เช้าวันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ทุกฉบับพร้อมใจพาดหัว
ฉุดสาว “ชั้นตรีสาธารณสุข” เรียกค่าไถ่ โจรลพบุรีพาหนีขึ้นเขา มุ่งประเด็นแก้แค้น
บ้างก็โปรยเนื้อข่าว น่าตื่นเต้นชวนติดตาม
“ผกก.มือปราบ ขีดเส้นตายกลุ่มโจรค่าไถ่ จับเจ้าหน้าที่ชั้นตรีสาธารณสุข ลูกสาวเศรษฐีเงินกู้จังหวัดลพบุรี หากไม่ยอมปล่อยเหยื่อ จะจับตายภายใน 7 วัน…”
เนื้อข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับ รายงานไปในทางเดียวกันอีกว่า
ขอให้ทางบ้านช่วยคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นเหยื่อจะไม่ปลอดภัย !!!
ทำให้บรรยากาศในความพยายามช่วยเหลือเหยื่อค่าไถ่สาวเคร่งเครียดหนักเข้าไปอีก
แต่การข่าวชลอ รู้จากสายโจรของไอ้เหน่ว่า แก๊งโจรเรียกค่าไถ่แก๊งนี้พาเหยื่อสาวหนีขึ้นเขาสูงที่ติดกันเป็นเทือก 2 ลูก ชาวบ้านเรียกกัน เทือกเขาวังเปล และเทือกเขาแหลม ถิ่นเก่า เสือไอ้ และเสือเดช กริ่งกรับ 2 เสือร้ายที่ถูกตำรวจเด็ดชีพไปแล้ว ใช้เป็นที่กักขังเหยื่อค่าไถ่
สำหรับเทือกเขาทั้ง 2 ลูกที่ว่า มีเขตติดต่อตั้งแต่ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง บ้านห้วยหิน ตำบลม่วงค่อม อำเภอชัยบาดาล บ้านทรัพย์ตะกั่ว เขตติดต่ออำเภอพัฒนานิคม
ที่ชลอมั่นใจ เพราะข่าวโจรของไอ้เหน่ ตรงกับการข่าวของตำรวจ และพยาน ที่พบกลุ่มโจรกลุ่มนี้พาเหยื่อสาวหลบหนี
ภายหลังชลอรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ดังกล่าวให้ พล.ต.ต.ประจันต์ พราหมณ์พันธ์ ผู้บังคับการเขต1 และนายโชดก วีรธรรม พูลสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีแล้ว
การทำงานอย่างถึงลูกถึงคนของชลอ และข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่เล่นข่าวกันอย่างต่อเนื่องทำให้นายโชดก พ่อเมืองลพบุรี ต้องประสานไปยังพลตรีเสถียร นิลกำแหง ผบ.ศูนย์การบินทหารบกลพบุรี ที่มาดำรงตำแหน่งแทนพลโทสุนทร คงสมพงษ์ นำเฮลิคอปเตอร์ขนเสบียงส่งให้กับชลอแทบทุกวัน
ที่ได้ใจตำรวจ และข้าราชการในปกครอง เมื่อสถานการณ์เริ่มเข้าด้ายเข้าเข็ม การแกะรอยใกล้คนร้ายเข้าไปทุกที
ใช้เวลาเดินเท้าเกือบ 2 ชั่วโมง คณะของนายโชดก จึงมาถึงชายป่าเชิงเขาอีด่าง ที่ชลอให้ลูกน้องสร้างเป็นกระท่อมพอกันแดดกันน้ำค้างเป็นจุดบัญชาการ
จังหวะที่นายโชดก เดินป่าเข้าไปถึง เป็นเวลาเดียวกับที่ชลอกำลังนั่งพูดคุยหาข่าวกับชาวบ้านในพื้นที่ เป็นโอกาสให้นายโชดกเข้าร่วมสอบปากคำหาข่าวด้วยตัวเอง
“กลุ่มโจรมีผู้ชาย 5 คน มีผู้หญิง 1 คน ผู้หญิงน่าจะเป็นเหยื่อสาวตัวประกัน ส่วนคนร้ายมีเอ็ม 16 กับ ลูกซองยาวเป็นอาวุธ
ชายร่างผอมเกร็งแต่แข็งแรงตามแบบฉบับชาวบ้านป่าให้ข้อมูลกับนายโชดก และชลอ
“ตำรวจจะจับตายพวกโจร หากคิดต่อสู้ และจะช่วยเหยื่อสาวให้ได้ ทั้งนี้จะปิดล้อมทางขึ้นลงเขา ไม่ให้มีเสบียงอาหารกิน จนกว่าจะยอมมอบตัวโดยดี หนีไปก็ไม่รอด…..”
“ให้เวลาอีก 3 วัน หากยังกบดานเงียบไม่เข้ามอบตัว จะลุยจับตายทันที…..”
ชลอเสียงกร้าวผ่านสื่อมวลชนทิ้งท้าย หวังให้กลุ่มโจรค่าไถ่ได้ยินถึง
อย่างไรก็ตาม การระดมกำลังตำรวจเข้าพื้นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยพันตำรวจโทวิทูร ศิริภาคย์ รองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เป็นผู้คุมกำลังเข้าล้อมเขาอีด่าง ทั้งลาดตระเวน และตั้งด่านตรวจค้นทั้งรถมอเตอร์ไซด์ และรถยนต์ที่ผ่านไปผ่านมา เพราะเกรงว่าจะเป็นพวกโจรขนเสบียงขึ้นไป
นอกจากนี้ ชลอยังให้พันตำรวจโทอัมพร อุ้มอารีย์ รองผู้กำกับการตำรวจภูธร จังหวัดลพบุรี รุ่นพี่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
——————————————
วันรุ่งขึ้น ชลอยังวางแผนไล่ล่าโจรค่าไถ่อย่างเคร่งเครียดอยู่เชิงเขาอีด่าง พลันไอ้เหน่ สายโจรตัวเอ้ของชลอ ผลุนผลันเข้ามาพร้อมกับเพื่อนวัยเดียวกันอีก 2-3 คน ก่อนเดินเข้าไปกระซิบเบาๆข้างนายตำรวจหนุ่มมือปราบ
“นาย…เจอแล้ว อยู่ในไร่ข้าวโพด เชิงเขาแผงม้า เขตบ้านดงปลาซิว โคกสำโรง ห่างจากที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมงครับนาย….”
“จริงหรือวะ….”
“ครับนาย..”
“งั้นไป…. เดี๋ยวมึงนำทาง”
“เดี๋ยวกูรายงานผู้ว่าฯโชดก กับรองหละ พันตำรวจเอกสละ พูลศิริ รองผู้บังคับการตำรวจเขต1 ก่อน แล้วไปกัน….”
หลังวิทยุรายงานความคืบหน้าผู้บังคับบัญชา ชลอ สั่งเรียกแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำชับให้ใช้ความระมัดระวัง เพราะคนร้ายมีอาวุธปืน และมีตัวประกันอยู่ด้วย
กำชับกำชาเรียบร้อย พันตำรวจเอกชลอ พร้อมทีมงาน แน่นอนต้องมีพันตำรวจโทวิทูร เพื่อนร่วมรุ่น พันตำรวจโทบุญมี ด้วงเจริญ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอโคกสำโรง เจ้าของพื้นที่ ใช้กำลังตำรวจเกือบ 80 นาย พร้อมอาวุธนานาชนิดครบมือ แบ่งกำลังเป็น 3 สาย มุ่งหน้าไร่ข้าวโพด นัดหมายกันที่เชิงเขาแผงม้า
อีก 1 ชั่วโมงต่อมา แสงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนลงไปทางทิศตะวันตกเรื่อยๆ แดดที่ร้อนระอุ เริ่มผ่อนคลาย เพราะดวงอาทิตย์กลมโตกำลังคล้อยลงลับเหลี่ยมเขา
ในที่สุด สายตาของตำรวจในชุดพันตำรวจเอกชลอมองเห็นห้างไม้ไผ่ที่ปลูกขึ้นอย่างลวกๆ อยู่กลางดงข้าวโพด มี ชาย 2 หญิง 1 นั่งอยู่บนแแคร่
หูตาไม่ฝาด นายตำรวจหนุ่มเห็นชายหนุ่ม 1 ใน 2 คนนั้นกำลังนั่งเล่นกีตาร์ร้องเพลงรัก ลอยตามลม โดยมีชายหญิงอีก 2 คนนั่งฟังอยู่ข้างๆ
โจรอะไรวะ….มีอารมณ์สุนทรีย์อย่างนี้
ชลอคิดในใจ พร้อมวิทยุแจ้งสถานการณ์ ชุดของเขาจะบุกเข้าชาร์จจับกุม และให้คีมทั้ง 2 ข้าง ทำหน้าที่สนับสนุน
ส่วนที่เหลือ ให้คอยระแวดระวังเป็นกำลังเสริม หากคนร้ายที่เหลือโผล่เข้ามา
ชลอนำทีมใช้เอ็ม 16 เป็นอาวุธคู่กาย คลานศอกนำเข้าไปจนได้ระยะ โดยที่ชายหญิง 3 คนในห้างกลางไร่ข้าวโพด ยังไม่ระแคะระคาย เล่นกีตาร์ร้องเพลงเพลินอยู่อย่างนั้น
เหมือนจระเข้โผงับเหยื่อ ชลอพุ่งพรวดออกจากที่กำบังเข้าหาชายฉกรรจ์ทั้ง 2 คน ก่อนตะโกนสั่งให้หมอบลงกับพื้น โดยใช้ปืนเอ็ม 16 ชี้ไปที่คนทั้งคู่สลับไปสลับมา
ชุดปฏิบัติการพบระเบิดมือชนิดเอ็ม 26 ที่อยู่ในย่ามอีก 2 ลูก
ส่วนสาวรุ่นที่นั่งฟังเพลงอยู่เมื่อครู่ โผเข้ากอดขาพันตำรวจเอกชลอ เพราะตกใจที่จู่ๆมีคนบุกเอาปืนเข้ามา
“เราใช่ ปฤษณา ที่ถูกลักพาตัวมาหรือเปล่า…”
ชลอถามเพราะสงสัย
“ใช่ค่ะ…”
สาววัยรุ่นเบญจเพศที่หน้าตาซูบโซม เพราะถูกพารอนแรมไปตามป่าเขาเอ่ยตอบ
“แล้วทำไม ไม่ให้ทำอะไรมัน…”ชลอซักอีก
ชั้นตรีสาว สาธารณสุข เหยื่อค่าไถ่ไม่ยอมตอบ ก้มหน้าเอียงอายขณะที่ไอ้โจรหนุ่มวัยรุ่น คนเล่นกีตาร์ก็มองไปที่เหยื่อสาวด้วยสายตาที่ชลออ่านออกว่า มันน่าจะเป็นคู่รักกันมากกว่า
“มึงชื่ออะไรวะ……”.ชลอหันหน้าไปถามโจรหนุ่มด้วยเสียงเข้ม
“ผมชื่ออ้วน ชื่อจริงชื่อสมควร จันทร์เหม บ้านอยู่ห้วยบง สระบุรี ครับ…”
“แล้วมึงล่ะชื่ออะไร….”
ชลอถามโจรเรียกค่าไถ่อีกคนที่อายุราวๆ 30 ปี ที่ถูกคุมตัวนั่งอยู่กับพื้น
“ผมชื่อโหมด ชื่อจริงชื่อ ของ นามสกุล ศรเชน บ้านอยู่โคกสำโรงครับ…..”
“แล้วพวกมึงที่เหลืออยู่ไหน ชื่ออะไรบ้าง…..”
“ที่เหลือมีอีก 4 คน มีเสือแป๊ะ หรือทองใบ สมมานะ เสือวิชิต คำเครือ เสือหลอง หรือนายฉลอง คำเครือ 2 คนนี้เป็นญาติกัน และเสือเตี้ย ไม่ทราบช่ือจริง นามสกุลจริงครับนาย พวกผมแยกย้ายออกไปหาเสบียง หาข่าวครับ …..”ไอ้เสือโหมดสารภาพสิ้นไส้
พอรู้ตรงนี้ ชลอให้ตำรวจที่เหลือวางกำลังระวังเหตุ หากคนร้ายที่เหลือย้อนกลับมา อาจเกิดการปะทะกันได้
หลังวางกำลังป้องกันเสร็จ ชลอหันกลับมาซัก 2 คนร้ายอีก
“เรื่องราวมันเป็นมายังไง ใครจ้างพวกมึงมาฉุดเขาวะ ตอบมาเร็วๆ เอาเรื่องจริง อย่าให้กูโมโห….”ชลอเริ่มสอบสวนรุกเข้าหาคนบงการ
“ผมรับจ้างเขาอีกต่อ เขาให้มาจับป้าเหงี่ยมเศรษฐีนีเงินกู้แต่ป้าเหงี่ยม แกไหวทันหลบได้พอดีเห็นลูกสาวเขากำลังเดินไปอาบน้ำ เลยเปลี่ยนใจจับลูกสาวมาแทน…….”
“แล้วคนจ้างชื่ออะไร…….”
“คนจ้างชื่อเฉลิม เป็นคนบ้านหมี่ ลพบุรี แต่จ้างมาเท่าไหร่ผมไม่รู้ เพราะจ้างผ่านเพื่อนผมที่ออกไปหาเสบียงอีกที……”
“
“แล้วเราเป็นไงบ้างล่ะ ปฤษณา ผมชื่อชลอ เป็นหัวหน้าตำรวจลพบุรี”
คราวนี้ ชลอหันมาถามตัวประกันสาวที่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว แต่สายตายังมองไปที่ไอ้โจรวัยรุ่นด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย สร้างความแปลกใจให้กับนายตำรวจหนุ่มมาก
“ไม่เป็นอะไรมากค่ะผู้กำกับ พวกโจรมันดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ออกไปซื้ออาหาร และซื้อเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ เพราะตอนหนูถูกจับ ใส่ชุดกระโจมอกเพียงชุดเดียวเท่านั้น……..”
“อ้าว ..แล้วมันเอาเงินทีไหนไปซื้อล่ะ…”
“ไอ้โจรคนที่เป็นหัวหน้า ให้อ้วน คนที่นั่งตรงนี้ เอาสร้อยคอ สร้อยข้อมือนาก และแหวนของหนูไปขายในตลาด รู้สึกจะได้มา 5 พันกว่าบาท
นอกจากเสื้อผ้า แล้ว อ้วน เขายังบอกตัวหัวหน้าโจรขอซื้อกีตาร์มาด้วย เพราะจะได้กลบเกลื่อนชาวบ้านว่าเป็นนักท่องเที่ยว……”
สาวบ้านหมี่ลพบุรี ให้การชลอเป็นฉากๆ
ระหว่างชลอกำลังซักถามรายละเอียด พลันมีเสียงเครื่องยนต์รถไถ ดังมาจากดงข้าวโพดด้านข้างของห้าง