คอมเมนต์เป็นบวก ผมอ่านแล้ว ขนาดบางเรื่องผมไม่ได้ลงไปเป็นผู้ปฏิบัติเอง ผมยังมีความสุขอ่านไปแล้ว มีความรู้สึกว่ายอมเหนื่อยต่อ ยังไม่ยอมหยุดทำ แล้วคนที่เขาลงไปทำจริงๆ ผมเชื่อว่าเขาคงมีกำลังใจ เป็นกำลังใจที่ดี 

    ทำเสื้อ-แก้วขายหาเงินทำงาน

    ต้องยอมรับว่า ตำรวจงบประมาณน้อยถึงน้อยที่สุด เงินเดือนน้อย การออกไปทำงาน สวัสดิการต่างๆไม่ดีเลย ผมในฐานะผู้นำหน่วยพยายามจะเสียสละทุกอย่างแล้ว ก็ยอมรับว่าทำเสื้อมาขาย ทำแก้วมาขาย เอาเงินส่วนนี้มาให้ลูกน้องทำงาน เขาก็ตอบรับ

    วันนี้งานมันออกมาภายใน 2 ปี ต้องบอกว่าคุ้มค่าที่สุดในการดำรงตำแหน่งการเป็นตำรวจแล้ว

    ทำศูนย์เรียนรู้จากผู้ปฏิบัติจริง            

    อย่างชุดปฏิบัติการพิเศษ ที่ผมเป็นผู้กำกับดูแลเอง คือต้องบอกว่า อีกเรื่องหนึ่งที่ผมได้มาจากที่ต่างประเทศ คือศูนย์การเรียนรู้ จากที่ได้ไปอบรมเห็นวิธีการสอนวิธีการอบรมของเขา เป็นเชิงความเป็นจริง สามารถเอาไปทำงานได้เลย ไม่ใช่การไปนั่งเรียนในห้องเรียน

    เพราะฉะนั้นการที่จะเรียนแบบนี้ คนสอนต้องไม่ใช่นักวิชาการมันจะต้องเป็นผู้ปฏิบัติ 


    รู้จักนักสืบดีเอ็นเอเดียวกันเพิ่ม

    ตั้งแต่ผมมาวันแรก วันที่ 3 ต.ค.2565 ผมแถลงนโยบายกับลูกน้องว่าผมจะทำที่นี่เป็นศูนย์การเรียนรู้  ก็เชื่อว่ามันเพิ่มภาระให้กับตำรวจผู้ปฏิบัติเพิ่มขึ้นอีก เพราะจะต้องมาสอนตำรวจทั่วสารทิศที่มาเรียน

    แต่วันนี้มันกลายเป็นความสนุก ไม่ใช่ความลำบาก คือ 1.ได้รู้จักกัน 2.พอออกไปทำงานร่วมกันแล้วมีดีเอ็นเอเดียวกัน มันมีแต่รอยยิ้ม

    คุณธรรมคือข้อสำคัญสุด

    วันนี้ศูนย์การเรียนรู้ ผมสร้างให้เขากินนอนตรงนี้เลยแล้วออกไปทำงานอย่างถูกต้อง ต้องบอกว่างานสืบสวนของเรา มันไม่มีโรงเรียนสืบสวน ไม่มีสถาบันสืบสวน มีแค่หลักสูตรสืบสวนที่ บช.ศ.ต้องเอ่ยชื่อ ผกก.ชื่อเล่นชื่อพีท ดูแลอยู่คนเดียวแล้วดูแลได้ดีมากๆเลย

    แต่ว่าการฝึกภาคสนาม ผมให้นโยบายกับครูพี่เลี้ยงที่นี่ ว่าทำยังไงให้เขามีองค์ความรู้แต่สอดแทรกไปด้วยความเสียสละเพื่อประชาชน สอดแทรกไปด้วยการเป็นหมาล่าเนื้อหรือนักล่าอาชญากรอย่างที่อาจารย์ในอดีตสอนไว้

    แต่ข้อสำคัญที่สุดคือความมีคุณธรรมนี่คือสิ่งที่มันไม่ได้ในห้องเรียน มันต้องได้จากภาคสนาม 


    เอาที่1แต่ละรุ่นเป็นชุดพิเศษ

    แล้วผมจะเอาเบอร์ 1 ที่ 1 ของแต่ละรุ่น ผมพูดตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามารายงานตัว บางรุ่นไม่มีที่ 1 เลย บางรุ่นมีที่ 1 รวม 2 คน ผมจะเอาพวกนี้มาบอกว่าพร้อมที่จะมาทำงานร่วมกับชุดพิเศษผมไหม

    มีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ คือ 1.ผมไม่สามารถช่วยความก้าวหน้าเขาได้นะ 2.ผมไม่สามารถให้ขั้นเขาได้นะ 3.ผมไม่สามารถให้งบประมาณเบี้ยเลี้ยงพิเศษ เขาได้นะ

    ถึงวันหยุด-รวมตัวล่าโจร            

    แต่สิ่งที่ผมจะให้เขาได้ คือความเป็นตำรวจ วันนี้ชุดพิเศษของผม ที่มารวมตัวกันพวกนี้คือนักเรียนสืบสวนคดีอาญา ขั้นพิเศษ ซึ่งตำแหน่งไม่ได้อยู่ที่สืบนครบาลทั้งหมดอยู่ทั่วสารทิศ แต่ผมจะใช้วิธีว่า คุณต้องไปทำงานตามปกติ แล้ววันที่คุณได้พัก เช่น วันหยุด วันที่ไม่ได้เข้าเวร วันนั้นล่ะเรามารวมตัวที่จะไปไล่ล่าอาชญากรกัน นี่คือชุดพิเศษที่ผมตั้งขึ้น

    :ส่วนเหตุผลทำไมเลือก สว.แจ๊ะ เป็นตัวหลักในการทำงานพล.ต.ต.ธีรเดชบอกว่า

    “ผมถอดบทเรียนมาจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ที่ท่านสร้างผมมา”

    คือมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมรับราชการเป็นฝ่ายอำนวยการ ไม่ได้ทำงานสืบสวน  พอดีมาเจอ สว.แจ๊ะ ตอนนั้นเขาเป็น ร.ต.ท. เหมือนกำลังเปลี่ยนเส้นทางรับราชการที่จะไม่เป็นตำรวจ ผมก็ดึงให้เขาลองมาดูงานสืบสวนก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำได้รึเปล่า แต่ถือว่าเป็นถนนอีกเส้นทางหนึ่ง เพื่อที่จะให้น้องเขาเลือก 

    เหมือนเห็นตัวเองในอดีต

    ปรากฏว่า มันเหมือนการติวเดี่ยว ระหว่างผมกับเขา เราก็สู้มาตลอด เพราะงานสืบสวนมันต้องหาทางการทำงานให้เกินลิมิตความอดทนของตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผมมองเขาแล้วเหมือนตัวผมในอดีต แล้วสิ่งที่ผมเทสต์เขาคือเป็นตำรวจมันต้องเป็นตำรวจที่มีทั้งใจและกายเพื่อประชาชน ไม่หวังผลประโยชน์ อันนี้คือสิ่งที่เขาทำ เขาตอบโจทย์ผมได้

    ตอนนี้ต้องยอมรับว่าพอผมเป็น ผบก.แล้ว ลงไปเล่นเองไม่ได้ เพราะมันต้องดูแลภาพรวมทั้งหมด ผมก็ทำให้แจ๊ะเป็นเหมือนผมในอดีต 

    เจอครั้งแรกแจ๊ะจะลาออก

    เจอ แจ๊ะ ครั้งแรก ก็คือแจ๊ะจะเปลี่ยนเส้นทางชีวิต พูดง่ายๆว่า จะลาออกจากตำรวจ แล้วตอนนั้นผมเป็น ผกก.ฝ่ายอำนวยการก็คือถ้าเราไม่ใส่ใจ เซ็นไปป่านนี้น้องก็ออกไปแล้ว

    ผมก็อยากจะรู้ด้วยความที่เป็นนักสืบ อยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตน้อง ก็เรียกมาเจอ ปรากฏนัดเที่ยงบ่ายโมงยังไม่มาเลย ผมก็โทร.ตามอีกที รอถึง 2 ชั่วโมงถึงมา


    ชวนเป็นนักสืบรับจะติวให้

    แล้วมาไม่ใส่เครื่องแบบคือดูแล้วเหมือนน่าจะอยากไป ผมก็ปล่อยให้ไปแต่งเครื่องแบบ ดูซิว่าจะยังเกี่ยวไว้ได้ไหม เลยบอกให้ไปแต่งเครื่องแบบภายใน 15 นาที มันทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะบ้านเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้

    แต่เขาทำได้ไม่รู้ไปยืมเครื่องแบบใครมาใส่ ผมเลยมองว่าเขามีวิธีการเอาตัวรอด เลยบอกว่าลองมาเป็นนักสืบ เดี๋ยวพี่จะติวให้เป็นการส่วนตัวแล้วเขาก็ทำได้ 

    แฝงตัวเข้าแก๊งคอลพิสูจน์ฝีมือ

    แล้วเคสที่เขาพิสูจน์ ถึงใจและความสามารถในการเอาตัวรอดได้ คือแฝงตัวเข้าไปในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้จับ หรือออกหมายจับได้ 50 กว่าราย แต่ประชาชนยังไม่รู้ เพราะเเราทำแบบลับๆ

    วันนี้ศาลเพิ่งจะทยอยตัดสิน นี่คือสิ่งที่ทำแล้วผมถือว่าเขาทำได้ แล้วเขาก็รักเลยมันเป็นมนต์เสน่ห์เลย แล้วเขาค้นพบแล้วว่า เขาชอบงานแบบไหน

    โลก5จีทำมุมมองนักสืบเปลี่ยน

    แล้ววันนี้ ผมก็มองต่างจากอาจารย์ในอดีต ไม่ใช่อาจารย์ในอดีตไม่ดีนะ อาจารย์ในอดีตบอกว่านักสืบต้องปิดตัว เปิดเผยไม่ได้ เพราะเมื่อก่อนโจรมันไม่ได้เข้ามาในโลกโซเชียล เมื่อก่อนใครจะคิดว่ามันจะเป็นโลก 5จี

    วันนี้เมื่อโจรมันเข้ามาแบบนี้แล้ว ถ้านักสืบยังปิดตัว ผมเชื่อแน่นอนว่าเด็กเยาวชนอยู่ในบ้าน อยู่ในห้องบางทีอยู่ในบ้าน

    พ่อแม่ไม่รู้หรอกว่า กำลังจะเริ่มก่อเหตุหรือว่ากำลังคบอาชญากรเป็นเพื่อน


    สละนักสืบเป็นไซเบอร์วัคซีน

    เลยมองว่า แทนที่จะไปเอาตำรวจหน่วยอื่นซึ่งไม่ได้จับโจรจริงๆแล้วมาทำความเข้าใจ ผมว่ามันไม่ตรงประเด็น สู้เราเสียสละคนในทีม ผมก็ต้องเลือกเขา ซึ่งจริงๆแล้วเขาก็ไม่ชอบนะ แต่ว่าเลือกแล้วประสบความสำเร็จ

    วันนี้แค่เยาวชนกลุ่มหนึ่งไม่ต้องทั้งหมดหรอกรักตำรวจ เข้าใจตำรวจ จนกระทั่งอยากเป็นนักสืบแบบเรา ผมก็เชื่อว่านี่แหละคือไซเบอร์วัคซีน อย่างแท้จริง

    วันนี้โลกมันต้องเปลี่ยน ตำรวจให้ลูกน้องไปเอาเงินที่บ้านมาทำงานหรือต้องเสียสละไม่ได้แล้ว ผมก็ลองดูว่าทำเสื้อหน้าแจ๊ะกับทำเสื้อหน้าผม ปัจจุบันเสื้อหน้าผม ยังขายไม่ออกเลย ผู้การจ๋อ หัวเราะแล้วเล่าต่อ

    ดีใจปชช.อุดหนุนเสื้อ            

    ของแจ๊ะ ทำออกมา 2 รุ่น ขายหมดเกลี้ยง ผลตอบรับดีผมบอกเลยว่า ตื้นตันใจมาก คนทั้งประเทศมาซื้อ วันนี้การขับเคลื่อนการทำงานของหน่วยโดยเฉพาะหน่วยพิเศษของผมเนี่ย ได้จากการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

    มันเหมือนที่ผมไปต่างประเทศ ฝรั่งเขาจะมีชอป แบบขายตราโลโก้ ขายตราสัญลักษณ์ เพื่อเอามาเป็นสวัสดิการทำงาน แต่บ้านเรายังไม่มี 

    ทำร้านขายของหาทุนให้ตำรวจ

    ถ้ามีโอกาส ไม่ว่าผมไปอยู่ไหน หรือจะฝากผู้การท่านต่อไป ผมจะทำข้างล่างเป็นชอป ไม่ใช่ว่าเอาไปแค่ดูในการทำงานในการจับโจรนะ แต่เอาไปเพื่อเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ หรือเดือดร้อน มันควรจะช่วยเหลือตัวเองได้ 

    ก็ไม่คิดว่าจะมาได้ตำแหน่งนี้นะ  แต่ผมรู้อย่างหนึ่งคืออาจารย์ พี่ปั๊ด สิ่งที่เราสื่อสาร แกก็ไม่ได้ชมนะ

    แต่ผมรู้เลยว่า ภาษากายหรือสิ่งที่เวลาผมเจอท่าน ท่านมีความรู้สึกภูมิใจในตัวลูกศิษย์เหมือนผมภูมิใจ แจ๊ะ ท่านก็มองผมแบบนั้น ว่าผมทำได้ น่าจะได้ขนาดนี้ ท่านก็ไม่คาดว่าผมจะทำได้ขนาดนี้  

    ——————————————-

    ครับ….ทั้งหมดที่ได้อ่านไปนั้นคือ งานเสี้ยวหนึ่งใน2ปีบนเก้าอี้ผู้การสืบนครบาลของ“ผู้การจ๋อ”

    ต้องบอกว่า “ผู้การจ๋อ”เชื่อมผ่านส่งต่อดีเอ็นเอความเป็นนักสืบระดับตำนานยุคอะนาลอกกับนักสืบรุ่นใหม่ยุคดิจิตอลได้อย่างยอดเยี่ยมทุกมิติ

    ผลงานการจับกุมที่ออกมาสู่สังคมแทบไม่เว้นวันเป็นที่ประจักษ์…สุดยอดครับ

    เฮียเก๋ 5/10/67

    กว่าจะเป็นผู้การสืบสวนนครบาล

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments