ตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอ เกิดเทศ โดย กิตติพงศ์ นโรปการณ์
วันรุ่งขึ้น พันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมพันตำรวจตรีสำเริง มุยคำ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอชัยบาดาล
ก่อนหน้านี้ หัวหน้าตำรวจเมืองละโว้ ไปดูสภาพรถของเจ้าพ่อชัยบาดาล ที่ถูกยิงจนพรุนทั้งคัน ยางแตก 2 เส้น แต่ยังพาเจ้าของรอดจากนรกไปได้อย่างฉิวเฉียด
แม้นายสมชาย หรือ หยอง และนายชา ปาทาน จะถูกยิงเข้าที่ศีรษะทั้งคู่ แต่ก็ปลอดภัย
บริเวณที่เกิดเหตุ เกลื่อนไปด้วยปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 และกระสุนปืนลูกซองกว่า 50 หลอก
“มันยิงยังไงวะ ยิงไม่ตาย….”
ชลอปรารภกับตัวเอง
ขณะที่พันตำรวจตรีสำเริง รายงานเบื้องต้นถึงสถานการณ์ และสาเหตุการลอบสังหาร เจ้าพ่อชัยบาดาล ลูกรักไบคาน ซึ่งชลอรู้มาก่อนแล้วว่า มันมาจากเรื่องอะไร….
ถ้าไม่ใช่ความแค้นของชาวบ้านที่ถูกรังแกจากคนที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ !!!
“นาย…ตอนนี้มีกลุ่มชาวบ้านเกือบ 300 คน มีกำนันหล่ำ ปิ่นเพิก กำนันตำบลชัยนารายณ์ เป็นผู้นำ รวมตัวกันตั้งกองบัญชาการสู้กับพวกไบคานอยู่ที่วัดหนองเต่า ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ครับ”
สำเริง มุยคำ นายตำรวจสามพรานรุ่นน้อง บรรยายสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ส่วนสาเหตุ เป็นเพราะก่อนไอ้หยองถูกยิง มันไปขู่ให้กำนันหล่ำ ที่ปกติก็กลัวอิทธิพลไอ้หยองอยู่เป็นทุน ให้เอาตัวนายกิ่ง ลูกบ้าน ที่ถูกกล่าวหาว่าไปขโมยไม้แค่ 2 ท่อนจากป่าในพื้นที่ของไอ้หยอง
ถ้าไม่เอามามอบให้ในวันที่ 1 มิ.ย. คือเมื่อวานนี้ จะได้เห็นดีกัน…”
ชลอฟังบรรยายสรุปอย่างตั้งใจ แต่สายตายังมองสภาพที่เกิดเหตุอย่างพิจารณา
“แต่กำนันหล่ำรู้ดีว่า ถ้าส่งนายกิ่งไปให้ เชื่อว่าคงไม่พ้นถูกฆ่าตายแน่ แกเลยตัดสินใจไม่ส่งตัวให้
ไอ้หยองเลยประกาศ สั่งลูกน้องขุดหลุมฝังศพ กำนันหล่ำไว้ พร้อมขับรถไล่ล่านายกิ่งทั่วชัยนารายณ์ โดยนึกไม่ถึงว่าชาวบ้านที่โกรธแค้นจะกล้าไปดักยิง”
สำเริงเดินเล่าสถานการณ์ให้นายตำรวจผู้บังคับบัญชาฟัง ขณะที่ทั้งคู่ยังเดินตรวจอยู่รอบๆบริเวณที่เกิดเหตุ
“เอาอย่างงี้… สำเริง คุณจัดกำลังตำรวจไปคุมเชิงชาวบ้าน รวมทั้งตั้งด่านคอยตรวจตราอย่าให้ทั้ง 2 ฝ่ายจัดการกันเอง
เพราะข่าวผมได้มา กลุ่มไอ้หยองมันกำลังรวบรวมมือปืนให้ควั่ก มีอะไรจัดการไปได้
พยายามตามตัวนายกิ่ง มาสอบปากคำด้วย บอกว่าทางตำรวจจะให้ความคุ้มครองป้องกันไม่ให้ใครมาทำร้าย…..”
แล้วให้รวบรวมคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อะไรผิดว่าไปตามผิด ถึงคราวต้องชำระสะสางกันเสียที อิทธิพลไอ้ปาทานพวกนี้
ชลอสั่งการนายตำรวจรุ่นน้องเหมือนคำราม
——————————————-
ระหว่างเดินทางกลับบ้านพักในเมืองลพบุรี ชลอนั่งคิดแต่เรื่องความโหดของไอ้หยอง เหยื่อกระสุนที่รอดตายจากการถูกชาวบ้านดักยิงหวุดหวิด
ชลอไม่ใช่เพิ่งมาได้ยินกิตติศัพท์ของไอ้หยอง
สมัยเขายังเป็นรองสารวัตรอยู่พระนครศรีอยุธยา ชื่อเสียงไอ้หยองเริ่มขึ้นชั้นมาเฟียใหญ่
ด้วยการอยู่เบื้องหลังคดีโหดฆ่า ล้างตระกูล 5 ศพ ที่บ้านพักนางบัวตอง จิววิรันต์ ผู้เป็นเมียน้อยไบคาน ในตำบลดาวเรือง อำเภอเมืองสระบุรี
ผู้เสียชีวิต นอกจากนางบัวตอง แล้วยังมี พ่อแม่ พี่ชาย และน้องสาวอีก 4 ศพ
ส่วนลูกชายไบคานที่เกิดกับนางบัวตองคือ อิสมาอิล ไบคาน ศักดิ์เป็นน้องชายไอ้หยอง ถูกไบคานส่งตัวกลับประเทศปากีสถาน
หลังจากคดีนั้น ไอ้หยอง เริ่มเป็นที่ครั่นคร้ามเกรงขามของชาวบ้าน และเป็นไม้ใหญ่ให้มือปืนรับจ้างอีกหลายจังหวัดเข้ามาอยู่ในสังกัดประดับ บารมี ไอ้หยอง เจ้าพ่อชัยบาดาล
แต่เรื่องเมียน้อยไบคาน ชลอรู้จากหนังสือพิมพ์หัวไม้หลายฉบับว่า นายไบคาน ไม่ได้โกรธแค้นไอ้หยอง ที่ต้องสงสัยฆ่าเมียน้อย ซ้ำยังออกตัวกับนักข่าวให้ด้วยว่า
“เรื่องนางบัวตองเมียฉัน นายสมชาย ไม่เกี่ยวด้วยเลย คนมันกล่าวหากัน ฉันเองนี่แหละที่เป็นคนจับตัวนายสมชายไปมอบกับตำรวจ หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น
ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว สมชายเป็นคนรักน้องมาก ไม่ว่าจะเป็นน้องร่วมท้องหรือน้องคนละแม่ สำหรับแม่เลี้ยงทุกคนเขาให้ความเคารพหมด…”
กระทั่งถึงกองกำกับการตำรวจ ชลอเดินเข้าห้องทำงาน หย่อนก้นนั่งพิงหลังเก้าอี้ตัวนุ่ม ก่อนหยิบแฟ้มประวัตินายไบคานที่เขาวิทยุสั่งให้ฝ่ายประวัติบุคคลที่น่าจับตา ในพื้นที่ นำมาวางไว้บนโต๊ะทำงานขึ้นมาอ่าน
ไบคาน พงษ์สว่าง หรือชื่อเดิม นาบาคาน อาซาเดน เป็นชาวเมืองเปโซ ประเทศปากีสถาน
สืบเชื้อสายแขกปาทาน เดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2473 ปักหลักทำธุรกิจค้าวัวค้าควายที่จังหวัดสระบุรี ก่อนแต่งงานอยู่กินกับสาวไทย นางเหลี่ยม พงษ์สว่าง
จากนั้นนายบาคาน เปลี่ยนมาใช้นามสกุลนางเหลี่ยม ภรรยาคนแรกเพื่อหวังผลทางธุรกิจและเปลี่ยนชื่อจาก บาคาน เป็นไบคาน มีทายาทกับนางเหลี่ยม 9 คน
สำหรับบรรดาลูกๆของ ไบคาน คนที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และนับเป็นลูกรักลูกใคร่มากที่สุดคือ นายสมชาย หรือหยอง พงษ์สว่าง
อีกคนที่เป็นมือเป็นไม้ให้กับไบคาน และมีชื่ออยู่ในทำเนียบผู้กว้างขวางไม่แพ้ ไอ้หยอง คือ ธงชัย หรือน้อย พงษ์สว่าง
มีศักดิ์เป็นพี่ชายหยอง โดยถือกำเนิดเกิดจากเมียน้อยคนที่ 2 ของ ไบคาน
ธงชัย และสมชาย มีบทบาทร่วมกัน ทั้งคู่ถูกยกให้เป็นมือขวา และมือซ้ายให้มาเฟียผู้พ่อ
คอยกว้านซื้อที่ดินในเขตอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี และพื้นที่บางส่วนของจังหวัดสระบุรี รวมแล้วประมาณหมื่นกว่าไร่ ล้วนแต่ตกอยู่ในมือไบคานจนหมดสิ้น
โดยไม่เลือกว่าจะเป็นวิธีไหน……
ส่งผลให้พื้นที่อำเภอชัยบาดาล ตกอยู่ในสภาพบ้านป่าเมืองเถื่อน มีคดีปล้มฆ่าข่มขืนเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน จากฝีมือมาเฟียต่างแดนที่มาพึ่งใบบุญประเทศไทยทำมาหากิน แต่กลับเอารัดเอาเปรียบเจ้าของประเทศจนกระทั่งถึงจุดแตกหัก
สำหรับ ไบคาน สมัยพลเอกประภาส จารุเสถียร เป็นอธิบดีกรมตำรวจ เคยถูกพลตำรวจตรีรุจน์ การธราชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร 1 เสนอให้กรมตำรวจ สั่งเนรเทศออกนอกประเทศ
ระบุว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประทศ และเป็นภัยกับสังคม และยังมีข้อหาอื่นๆอีกหลายกระทงด้วย
แต่เรื่องนี้กลับถูกดองอยู่ที่กรมตำรวจ และเงียบหายไป
ส่วนประวัติของนายสมชาย พงษ์สว่าง หรือหยอง เจ้าพ่อชัยบาดาล ยังมีธุรกิจในวงการมืดที่กรุงเทพมหานคร
เสี่ยหยอง มักจะเดินทางไปย่านไปรษณีย์กลาง เขตบางรัก ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นแหล่งทำหนังสือเดินทางปลอมแหล่งใหญ่
ความที่เป็นลูกชายมาเฟียใหญ่เชื้อสายปากีสถาน นายสมชายจะเลี้ยงลูกน้องคอยรายงานการควบคุมการส่งลูกหมูไปยังประเทศที่สาม
โดยใช้หนังสือเดินทางปลอมที่ซื้อหาได้ง่ายดายเพียงแค่กระดิกนิ้ว
ตำรวจไทยเข้าจับกุมหลายครั้ง แต่ไม่รู้หมดรู้สิ้น
ชลอรู้ด้วยว่า นายสมชายยังประพฤติตัวสยายปีกอิทธิพลเป็นเจ้าพ่อใหญ่ให้กับชาวปากีสถาน ที่เข้ามาในเมืองไทย ทั้งถูกกฎหมาย และผิดกฎหมาย
ทุกคนต้องรายงานตรงไปยังเครือข่าย ไบคาน ผ่าน ลูกชายคนโปรดก่อน ถ้าอยากจะมีงานทำ หรือมีชีวิตใหม่ในประเทศไทย
ขี้หมูขี้หมา ก็ไปทำงานเป็นคนเลี้ยงวัวเลี้ยงควายตามจังหวัดอื่นๆก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน
——————————————
ขณะเดียวกัน หลังเกิดเหตุลอบยิงลูกรักไบคาน มีความเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคักจากชาวบ้านตำบลชัยนารายณ์ 6 หมู่บ้าน
ประกอบด้วย บ้านโกรกห้า บ้านหนองเกตุ บ้านหนองเต่า บ้านหนองลองตอนใต้ บ้านหนองมะค่ารื่น และบ้านประดู่
บรรดาชายฉกรรจ์ลูกบ้านทั้ง 6 หมู่บ้านนับร้อยคน ต่างจับอาวุธตั้งรับการเอาคืนจากสมุนเจ้าพ่อชัยบาดาล โดยมิได้กลัวเกรงความเหี้ยมโหดเหมือนแต่ก่อน
เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวภายในไร่ไบคาน มีการระดมบรรดาชายฉกรรจ์ และคนแปลกหน้าจากต่างถิ่นจำนวนมาก
ฝ่ายพันตำรวจตรีสำเริง มุยคำ ผู้พิทักษ์กฎหมาย ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจชัยบาดาล ไปเป็นหน่วยเฉพาะกิจคอยสกัดคนของทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ให้ตัดสินถล่มกันเองตามคำสั่งของพันตำรวจเอกชลอ
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านตำบลชัยนารายณ์ ไม่ได้เคลื่อนไหวแค่การรวบรวมอาวุธเพียงอย่างเดียว
ยังมีตัวแทนชาวบ้าน ทำหนังสือไปยังนายชลอ วิบูลย์ประพันธ์ นายอำเภอชัยบาดาล เพื่อร้องเรียนให้พิจารณาถึงความไม่เป็นธรรม และการใช้อำนาจมืดของกลุ่มอิทธิพลในอำเภอ โดยเฉพาะจากนายสมชาย พงษ์สว่าง
หนังสือร้องเรียนของชาวบ้านตำบลชัยนารายณ์ระบุว่า ….
กลุ่มอิทธิพลของนายสมชาย ได้รังแกชาวบ้านตั้งแต่เรื่องการทำมาหากินเล็กน้อย เช่นเข้าไปตัดฟืน 2-3 ท่อนในพื้นที่ของนายสมชายที่กินอาณาเขตนับหมื่นไร่ แต่กลับถูกจับมาซ้อม บางรายถูกฆ่าตาย
ที่สำคัญคือการบังคับซื้อที่ดินริมถนนในอัตราถูก ถ้าใครไม่ยอมขาย จะถูกลอบเผาบ้าน หรือหนักเข้าถูกฆ่าตายทั้งครอบครัว
ไม่แค่นั้นในวันที่ 4 มิถุนายน พุทธศักราช 2523 หรือ3 วันหลังจากเกิดเหตุ
ชาวบ้านชัยนารายณ์ ยังส่งตัวแทนเข้าพบนายไบคาน พงษ์สว่าง เจ้าพ่อปาทานตัวจริง ผู้เป็นบิดาเจ้าพ่อชัยบาดาล ที่สุเหร่าในเมืองสระบุรี เพื่อขอให้เข้าระงับเรื่องที่อาจลุกลามจากฝ่ายนายสมชาย
“เอาละ…ฉันรับปากแล้วกัน จะไม่ให้นายสมชายเข้าเมืองชัยบาดาลโดยเด็ดขาด….”
ก๊อดฟาเธอร์ ผู้พ่อรับปากกับตัวแทนชาวบ้านที่เข้าพบ
แต่นั่นมิได้ทำให้ชาวบ้านชัยนารายณ์เชื่อ เพราะรู้กันดี ก๊อดฟาเธอร์ ผู้นี้รัก เสี่ยหยอง ขนาดไหน
พร้อมทั้งกลับไปอารักขาความปลอดภัยให้กับนายหล่ำ กำนันที่ออกตัวปกป้องลูกบ้านไม่ให้เป็นเหยื่อโหดเจ้าพ่อชัยบาดาลอีก
ชนิดแรงมาต้องแรงกลับไป !!!
—————————————
อีกด้านหนึ่งบรรดานายตำรวจน้อยใหญ่ในจังหวัดสระบุรี พากันเดินขวักไขว่เต็มโรงพยาบาลจังหวัดสระบุรี
เมื่อรู้ว่าพลตำรวจตรีประจันต์ พราหมพันธ์ุ ผู้บังคับการตำรวจภูธร 1 เดินทางมาสอบปากคำนายสมชาย พงษ์สว่าง เจ้าพ่อชัยบาดาล เชื้อไขไบคาน มาเฟียใหญ่ปากีสถานด้วยตัวเอง
ภายในห้องที่นายสมชายพักฟื้น มีกลุ่มชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาออกแขกขาว จมูกโด่งเป็นสัน บางคนไว้เคราครึ้ม เชื่อว่าถูกส่งมาคอยอารักขาลูกพี่ ผู้เป็นทายาทคนโปรดของเจ้าพ่อไบคาน ที่อาจจะถูกชาวบ้านที่ลุกขึ้นต่อสู้กับอิทธิพลมาเฟียเชื้อสายต่างชาติตามมา ถล่มอีกรอบ
เจ้าพ่อชัยบาดาล โชคดีที่กระสุนลุกซองถูกเฉี่ยวบริเวณศีรษะ แต่ไม่ทะลุไปถึงส่วนสำคัญ และสามารถให้ปากคำได้
พลตำรวจตรีประจันต์ ปิดประตูพูดคุยกับนายสมชายพักใหญ่ จึงเดินออกมาจากห้อง พร้อมเรียกพันตำรวจตรีสำเริง มุยคำ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอชัยบาดาล และร้อยตำรวจเอกชรัตน์ คชรัตน์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี มาพูดคุยให้แนวทางในการติดตามจับกุมมือปืน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังพลตำรวจตรีประจันต์เดินทางกลับ ร้อยตำรวจเอกชรัตน์ ได้เข้าไปสอบปากคำนายสมชาย
แต่เมื่อถึงตอนให้นายสมชายเซ็นชื่อในบันทึกคำให้การ นายสมชายกลับปฏิเสธ อ้างขอปรึกษาผู้หลักใหญ่ก่อน
“เอาน่า ถ้าบาดแผลผมดีขึ้นออกจากโรงพยาบาลได้ ผมจะเข้าไปคุยเรื่องคดีที่ชาวบ้านเขาแจ้งความเอาไว้ รับรองไม่หนีไปไหนหรอกน่า….”
นายสมชาย ผู้เป็นถึงผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาในเวลาเดียวกัน พูดใส่ร้อยตำรวจเอกชรัตน์ พร้อมอ้างขอตัวนอนพักผ่อน
ท่ามกลางบรรดาลูกสมุนเชื้อชาติเดียวกันที่จับตามองระแวดระวังภัยอย่างกับว่า ไม่ใช่โรงพยาบาล