ตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอ เกิดเทศ โดยกิตติพงศ์ นโรปการณ์
ไปถึงจังหวัดตาก เหมือนกลับไปเหยียบอาณาจักร แต่ชลอต้องผิดหวัง เพราะไม่พบหน้า ครูสาว แพต -พัชรินทร์ พึ่งบุญยะ”แห่งบ้านห้วยยะอุ ด่านแม่ละเมา อำเภอแม่สอด
นายตำรวจหนุ่มมือปราบนักรัก รู้จากเพื่อนๆ ครูแพต ว่าเธอหนีกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะทั้งงอน ทั้งน้อยใจ ชลอ ที่ไม่ได้บอกเรื่องของ ใหญ่-สุรางคณา สาวคนรักของชลออีกคน
กับเรื่องนี้ อย่านึกว่านายตำรวจหนุ่มจะเสียอกเสียใจอยู่นานสองนาน
เพราะเป็นคนไม่อยู่ติดที่ ชลออยู่ในคุ้มพระลอได้วันสองวัน ให้ร้อยตำรวจโทวิสุทธิ์ ศรสาลี หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภูธรจังหวัดตาก ที่เขามอบหมายให้ดูแลคุ้มพระลอ ยามที่เขาไม่อยู่ เรียกร้อยตำรวจเอกศิรินทร์ รามัญวงศ์ หัวหน้าตำรวจวิทยาการจังหวัดตาก รุ่นน้องนักเรียนนายร้อยรุ่น 23 รุ่นเดียวกับ พันตำรวจโทธีรจิตร อุตตมะ พันตำรวจตรีวสันต์ วัสสานนท์ ลูกน้องเก่าสารวัตรใหญ่ และสารวัตรป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจอำเภอเมืองตาก มาพบที่ คุ้มพระลอ
“หวัดดีครับพี่….”
ทันทีที่เจอะหน้า ชายหนุ่ม ผิวดำ ร่างเล็กแต่ไม่หนาเท่าชลอ เดินเข้ามาในห้องรับแขก พร้อมยกมือไหว้ แต่ก็ต้องผงะ เพราะเห็นเสือโคร่งตัวใหญ่ เดินอยู่หลังนายตำรวจรุ่นพี่
แว่บเดียว สติกลับมาใหม่ ถึงแม้ผู้กองศิรินทร์ จะรู้ว่า ไอ้เสือตัวนี้มีชื่อ “สมชาย” เป็นเสือที่ “แอ๊ว-ยอดรัก สลักใจ” นักร้องลูกทุ่งคนดัง เอามาให้นายตำรวจรุ่นพี่เลี้ยงตั้งแต่ตัวยังเล็กๆเมื่อ 2 ปีทีแล้ว แต่เป็นใคร เห็นแบบนี้คงอดตกใจไม่ได้
“เอาน่า ..เข้ามา มันไม่กัดหรอก เชื่องจะตายห่า”
ครับพี่…ตรงนั้นรู้อยู่ แต่มันเดินมาข้างหลังพี่แบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ใครจะไม่ตกใจไหว ตัวมันออกใหญ่ขนาดนี้
ใช่ ชลอ คิด ตอนนั้นที่แอ๊ว-ยอดรัก เอามาให้ ตัวมันยังเล็กอยู่ แต่ตอนนี้มันโตใหญ่กว่าสุนัขพันธ์อัลเซเซี่ยนเสียอีก
“พี่ลอ มีธุระอะไรให้ผมรับใช้ครับ….”
นายตำรวจหนุ่มรุ่นน้องเข้าเรื่อง
“เบื่อว่ะ…มึงว่างมั้ย ไปหาเที่ยวเชียงใหม่กันดีกว่า….. “
ชลอเอ่ยเชื้อชวน เพราะรู้ว่านายตำรวจรุ่นน้องคนนี้ ชอบเที่ยวเตร่เฮฮาขนาดไหน แถมยังใจป้ำใช้เงินอย่างกับเบี้ย เพราะมีธุรกิจการค้าไม้ ที่ทำอยู่กับครอบครัว
“ไปเมื่อไหร่ครับพี่”
“กูว่า… เอาเย็นนี้เลย ล้อหมุนสักสี่โมงเย็น จะได้ไปถึงเชียงใหม่ไม่เกิน 2 ทุ่ม เข้าห้องพักล้างเนื้อล้างตัว จะได้ลงมากินเหล้าฟังเพลง มีเวลาเยอะหน่อย..”
“ได้ครับพี่…..เดี๋ยวเอารถผมไป ขออนุญาตไปเตรียมรถราก่อน”
เป็นที่รู้กัน ที่พักประจำเวลาชลอแว่บไปเที่ยวเชียงใหม่ เป็นโรงแรมแห่งหนึ่งใกล้แม่น้ำปิง ข้างล่างเป็นห้องอาหาร ที่ชลอชอบมานั่งฟังเพลง บางครั้งก็เรียกเพื่อนฝูงเตรียมทหาร และพ่อค้านักธุรกิจ โดยเฉพาะ “พ่อเลี้ยงแคนนะ” นักธุรกิจหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับชลอ มานั่งสรวลเสเฮฮา
สำหรับ พ่อเลี้ยงแคนนะ เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ประมูลงานสร้างทาง และกว้างขวางในแวดวงทหาร
ก่อนนี้ สมัยชลอมียศแค่ พันตำรวจตรี เคยจะจับพ่อเลี้ยงแคนนะ มาดำเนินคดีครั้งหนึ่ง ในข้อหาร่วมกันจ้างวานฆ่า
เหตุเพราะในการประมูลงานสร้างทางถนนในภาคเหนือตอนบนขณะนั้น มักจะถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ลอบยิงเสมอ รถบรรทุกของพ่อเลี้ยงแคนนะเสียหายหลายคัน ทำให้งานล่าช้า คนสนิทของพ่อเลี้ยงแคนนะเลยวางแผนส่งลูกน้องไปดักปล้นฆ่าคนขับรถสิบล้อที่ ชอบจอดตามข้างทางในพื้นที่ภาคกลาง
จนกรมตำรวจส่งให้เขาเข้าสะสางคดีจนรู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง
แต่เหตุที่ดำเนินคดีไม่ถึงพ่อเลี้ยงแคนนะ เพราะมีเพื่อนนายทหารหลายคนติดต่อชลอ ให้ช่วยอำนวยความสะดวกในบางเรื่องให้พ่อเลี้ยง เพราะมีส่วนดีช่วยราชการอยู่บ้าง โดยเฉพาะการสร้างทางที่ใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ในการเข้าไปปราบปรามผู้ ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และแก๊งค้ายาเสพติด
ความสะดวกบางเรื่องที่เพื่อนทหารขอ ทำนองจากหนักเป็นเบา ทุเลาเป็นหาย
เรื่องแบบนี้ อะไรที่ไม่หนักหนาสาหัส ชลอไม่เคยตอบปฏิเสธ
เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ชลอมีพวกเยอะ และหลังจากคดีนั้นเป็นต้นมา พ่อเลี้ยงแคนนะ ก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับชลอมาเรื่อย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายจิปาถะเวลาชลออยู่ในเชียงใหม่ หรือให้คอยเป็นหูเป็นตา เรียกลูกน้องพ่อเลี้ยงแคนนะมาซักถามเวลามีคดีอะไรเกิดขึ้น
ขากลับ บางทีพ่อเลี้ยงแคนนะ ยังมีเล็กมีน้อยติดไม้ติดมือมาให้ ชลอก็รับมา เพราะเขาเป็นพวกใจป้ำใช้เงินเป็นเบี้ย เลี้ยงพวกเลี้ยงพ้อง โดยเฉพาะเงินค่าสายข่าวต่างๆอยู่แล้ว
ทุกครั้งที่ชลอมานั่งกินเหล้าเคล้านารี ชายหนุ่มมีแต่เรื่องสนุกเอิ๊กอ๊ากไปตามประสา
แต่ครั้งนี้ ชลอรู้สึกอึดอัดเนื้อตัว เหล้าที่กินไม่ค่อยหวานคอชุ่มลิ้นเหมือนอย่างเคย ใจคอกระสับกระส่ายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
“ไม่รู้เป็นอะไร”
ชลอบอกร้อยตำรวจเอกศิรินทร์ว่า อยากกลับลพบุรี ทั้งๆที่มาเที่ยวเชียงใหม่ได้แค่2 วัน
นายตำรวจหนุ่มรุ่นน้องรับคำบัญชา พี่ว่าไง น้องว่าตาม….
—————————————————————————————-
เที่ยงกว่าๆ อีก 2 วันต่อมา ชลอกลับมาถึงบ้านพักในกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เจอหน้า ใหญ่-สุรางค์ เขาเอ่ยปากถามถึงลูกชายคนโตของเขา
“เห็นกุ้งไหม…ใหญ่”
“ไม่เห็นเลยพี่ สงสัยไปอ่านหนังสือกับเพื่อน หรือไม่ก็อาจไปนอนค้างที่บ้านคุณย่าที่บ้านหมอ ”
บ้านคุณย่าที่อำเภอบ้านหมอ อยู่ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี เป็นบ้านของนางทองคำ แม่ของชลอ ที่อยู่ห่างจากลพบุรีไม่ไกล นั่งรถไฟผ่านหนองโดน ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง
ชลอรู้ด้วยว่า ลูกชายเขาชอบนั่งรถไฟไปบ้านย่า เพราะจะได้ซ้อมว่ายน้ำที่คลองชลประทานใกล้ๆบ้านย่าอยู่เป็นประจำ ช่วงหลัง กุ้งไปบ้านย่า และไปซ้อมว่ายน้ำบ่อย เพราะใกล้ถึงวันสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเข้ามาทุกที
นายตำรวจหนุ่มวางแก้วน้ำที่ ใหญ่-สุรางค์ นำมาให้ หลังจากยกดื่มจนหมดแก้วไว้บนโต๊ะ
ชลอชมชอบนิสัยของใหญ่-สาวน้อยร้อยชั่งจากอยุุธยา ที่ไม่เคยค่อนแคะหรือว่าอะไรชลอเลยสักคำ ในเรื่องของผู้หญิง ทั้งที่ชลอชอบเที่ยวให้ความหวัง ออกปากสงสารสาวคนนั้นสาวคนนี้อยู่เรื่อย
กำลังนั่งมองสาวใหญ่ กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ชลอเห็นรถกระบะสายตรวจของหมวดเจิม ขับมาจอดหน้าบ้าน มีพันตำรวจตรีสำเริง มุยคำ และร้อยตำรวจตรีเจิม ภู่สุดแสวง ในชุดนอกเครื่องแบบ เดินลงจากรถเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีที่เร่งรีบ โดยเฉพาะร้อยตำรวจตรีเจิม มีหน้าตาที่เคร่งเครียด ดวงตาแดงกล่ำ
“เอ้าเข้ามาก่อน ทั้ง 2 คนเลย”
ชลอเอ่ยทักชักชวนเข้ามาในบ้าน พร้อมเริ่มเอะใจในอากัปกิริยาของผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งคู่ โดยเฉพาะหมวดเจิม
“ว่าไง..มีอะไรพี่เจิม”
“มีคนบอกว่า กุ้งจมน้ำตายครับ…”
“อะไรนะ…ที่ไหน !!!!”
ชลอถามกลับโดยอัตโนมัติ ทั้งที่ตอนนั้นเขาเหมือนมีอะไรแทงจี๊ดเข้าไปที่หัวใจจนเจ็บแปล๊บ เมื่อได้ยิน หมวดเจิม บอกข่าวร้ายที่ไม่น่าเชื่อ แต่ชลอยังควบคุมตัวเอง ทำท่าเข้มแข็ง ถ้าเขาไม่ได้นั่งเก้าอี้อยู่ตอนนั้น คงทรุดไปกับพื้นแล้ว
“ตำรวจอำเภอบ้านหมอวิทยุมาบอกครับนาย มีคนหาปลาเจอ กุ้งอยู่ในคลองชลประทาน ใกล้บ้านนายแม่ ตอนนี้เอาตัวขึ้นมาบนประตูน้ำแล้ว”
“ไปรีบไปกันเลย”
ชลอรวบรวมความเข้มแข็งลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความยากเย็น อันมาจากข่าวร้าย ก้าวเท้าไปขึ้นรถกระบะสายตรวจ สีขาวดำของหมวดเจิม โดยมีพันตำรวจตรีสำเริงขึ้นรถติดตามไปด้วย
ระหว่างทาง นอกจากชลอจะซักถามรายละเอียดเบื้องต้นจากหมวดเจิมแล้ว ยังได้วิทยุประสานตำรวจสถานีตำรวจบ้านหมอ ให้รักษาสถานที่เกิดเหตุไว้ โดยเบื้องต้น ยังไม่พบบาดแผลใดๆในตัวของลูกชายคนโตของชลอเลย..
เป็นไปได้ยังไง กุ้งมันว่ายน้ำแข็งจะตายไป ชลอคิดอยู่ในใจ เพราะเขายังเคยไปยืนดูลูกชายหัวแก้วหัวแหวนว่ายน้ำในสระว่ายน้ำที่สนามกีฬา จังหวัดลพบุรีอยู่บ่อยๆ
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งหมดไปถึงที่คลองชลประทาน บริเวณประตูระบายน้ำ มีตำรวจสายตรวจของสถานีตำรวจอำเภอบ้านหมอ 2 นายยืนอยู่ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นคนหาปลา 2-3 คนที่เป็นคนพบร่างของกุ้งยืนอยู่
สภาพแวดล้อมตรงนั้น สายตานักสืบที่กวาดไปรอบๆตามสัญชาตญาณ แว่บแรก เขารู้ว่า มันค่อนข้างเงียบ และเปลี่ยวพอสมควร
ส่วนบนพื้นปูนประตูระบายน้ำ ภาพที่เขาไม่อยากเห็นได้ปรากฏต่อสายตา ชลอกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ร่างที่ไร้วิญญาณของ กุ้ง- ชอบรบ เกิดเทศ ที่สวมกางเกงในเพียงตัวเดียว ถูกนำมาวางไว้บนพื้น
นายตำรวจมือปราบก้มลงไปนั่งคุกเข่ายกร่างกุ้งที่เนื้อตัวขาวซีด มากอดไว้แนบอกให้นานเท่าที่จะนาน
เหมือนกับที่เขาเคยอุ้มร่างนี้เมื่อครั้งกุ้งยังเป็นเด็กทารกตัวน้อย
ภาพเก่าๆที่เขาฟูมฟักเด็กน้อยจนเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ผุดขึ้นมาในความทรงจำ สลับกับภาพ “ไอ้หยอง-สมชาย พงษ์สว่าง” ทายาทไบคาน ที่เขาตามล้างตามฆ่าจนมันหายไปกบดานอยู่ในสถานทูตแห่งหนึ่ง
อย่าให้กูเจออีก…กูจะฉีกร่างเป็นชิ้นๆให้สมกับสิ่งที่มึงทำกับกูวันนี้…..
ชลอคำรามอยู่ในใจด้วยความโกรธแค้น นัยน์ตา 2 ข้างแดงก่ำ เขากอดร่างไร้วิญญาณของลูกชายคนโต จนพันตำรวจตรีสำเริง ต้องสะกิดเตือน เมื่อแพทย์ตำบลมาขอชันสูตรตามหน้าที่ และเริ่มมีชาวบ้านที่เริ่มรู้ข่าวมามุงดูกันมากขึ้นเรื่อยๆ
หมวดเจิม ที่เคยเห็น กุ้ง-ชอบรบมาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก สมัยชลอยังเป็นผู้กองเมืองพระนครศรีอยุธยา เศร้าไม่แพ้กัน เพราะกุ้งก็เหมือนกับลูกเหมือนหลานของเขา
นายตำรวจที่ใช้ชีวิตมากว่า 50 ปี กัดฟันข่มความแค้นจนเห็นกรามทั้งสองข้างขึ้นเป็นสันนูน เดินเข้ามากระซิบกับนายตำรวจผู้บังคับบัญชา
“นาย…มันทำอะไรนายไม่ได้ แต่มันมาใช้วิธีนี้ ผมทนไม่ไหว ขอถล่มไอ้พวกเหี้ยคืนนี้เลยนะ ”
“ยังก่อน เมื่อครู่ผมก็คิดแบบพี่ แต่คิดไปคิดมาขอให้เสร็จงานศพกุ้งก่อน แล้วเดี๋ยวผมบอกเองว่าจะเอาไง ”
ชลอได้รับผลชันสูตรเบื้องต้นจากแพทย์ว่า กุ้ง-ชอบรบ จมน้ำเสียชีวิต ก่อนที่เขาจะมอบให้ญาติพี่น้องที่อยู่กับนางทองคำ ผู้เป็นแม่ นำร่างกุ้งไปตั้งศพสวดพระอภิธรรมที่วัดใกล้ๆบ้านในอำเภอบ้านหมอ
เมื่อทุกคนกลับออกไปจากประตูระบายน้ำคลองชลประทาน เหลืออยู่แค่ 3 คน คือ ชลอ พันตำรวจตรีสำเริง และร้อยตำรวจตรีเจิม
“กุ้งมันจะจมน้ำตายได้ยังไง จะเป็นตะคริวก็ไม่มีทางจมน้ำ เพราะมึงเห็นไหม ตอนที่ไอ้คนหาปลามันเดินลงไปเก็บแห ที่อยู่กลางคลอง มันยังลึกแค่หน้าอก น้ำในคลองกว้างไม่ถึง10 เมตร เสื้อผ้ากระเป๋าหนังสือกุ้งก็ยังอยู่เรียบร้อย มันคงส่งคนตามมา”
“ทำไมต้องมาลงกับลูกกู เลวจริงๆ”