หลังได้เซฟเฮาส์ 2 ชั้นหลังใหญ่ เนื้อที่เกือบ 1 ไร่ ในซอยลาดพร้าว 15 สถานที่ที่เคยเป็นบ้านดาราสาวดาวยั่ว อดีตภรรยา “แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์” นักมวยขวัญใจชาวไทย ที่ใช้หยาดเหงื่อรวมทั้งความเจ็บปวดบนสังเวียนผ้าใบแลกมาเป็นเรือนหอ ยกให้กับดาราสาวคนรัก
แต่เมื่อไอ้แสบแขวนนวม รายได้เริ่มหดหาย ความฟู่ฟ่าโด่งดังของคนทั้งคู่เริ่มซา เช่นเดียวกับความรักที่โรยราลงเรื่อยๆ ไม่เบ่งบานเหมือนช่วงแรกรัก เพราะแรงสื่อโหม สุดท้ายต่างคนต้องแยกทางกัน ทั้งๆที่มีพยานรักด้วยกัน 1 คน
หลังจากนั้น ในวงการนักเสี่ยงโชคเมืองกรุง เริ่มคุ้นหน้าคุ้นตา ดาราสาวเซ็กซ์ซิมโบล อดีตเมียรักไอ้แสบ แสนศักดิ์ ที่หลงทางหลวมตัวเข้าสู่วังวนของการพนัน หนักขึ้นถึงขั้นออกปากยืมเงินนักการเมืองใหญ่ปากน้ำ เพื่อมาทำบ่อน
คนเป็นดารามาทำบ่อน มันก็เจ๊งไม่เป็นท่า เงินที่ยืมมาก็ไม่มีจ่าย บ้านที่ไอ้แสบ แสนศักดิ์ ซื้อให้ ในเวลาอีกไม่นาน มันจึงกลายเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับเจ้าของเงินอย่าง เจ้าพ่อปากน้ำไปโดยปริยาย
ชลอไม่รับรู้เรื่องนี้ เพราะการพนัน ไม่ได้มีใครเอาปืนเอามีดจี้บังคับให้เล่น แต่เป็นความยินยอมพร้อมใจของคนเล่น
อีกทั้งจุดประสงค์ของนายตำรวจหนุ่มคือ ต้องการหาเซฟเฮาส์ในกรุงเทพฯไว้ทำงาน และบ้านหลังนี้ ก็เป็นสถานที่ที่ชลอถูกใจ
เพราะนอกจากลึกลับซับซ้อน เข้าออกได้หลายทาง ยังมีสถานที่กว้างขวาง ไม่อึดอัด และพอที่จะรองรับให้ลูกน้องพักเป็นการชั่วคราว รวมถึงใช้เป็นสถานที่นัดหมายรวมพลด้วย
ทันทีที่ เปี๊ยกหนวด เด็กหนุ่มเมืองกรุงเก่าที่มีประวัติลักทรัพย์รับของโจร พร้อมเมียสาว เดินทางมาถึง ชลอมอบหมายให้ เปี๊ยกหนวด ทำหน้าที่พ่อบ้าน คอยดูแลเรื่องอาหารการกินให้ลูกน้องเขาทั้งตำรวจ ทั้งโจร เพราะมันมีฝีมือในเรื่องนี้
ส่วนเมียมัน ให้มีหน้าที่ทำความสะอาดบ้านและดูแลเรื่องอื่นๆ ก่อนควักเงินให้ เปี๊ยกหนวดจำนวนหนึ่งไว้ซื้อข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่จำเป็นไว้เบื้องต้น
เหตุผล
ที่ชลอไว้ใจ ให้ “เปี๊ยกหนวด”มาอยู่ที่เซฟเฮาส์หลังนี้ เพราะนอกจากจะเป็นลูกน้องเก่า มีความกว้างขวาง มีเครือข่าย และเป็นแหล่งข้อมูลในเรื่องแก๊งลักทรัพย์รับของโจร โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งลักพระในพระนครศรีอยุธยาให้กับชลอแล้ว
“
เปี๊ยกหนวด” ยังสนิทสนมเป็นเพื่อนของน้องชาย ใหญ่-สุรางค์ พลทรัพย์ สาวคู่คิดข้างกายเขาด้วย
ส่วนอะไรที่พอเซฟเงินในกระเป๋าได้ ชลอยกหูโทรศัพท์กริ๊งกร๊างหาพรรคพวกในแวดวงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนายบ่อนการพนัน บรรดานักเล่นเศรษฐีกระเป๋าหนัก เจ้าพ่อค้าไม้ นักธุรกิจทั้งสีขาว สีเทา ขอให้ช่วยสนับสนุนสิ่งของเครื่องใช้ ตามที่เขาร้องขอ หรือตามที่อยากจะสนับสนุน
ทุกคนต่างเต็มใจช่วยเหลือทั้งในรูปสิ่งของและเงินสด เพียงเพื่อหวังให้นายตำรวจนักบู๊คนนี้ช่วยเหลือเขาบ้าง ยามที่มีปัญหาแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้
โดยธรรมชาตินิสัยส่วนตัว ชลอเต็มใจช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาทุกคนเป็นปกตินิสัย คดีอะไรที่พรรคพวกเขาถูกกระทำ โดนกระทำหรือขอไหว้วาน อาทิ ตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊ก ทวงหนี้คดีเช็ก ชลอรับปากจัดการให้หมด
ไม่เว้นแต่เรื่องที่เพื่อนฝูงถูกนักเลงทั้งในและนอกเครื่องแบบรังแก หากได้รับการร้องขอ นายตำรวจหนุ่มคนพวกเยอะ ไม่เคยอิดออด สั่งให้ลูกน้องทั้งสายตำรวจ สายโจร รับไปจัดการตามหน้างาน จากหนักเป็นเบา ทุเลาเป็นหาย ช่วยเหลือกันสุดๆแบบนี้ ใครๆก็รักชลอ อยากมีชลอเป็นที่พึ่งกันทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม ถึงเซฟเฮาส์ซอยลาดพร้าว 15 จะสะดวกสบายแค่ไหน ชลอ ไม่ได้นอนค้างที่นี่ เขายังกลับไปพักอยู่กับ ใหญ่ –สุรางค์ พลทรัพย์คนรักของเขาที่หมู่บ้านปัฏวิกรณ์ หลังที่ซื้อมาตั้งแต่สมัยยังเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี
————————————-
เกือบๆเที่ยงวันที่ 5 กันยายน พุทธศักราช 2524
ชลอหย่อนตัวนั่งเก้าอี้เตรียมตัวกินข้าวกลางวันภายในห้องทำงานกองปราบปราม สามยอด ขณะเขาเข้ามาเซ็นงานเอกสารที่กองอยู่เต็มโต๊ะทำงาน และเป็นการฆ่าเวลาไปในตัว
ระหว่างรอลูกน้อง ทั้งผู้กองคก -ร้อยตำรวจเอกเจตนากร นภีตะภัฏ ผู้กองเบี้ยว-ร้อยตำรวจเอกพิภพ เบี้ยวไข่มุก ที่เขานัดหมายให้มาพบ เพื่อพูดคุยถึงความคืบหน้าในคดีฆ่า ส.ส.ศรายุทธ และภรรยานายทหารหญิง ยศร้อยเอก ตามที่เขาสั่งงานไปก่อนหน้า ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนต่อไป
แต่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันสองวันที่ผ่านมา ช่วงที่เขากำลังยุ่งๆกับการทำเซฟเฮาส์ ชลอรู้เลาๆว่า คดีฆ่านายกำธร ลาชโรจน์ ส.ส.ปัตตานี มีผู้ต้องสงสัยเป็นผู้หญิงทำงาน เป็นพยาบาลโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ใจกลางกรุงเทพฯ ถูกพี่หล้าง-พันตำรวจเอกสล้าง บุนนาค รองผู้บังคับการกองปราบปราม นายตำรวจรุ่นพี่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ดักอุ้มเข้าเซฟเฮาส์
สาเหตุเบื้องต้นเท่าที่ชลอรู้ เหตุฆ่ากำธร มาจากเรื่องประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งเขาไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะถือเป็นมารยาท
แต่ก็ยังสงสัยว่าจะเป็นอย่างนั้นหรือ เพราะตามข่าวที่เขาได้มาก่อนหน้า มันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น
และเมื่อสักครู่ เขาเพิ่งวางหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับล่าสุด วันที่ 5 กันยายน ลงบนโต๊ะทำงาน หลังอ่านพาดหัวข่าวนำเสนอความคืบหน้าคดีฆ่า ส.ส.กำธร รวมทั้งคดีที่เขากำลังทำอยู่อย่างผ่านตา โดยหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่เมืองไทยพาดหัวข่าวคดีนี้ว่า
“ขออนุมัติแล้ว รอหลักฐานนิดเดียว เด็ดชีพ ส.ส.2 ราย ไม่เชื่อมโยงกัน “สิทธิ”ชมตำรวจทำงานได้ผลน่าพอใจ”
ส่วนโปรยของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับนี้ระบุข้อความต่ออีก
“แฉจับ 2 ผู้ต้องหาร่วมฆ่า สส.กำธร ลาชโรจน์ ตำรวจเก็บตัวเงียบ สอบเครียด 1 ใน 2 เป็นสาวผมแดง “นางนกต่อ”สารภาพหมดเปลือก
พลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ เรียกนายตำรวจใหญ่ประชุม ประกาศขอเวลา 1 วันจะจับกราวรูดถึงตัวบงการ บอกหลักฐานพร้อม ดิ้นไม่หลุดขออนุมัติแล้ว ส่วนคดีล่าสังหาร สส.ศรายุทธ คลี่คลายมากขึ้น ยังไม่ปักใจสาเหตุมาจากเรื่องบ่อนพนัน ว่าเด็ดชีพ ส.ส.ทั้ง 2 รายวางแผนรัดกุม แต่เป็นคนละพวกกัน………”
แต่สิ่งที่ชลอให้ความสนใจ คือในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ มีรูปภาพผู้หญิงต้องสงสัย สวมแว่น หน้าตาท่าทางอิดโรย นั่งอยู่ที่โต๊ะ มีตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 คน ยืนอยู่ข้างๆ
1 ในนั้น ชลอจำได้ ร้อยตำรวจโทบรรดล ตัณฑไพบูลย์ รองสารวัตร กองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือ นักสืบรุ่นน้องโรงเรียนอำนวยศิลป์ ที่ถูกพันตำรวจโทสมเกียรติ พ่วงทรัพย์ สมัยเป็นสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ส่งไปเข้าเกลียวกับแก๊งมหาโจร “ตี๋ใหญ่”จนกระทั่งลบชื่อออกจากสารบบโจรเมืองไทยได้
ยังไม่ทันลงมือกินข้าว มีเสียงเคาะประตูห้องเขาดังขึ้น 3 ครั้ง ตามมารยาททั่วไปก่อนที่ประตูจะเปิดให้เห็น ผู้กองคก นายตำรวจร่างใหญ่ ที่วันนี้โกนหนวดเคราเกลี้ยงเกลา ทำให้หน้าเข้มเหมือนโจรมากกว่าตำรวจของนายตำรวจหนุ่มคนนี้ดูแปลกตา เดินเข้ามายกมือไหว้ทำความเคารพเขาผู้บังคับบัญชารุ่นพี่
“นาย หวัดดีครับ ”
“อ้าวไอ้คก หล่อมาเลยวันนี้ มากินข้าวก่อนแล้วคุยกัน ”
ชลอเรียกนายตำรวจนักรักบี้รุ่นน้องให้มากินข้าวด้วยกันอย่างเป็นกันเอง ไม่ถือยศศักดิ์ ขณะที่ผู้กองคกยกมือไหว้ขอบคุณชลออีกครั้ง ก่อนนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับนายตำรวจเจ้าของห้องพร้อมเปิดฉากสนทนา
“นายรู้เรื่องยัง ไอ้ฑูรย์ มันก่อเรื่องทำเซฟเฮาส์นายหล้างแตก”
“ไอ้ฑูรย์ไหน ไอ้ฑูรย์ลูกน้องไอ้โสภณ ที่นครปฐมเรอะ”
ชลอย้อนถาม เพราะรู้จักดี ไอ้ฑูรย์ที่ผู้กองคกพูดถึง ในวงการนักสืบจัดเป็นมือฆ่าระดับพระกาฬอีกคนหนึ่งของจังหวัดนครปฐม อยู่ในสังกัดพันตำรวจโทโสภณ สะวิคามิน รองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม
ผู้กองคกตอบกลับโดยเข้าใจเช่นกันว่า โสภณ ที่ชลอพูด หมายถึงพันตำรวจโทโสภณ สะวิคามิน มือปราบคนดังที่สื่อมวลชนหลายคนรู้ชื่อเสียงกิตติศัพท์ดี และกำลังง่วนอยู่กับการทำคดีฆ่านายกำธร ลาชโรจน์ ร่วมกับทีมงานสืบสวนกองปราบฯ นำโดยพันตำรวจเอกสล้าง และทีมงานตำรวจนครบาล ที่มีพันตำรวจโทสมเกียรติ พ่วงทรัพย์ รองผู้กำกับการตำรวจนครบาล 3 เป็นหัวหอก
“ใช่ครับนาย ไอ้ฑูรย์-จ่าสิบตำรวจไพฑูรย์ แสนอาจหาญ ลูกน้องพี่โสภณ แต่ตอนนี้อยู่นครปฐมไม่ได้ เพราะมันไปฆ่าพวกที่พี่โสภณเขานับถือ เห็นว่า พี่โสภณโกรธมาก มันเลยหนีมานอนที่กองปราบฯบ้าง หรือไม่ก็ไปหาสารวัตรอังกูร สืบสวนใต้ (พันตำรวจตรีอังกูร อาทรไผท)ลูกพี่เก่าสมัยอยู่ด้วยกันที่จังหวัดนครปฐม”
“อ้าวแล้วมันทำเซฟเฮาส์พี่หล้างแตกยังไง”
ชลอซัก แต่ก็พอเดาๆเรื่องออก
“ผมเจอเพื่อน เป็นลูกน้องนายหล้าง อยู่สี่สอง(แผนก 4 กองกำกับการ 2 กองปราบปราม)สนิทกัน มันเล่าให้ฟัง นายโสภณ วาราชนนท์ ผู้กำกับสืบสวนใต้ ได้ข่าวคนร้ายจากคนขับรถแท็กซี่ที่อ่านหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยคน หนึ่งที่เป็นพยาบาล”
“ไอ้โชเฟอร์คนนี้ มันจำได้ว่า ก่อนจะมีข่าว ส.ส.กำธรถูกฆ่า มีบ๋อยโรงแรม 55 เป็นโรงแรมม่านรูด อยู่แถวๆสะพานควาย เรียกให้ขับรถเข้าไปรับลูกค้า พอเปิดม่านออกมา เห็นผู้หญิง 2 คน คนหนึ่งแต่งชุดพยาบาล
มีผู้ชายอีกคน ตัวใหญ่ท่าทางเมามาก นอนหลับไม่ได้สติอยู่ในห้อง คนที่เป็นพยาบาล ขอให้มันช่วยอุ้มขึ้นรถ แต่มันไม่กล้ารับ เลยขับออกไป พอเห็นข่าวส.ส.กำธร มีผู้ต้องสงสัยเป็นพยาบาล ก็เลยโทรศัพท์หานายโสภณ เพื่อให้ข้อมูลคงเพราะรู้จักกันมาก่อน”
ผู้กองคก กินพลางคุยพลางเล่าให้ฟังต่อ
“ทางโน้นก็เลยปรี่ไปโรงแรม 55 เอาตัวบ๋อยมาสอบปากคำ มีบรรดล ลูกน้องนายสมเกียรติ ที่ตอนนี้ไปอยู่สืบสวนสวนเหนือ เป็นผู้หมวดแล้ว คุมตัวไปเฝ้าเป้าหมาย ชื่อเล็ก ถึงโรงพยาบาลชื่ออะไร ผมจำไม่ได้…….”
“ทีนี้ชุดนายหล้างที่เขาแกะรอยมาจากผู้หญิงต้องสงสัยที่ถูกตำรวจกองปราบฯ เราไปจับบ่อนมาก่อนหน้า เขาเฝ้าอยู่ก่อนแล้ว
เพราะมีข้อมูลว่าอีพยาบาลคนนี้ มันชอบเข้าไปเล่นในบ่อนพัฒนาการ สนิทสนม ส.ส.กำธร มาก ถึงขั้นเรียกป๋า แถมมีคนเห็นว่ามันเคยถูกเจ้าแม่นวลนภาผลักอกกระเด็น ตอนที่เข้าไปอี๋อ๋อ ส.ส.กำธร ตอนอยู่ในบ่อน …..”
“หลัง ส.ส.กำธร ตาย อีพยาบาลคนนี้ ยังทำเนียนกลับเข้าไปเล่นที่บ่อนอีก แต่พอเช็กประวัติย้อนหลัง โอ้โฮ นาย……ไม่ธรรมดา อีนี่แม่งพาคนไปมอมยาแล้วลอกคราบฆ่าทิ้งมา 3 ราย แถมยังพัวพันแก๊งเรียกค่าไถ่ที่หาดใหญ่อีก”
ผู้กองคกเล่าต่อ ขณะที่ชลอก็ฟังอย่างตั้งใจ
“ ชุดนายณรงค์วิช (พันตำรวจเอกณรงค์วิช ไทยทอง ผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม)ที่ทำคดีกับนายหล้าง อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนนี้ แต่พอเขาเห็นสืบเหนือมาเฝ้า นายหล้างเลยตัดสินใจเอาตัวอีเล็กเข้าเซฟ จนมันยอมรับว่าหลอกส.ส.กำธรมาฆ่า หวังชิงทรัพย์”
“นายหล้างเลยรายงานให้รองณรงค์ (พลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจ ฝ่ายปราบปราม)ทราบ ก่อนยกทีมงานมาสอบสวนกันที่เซฟ พร้อมทั้งแบ่งงานกันไปเอาคนร้ายที่เหลือ เห็นว่าได้ผู้หญิงอีกคนแล้วตอนนี้”
“แล้วไอ้ฑูรย์ มันเกี่ยวยังไงวะ….”
ชลอถามขณะดื่มน้ำหลังจากกินข้าวอิ่มเรียบร้อย
“เพื่อนผมมันเล่าต่อ มารู้ทีหลัง ไอ้ฑูรย์นี่แหละตัวแสบ มันมีอาชีพเสริม เป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐด้วย ไทยรัฐเขาถึงลงข่าวได้เร็วกว่าเพื่อน”
ผู้กองคก ซดกาแฟร้อนที่ตำรวจหน้าห้องชลอเอาเข้ามาให้พร้อมผลไม้ ก่อนกล่าวต่อ
“ทีนี้ มันคงรู้ว่านายหล้างเอาอีพยาบาล มาไว้ในเซฟ มันเลย ขับรถไปที่เซฟนายหล้าง เข้าไปถ่ายรูปถึงในบ้าน เจอไอ้พวกสืบเหนือ มีบรรดลคนหนึ่งล่ะเฝ้าอีเล็กอยู่ พวกนั้นก็ไม่ได้เอะใจ เพราะเข้าใจว่าเป็นตำรวจกองปราบฯ โดนถ่ายไปหลายแชะ”
“อ้าว….แม่งก็ซวยซิวะ”
ชลอพูดกึ่งหัวเราะ ส่วนผู้กองคกพูดต่อ
“ครับ เพื่อนผมบอกเห็นนายหล้าง โกรธแหลกเมื่อเช้านี้ โทรฯไปจวกใครหลายคนเลย มีนายสมเกียรติ คนหนึ่งล่ะ หาว่า ชี้ช่องบอกไอ้ฑูรย์ไปที่เซฟเฮาส์”
“เออ..เฉือนกันมันดี แต่คราวนี้ถึงตาพวกเราต้องเร่งทำงานบ้างล่ะ เพราะคดีกำธร คลี่คลายได้แล้ว อีกไม่กี่วัน ผู้ใหญ่คงจะหันมาจี้คดีที่เราทำกันอุตลุด ……”
ชลอบอกถึงอนาคตให้ผู้กองคกฟัง ทั้งๆที่เหตุฆ่า ส.ส.ศรายุทธกับภรรยา เพิ่งเกิดได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์