Sunday, November 24, 2024
More

    26.ลูกมท.1สั่งย้าย

    ตำนานมือปราบพระกาฬ “ชลอ เกิดเทศ”      โดย…กิตติพงศ์ นโรปการณ์
                
            
    บ่ายวันหนึ่ง ในปีพุทธศักราช 2522
        
    ขณะที่พันตำรวจเอกชลอ นั่งพักผ่อนอยู่ในบ้านพัก อาณาจักรคุ้มพระลอ อยู่
    ไอ้โก๊ะ กะเหรี่ยงหนุ่มวัยเกือบ 20 ปี ที่นายตำรวจหนุ่มเลี้ยงไว้ดูแลบ้าน วิ่งเข้ามารายงานด้วยสำเนียงไทยแปร่งหูปนเสียงกระหืดหระหอบ
            
    “นาย นาย…พี่แอ๊ว-ยอดรัก มา อุ้มเสือมาด้วย”

            
    “ไอ้แอ๊ว-ยอดรัก มาเหรอ เออ… ให้มันไปรอที่ศาลาริมปิง เดี๋ยวกูตามออกไป…”

            
    ชลอตอบรับเด็กรับใช้ชาวกะเหรี่ยง ก่อนเข้าห้องแต่งตัวออกไปรับแขก
            
    “แอ๊ว-ยอดรัก สลักใจ”นักร้องลูกทุ่ง เป็นอีก 1 คน ที่ไปมาหาสู่เขาเหมือนดารานักร้อง เหมือนศิลปินตลกคนอื่นๆที่แวะเวียนมาหา ขณะเดินสายร้องเพลงหรือโชว์ตัว
    เนื่องจาก  คุ้มพระลอ ที่พักของเขาอยู่ริมถนนเส้นทางผ่านขึ้นภาคเหนือ ใครจะขึ้นจะล่องเป็นต้องผ่าน
            
    อีกเกือบ 10 นาทีต่อมา ชลอ เดินออกมารับแขกรุ่นน้อง นักร้องลูกทุ่งหนุ่มชื่อดังแห่งยุค ที่เพิ่งได้รับรางวัลพระราชทานเสาอากาศทองคำ ประเภทนักร้องยอดเยี่ยมในเพลง ทหารเรือมาแล้ว เมื่อปีพุทธศักราช 2520 หรือเมื่อเกือบ 2 ปีมาแล้ว
            
    ยอดรัก หนุ่มน้อยจากเมืองพิจิตร สร้างชื่อจนเบียดขึ้นมายืนหัวแถวร่วมกับนักร้องยอดนิยมรุ่นพี่อย่าง “สายัณห์ สัญญา” ราชาลูกทุ่งได้อย่างเหนือความคาดหมาย
            
    หนึ่งในเพลงที่ลูกน้องตำรวจ และชลอชื่นชอบ เป็นเพลงเปิดตัวของ ยอดรัก สลักใจ คือ จดหมายจากแนวหน้า
    มันช่างตรงกับสถานการณ์ และตำรวจกึ่งชายแดนอย่างพวกเขาเหลือเกิน โดยเฉพาะท่อนฮุก กินเหล้ากันทีไร ไม่มีเพลงนี้เหมือนไม่ได้กิน
            
    “เสียงปืนลั่นปัง ตื่นภวังค์คลำหัวอก คว้าเอ็มสิบหก โดดเข้ารบเตรียมต่อสู้ กุมหลวงพ่อองค์น้อย คล้องสายสร้อยใจ ชื้นชู 
    ดีร้ายขอสู้ให้โลกรู้นักรบไทย…จอมอ.คนจน….ฯ”
            
    “เฮ้ย…แอ๊ว เป็นไงมาไง วันนี้มาถึงนี่…”
            
    ชลอทักนักร้องหนุ่มรุ่นน้อง ทันทีที่ปะหน้า สายตาเหลือบมองลูกเสือโคร่ง วัยไม่น่าเกิน 2 เดือนที่กำลังเดินเตาะแตะเตาะแตะอยู่บนพื้นศาลาใกล้ๆยอดรัก
            
    “สวัสดีครับ..นายลอ ผมมาจากอรัญฯมีคิวขึ้นไปร้องเพลงที่เชียงใหม่  ผ่านมาเลยต้องแวะหานาย มีของฝากมาให้นายด้วย….”

            
    นักร้องลูกทุ่งหนุ่มเสียงดี ยกมือไหว้เอ่ยปากทักทาย “นายลอ”ตามแบบลูกน้องของนายตำรวจหนุ่ม ดูง่ายๆ แต่ให้ความเคารพไปในตัว
    พร้อมอุ้มเจ้าเสือโคร่งตัวน้อย ยื่นให้นายพันตำรวจเอกหัวหน้าตำรวจเมืองตาก
            
    “พรรคพวกผมที่อรัญประเทศ มันให้มา แต่ระหว่างนั่งรถคิดตลอดทางจะเลี้ยงยังไง เพราะมันยังเด็ก กลัวมันจะไปทำร้ายใครเขาเวลาโต ตอนแรกว่าจะให้สวนสัตว์ แต่ว่าจะมาถามนายก่อน ว่าอยากเลี้ยงไหม….”
            

    “เอาซิ กูชอบ กูเกิดปีเสือด้วย….”
            
    ชลอยิ้มรับเจ้าเสือโคร่งตัวน้อยมาอยู่ในมือพร้อมถามต่อ
            
    “แล้วมันกินอะไรหรือยัง เอางี้….ไอ้โก๊ะ ไอ้โก๊ะ เดี๋ยวมึงออกไปซื้อนมเด็ก ขวดนมด้วย เดี๋ยวกูจะเอาเข้าไปเลี้ยงในบ้าน…..”  
            
    ชลอสั่งเด็กรับใช้ชาวกะเหรี่ยง ขณะที่เจ้าเสือโคร่งตัวน้อยนิ่งอยู่ในอุ้มแขนชลอ มองเจ้าของใหม่ตาแป๋ว เหมือนเด็กน้อย
            
    “ชื่ออะไรดีวะ….”
    ชลอพูดพลางยกดูอวัยวะเพศเห็นเป็นเพศผู้ ก่อนออกปากทำนองพูดเองเออเอง
            
    เอาชื่อ “สมชาย”แล้วกัน
            
    หลังจากนั้น อาณาจักรคุ้มพระลอ มีตำนานความน่ากลัวถึงการสืบสวนผู้ต้องหาตามแบบฉบับชลออีกเรื่องหนึ่งในทันที
    พร้อมๆกับที่ “เจ้าสมชาย” โตวันโตคืนด้วยความทนุถนอมของชลอ ที่เลี้ยงดูให้นมเจ้าเสือโคร่งตัวน้อยด้วยตัวเองหากมีเวลาว่างจากราชการกลับมานอนบ้าน
            
    เจ้าสมชาย จะนอนอยู่หน้าห้องนอนเจ้าของบ้าน ทำหน้าที่เป็นองครักษ์อยู่อย่างสม่ำเสมอ
    หากชลอไปราชการ ไม่อยู่คุ้มพระลอหลายวัน กลับมาเมื่อไหร่ เจ้าสมชาย ที่เริ่มโตขึ้นโตขึ้นสูงใหญ่พอๆกับสุนัขพันธ์ฝรั่งอย่างอัลเซเซี่ยน จะวิ่งเข้ามากอดรัดจนชลอถึงกับเซเสียหลักไปหลายหน
            
    ท่ามกลางความตกอกตกใจ โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้มาก่อนว่าชลอเลี้ยงเสือไว้ในบ้าน ถึงกับสะดุ้งโหยง
            
    นอกจากเจ้า เสือโคร่งสมชายแล้ว จรเข้ ยังเป็นสัตว์เลี้ยงอีกประเภทหนึ่ง ชลอได้รับมาจากพรรคพวกที่เป็นเจ้าของบ่อจรเข้ เอามาเลี้ยงประดับบารมี มีอยู่ประมาณ 40-50 ตัว
            
    กลายเป็นเรื่องเล่าขานกันอีก หากโจรหน้าไหนหรือใครก็ตามที่เข้ามาในอาณาจักรคุ้มพระลออย่างไม่เปิดเผย พูดกันไปเร่ือย จรเข้ จะเป็นตัวทำลายหลักฐานชั้นดีอย่างหนึ่งที่ไม่เหลือซาก
            
    ในขณะที่ชลอก็รับรู้ และปล่อยให้เรื่องมันเล่าลือกันไปอย่างนั้น…
        —————————————————-
            
    ปลายเดือนกันยายน พุทธศักราช 2522
            
    ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก
            
    “น่าพี่ลอ…ขอให้ผมขนของลอตนี้่เสร็จ ผมจะไม่มายุ่มย่ามที่เมืองตากอีก..”
            
    ชายหนุ่มรุ่นน้อง วัย 30 ปีเศษ ผิวพรรณเป็นผู้ดี ท่าทางสะโอดสะอง ผสมกับความหยิ่งและถือดี ยืนคุยอยู่กับพันตำรวจเอกชลอ ที่นั่งในอิริยาบถสบายๆในห้องทำงาน
            
    “มึงอย่าถือว่ามึงเป็นลูกรัฐมนตรี ไอ้ห่า มึงขนของหนีภาษีอย่างเดียว กูไม่ว่า แต่มึงเล่นค้าเหล็ก ค้าอาวุธสงครามให้กับฝั่งโน้น กูจะปล่อยมึงได้ยังไง
     
    คนอื่นกูจัดการเรียบร้อยหมด เหลือมึงคนเดียว อีกอย่างมึงก็ทำมานาน น่าจะพอแล้ว  ไม่กลัวพ่อมึงจะเสียชื่อหรือยังไง……”
            
    พันตำรวจเอกหนุ่มพูดเสียงแข็ง
            
    สิ้นเสียงชลอ ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าหันขวับมองนายตำรวจรุ่นพี่ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว หลังเอ่ยปากโน้มน้าวคู่สนทนารุ่นพี่ไม่สำเร็จ
            
    คนอย่างชลอ มีหรือจะกลัว ชายหนุ่มกระแทกสายตาเอาเรื่องกลับไป
            
    ทั้งห้องเงียบสนิท แต่ไม่ถึงอึดใจจากนั้น ชายหนุ่มผู้เยาว์กว่าละสายตา ก้าวเท้าเดินพรวดออกจากห้องของชลอ ปิดประตูกระแทกดัง ปัง พร้อมกับเสียงผสุรวาทดังลั่นตามมา
            
    “__วย…….”
            
    ชลอก้าวพรวดเปิดประตูออกไปแทบจะทันที พร้อมตะโกนด่าไล่หลังไปยังไอ้หนุ่มปากสามหาว ไม่รู้จักรุ่นพี่รุ่นน้องที่เดินจ้ำตรงไปที่รถเบนซ์สีบรอนซ์ ที่มีสมุนรุ่นราวคราวเดียวกันยืนรออยู่ 2 คน

    “ไอ้เ_ดแม่…..ที่นี่มันเมืองชายแดนโว้ย ลูกรัฐมนตรีก็ตายได้…..ไอ้สัตว์”

            ———————————————
            
    2-3 วันต่อมา
            
    ที่กรมตำรวจ กรุงเทพมหานคร
            
    “กระผม พันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก รายงานตัว…ครับผม
            
    พันตำรวจเอกชลอ ยืนรายงานชื่อตำแหน่งเสียงดังฟังชัดอยู่หน้าพลตำรวจเอกมนต์ชัย พันธ์คงชื่น อธิบดีกรมตำรวจ หลังมีวิทยุด่วนให้เขาเดินทางเข้าพบ
            
    “ชลอ…คุณนี่จริงๆเลย ท่านรัฐมนตรีมาฟ้องผมให้สั่งย้าย แหมไปขู่ฆ่าลูกแกในกองกำกับได้ยังไง….”
            
    นายตำรวจเบอร์หนึ่งของกรมปทุมวัน พูดแบบขำๆแบบเข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ขณะที่ พันตำรวจเอกชลอ ยังยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน คาดเดาอะไรยังไม่ถูก
            
    “ยังดีนะที่รัฐมนตรีเขาไม่ใจร้าย คงรู้จักลูกเขาดี แค่ทำตามเมียบอก เพราะไอ้ลูกแหง่นั่น มันดันไปฟ้องแม่ ขอให้ช่วยคุยกับพ่อ ย้ายคุณออกจากตากเท่านั้น….”
            
    อธิบดีกรมตำรวจคนที่ 17 พูดต่อ
            
    แต่ผมดูประวัติคุณแล้ว เคยอยู่ลพบุรีมาก่อน เพื่อนฝูงทหารคุณเยอะแยะ เดี๋ยวผมจะสับเอาคุณไปอยู่ลพบุรี  แล้วเอาผู้กำกับลพบุรีไปอยู่ตาก คุณจะได้ประสานงานกับฝ่ายทหารได้ โอเคมั้ย….
            
    “ได้ครับท่าน…  ผมไปได้อยู่แล้ว เดี๋ยวกลับไปเก็บกระเป๋าก็ทำงานได้เลย…”
            
    “ดีมาก……เดี๋ยวอีก 2-3 วันจะมีคำสั่งตามลงไป  โชคดีนะ….”

            
    พันตำรวจชลอ ทำความเคารพผู้บังคับบัญชาสูงสุด ก่อนเดินออกจากห้อง ในใจเขาเคืองไอ้ลุกหมาลูกชายรัฐมนตรีคนนี้มาก
    แต่คิดอีกทีก็ต้องให้ขอบใจมัน เพราะโอกาสได้มายืนต่อหน้าอธิบดีกรมตำรวจ ผู้นำสูงสุดของยุทธจักรสีกากี ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ได้มีบ่อยๆ…..
            
    นายตำรวจหนุ่มขาบู๊ เดินทางกลับคุ้มพระลอ เขาบอก “ใหญ่-สุรางค์ พลทรัพย์” สาวคู่ใจเรื่องต้องย้ายที่ทำงานไปอยู่ที่ลพบุรี และจะเอา “กุ้ง-ชอบรบ เกิดเทศ”ลูกชายคนโต ไปเรียนหนังสือที่นั่นด้วย เพื่อเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนเตรีมทหาร
            
    ส่วน ปู-ชนม์ยืน และปลา-กุมาริกา เกิดเทศ ลูกชายคนกลางและลูกสาวคนเล็ก ชลอ ให้ใหญ่-สุรางค์ คอยดูแลเพราะยังเล็ก ไม่อยากให้ย้ายโรงเรียนบ่อยๆ
            
    ส่วนคุ้มพระลอ ชลอ วางแผนไว้แล้วจะเทียวไปเทียวมา เพราะ ลพบุรีกับตาก ห่างไม่กี่ร้อยกิโลเมตร ออกจากลพบุรี วิ่งเข้าอำเภอท่าวุ้ง ก็ออกถนนซูเปอร์ไฮเวย์ที่จังหวัดสิงห์บุรี วิ่งอีกไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็ถึงจังหวัดตากแล้ว
            —————————————–
            
    วันที่ 7 ตุลาคม พุทธศักราช 2522
            
    มีคำสั่งจากกรมตำรวจให้ พันตำรวจเอก ชลอ เกิดเทศ ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก เป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี และให้ พันตำรวจเอก ชนะ เมฆวิภาต ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก
            
    ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม พุทธศักราช 2522 เป็นต้นไป
            
    หลังรับคำสั่ง ชลอให้ลูกน้องช่วยกันเก็บกระเป๋าสัมภาระของใช้ส่วนตัวที่เตรียมไว้ขึ้นรถ โดยให้จ่าแป๊ะ เป็นคนขับพาไปส่งที่ลพบุรี ท่ามกลางนายตำรวจลูกน้อง และผู้รู้จักมักคุ้นในจังหวัดตากมาส่งที่คุ้มพระลอ
            
    “เฮ้ย…ไม่ต้องทำหน้าเศร้า บ้านกูอยู่ที่นี่ เดี๋ยวกูก็มา….”
            
    ชลอบอกลูกน้องตำรวจ และเด็กในบ้านก่่อนขึ้นรถ
            
    ระหว่างทาง ชลอตื่นเต้นที่จะได้กลับไปทำงานในจังหวัดลพบุรีอีกครั้ง เพราะเพื่อนทหารที่เรียนจบโรงเรียนเตรียมนายร้อยทหารบก เติบโตในชีวิตราชการตอนนี้เป็นนายทหารคุมกำลังกันทั้งนั้น
            
    อาทิ พันเอกฉลองชัย แย้มสระโส ตอนนี้เป็นผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 หน่วยสงครามพิเศษ พันเอกปรีชา โรจนเสน เป็นผู้บังคับการศูนย์ปืนใหญ่ แถมมี พี่จ๊อด พลตรีสุนทร คงสมพงษ์ เป็นผู้บัญชาการศูนย์การบินทหารบกอีก
            
    แค่คิดชายหนุ่มก็เมาแล้ว…..
            
    ผสมกับเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่น 15 พันตำรวจโท วิทูร ศิริพากย์ อดีตสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองลพบุรี  ที่ตอนนี้ตำแหน่งใหญ่ขึ้น เป็นรองผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี
            
    ทำงานกับเพื่อนร่วมรุ่นด้วยกันอย่างนี้มีหรือจะไม่สนุก….
                                    
    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments