ผู้กองคก เปิดแฟ้มที่ถือติดมือมาออก เปิดไล่เอกสารไปทีละแผ่น จนพบเอกสารที่ต้องการจึงหยิบให้นายตำรวจผู้บังคับบัญชาที่นั่งอยู่เบาะหลัง
เป็นคนสร้างความเจริญให้กับจังหวัดชัยนาทหลายอย่าง ก่อนที่จะแพ้เลือกตั้งให้กับนายศรายุทธ ชะนะกุล อย่างหวุดหวิด
จากการที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งทำให้ จ.ส.อ.อนันต์ ประสบภาวะวิกฤติทางการเงิน ธุรกิจการจัดสรรที่ดินเริ่มซบเซา ลูกน้องในสังกัดหลายคนเริ่มหลีกหนีตีจาก แต่ก็ยังพอมีเงินมีบารมีเหลืออยู่บ้าง
ชลออ่านรายละเอียดข้อมูลของจ่าสิบเอกอนันต์ เป้าหมายต้องสงสัยของเขา ที่มีอยู่ประมาณ 2-3 แผ่น จบอย่างรวดเร็ว ก่อนส่งคืน ผู้กองคก เก็บไว้ในแฟ้มตามเดิม ก่อนสั่งการต่อว่า
“ไอ้คก …เดี๋ยวพอถึงสามยอด มึงกับไอ้เบี้ยว เตรียมรูปภาพลูกน้องคนสนิท มือตีนไอ้อนันต์ ทีมีอยู่ เอาไปให้ไอ้น้อยมันดู รวมทั้งคนที่อยู่ในบ้านไอ้อนันต์ทั้งหมด
ไปคัดทะเบียนบ้านมันออกมา ได้ชื่อแล้วเอาไปขอรูปจากกองบัตร แล้วเอาไปให้ไอ้น้อยมันดูเหมือนกัน ได้เรื่องยังไง…รีบบอกกู”
กองบัตรและงานทะเบียนราษฎร์ที่ชลอสั่งงานไปนั้น หมายถึง กองบัตรประชาชน และสำนักงานทะเบียนราษฎร์ ในสังกัดกรมการปกครอง ตั้งอยู่ที่ ถนนนครสวรรค์ เขตดุสิต เรียกสั้นๆ วังไชยา เคยเป็นสถานที่ประทับของกรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส พระราชโอรสองค์ที่ 46 ในรัชกาลที่ 5และเป็นองค์ที่ 3 ในเจ้าจอมมารดาโหมด
หลังจากสิ้นพระชนมายุของกรมหมื่นไชยา ที่ดินจำนวนนี้ เดิมมีประมาณ 15 ไร่ ได้ตกทอดไปยังทายาท กระทั่งตกเป็นที่ดินของหลวงบางส่วน
กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบอำนาจจากกระทรวงการคลัง ให้เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน และได้ดำเนินการขอใช้เป็นสถานที่ตั้งของกองบัตรประจำตัวประชาชน เรียกกันในงานสืบสวนและข้าราชการทั่วไปว่า “กองบัตรใหญ่”ต่อมา มีหลายหน่วยงานเข้ามาอยู่รวมกัน ซึ่งรวมทั้ง สำนักงานการทะเบียนราษฎร์ ด้วย
สำหรับกองบัตรประชาชน และงานทะเบียนราษฎร์ นับเป็นงานที่สำคัญกับการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเป็นฐานข้อมูล เกี่ยวข้องกับประชาชนคนไทยทุกคน ตั้งแต่เกิดจนตาย
ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเกิด แจ้งตาย การย้ายที่อยู่ การเพิ่มชื่อ-จำหน่ายชื่อ สถานภาพ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในเอกสารการทะเบียนราษฎร์การขอเลขที่บ้าน การรื้อถอนบ้าน รวมทั้งการคัด และรับรองรายการทะเบียนราษฎร์
โดยทะเบียนบ้าน นอกจากจะเป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้ทำบัตรประชาชนแล้ว แต่ละบ้าน จะมีเลขประจำบ้าน และรายการของคนทั้งหมดที่พักอาศัยอยู่ในบ้าน ทำให้ทราบถึงสถานภาพของบุคคล ภูมิลำเนาเดิมที่ย้ายมา ตลอดจนประเภทของบุคคล อันเป็นประโยชน์ต่อการปกครอง และรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ เป็นหลักฐานในการพิสูจน์ตัวบุคคลเบื้องต้นว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน มีประวัติอย่างไร
ทั้งหมดนี้สำคัญกับงานสืบสวนเป็นอย่างมาก
สมัยรับราชการอยู่ต่างจังหวัด ชลอต้องผูกสัมพันธ์กับฝ่ายปกครองของอำเภอ และของจังหวัด นัดสรวลเสเฮฮา ทำกิจกรรมร่วมกัน เตะบอลกัน ก่อนจบลงด้วยการเฮฮาปาร์ตี้
ทั้งนี้เพื่อสะดวกต่อการขอคัดทะเบียนบ้าน ประวัติผู้ต้องสงสัยบางราย ที่ไม่สามารถใช้สายโจร หรือความสัมพันธ์ส่วนตัวในทางอื่นเข้าไปเจาะข้อมูล
จากความสัมพันธ์ทางข้างแบบนี้ บางครั้งหน่วยงานที่ว่า สนิทกันถึงขั้นเอ่ยปากขอความร่วมมือ ขอให้ชลอสนับสนุนบางอย่างบางเรื่องที่หน่วยงานนั้นไม่สามารถหาได้หรือทำได้
ด้วยความที่เป็นคนพวกเยอะ โดยเฉพาะการให้คุณให้โทษกับบรรดาผู้ประกอบการที่กระทำการสุ่มเสี่ยงต่อ กฎหมาย ชลอรู้จักที่จะใช้ประโยชน์จากกลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี โดยไม่มีหืออือ
เมื่อเติบโตในชีวิตราชการมาตามลำดับ ชลอไม่จำเป็นต้องลงไปทำงานแบบนี้ทุกเรื่อง แต่เขาก็พอรู้ว่า ที่กองบัตรใหญ่ และทะเบียนราษฎร์ นางเลิ้ง ไม่ได้ง่ายเหมือนฝ่ายปกครองอำเภอหรือจังหวัดที่เขาเคยอยู่
ชลอได้ยินลูกน้องเขาไม่ว่าจะเป็น ผู้กองคก ผู้กองเบี้ยว และหมวดทองดำ แอบบ่นถึงเรื่องการไปคัดทะเบียนราษฎร์ที่วังไชยาแห่งนี้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนั่งรอรับคิว ช้ามาก บางครั้งวันสองวัน ถึงจะได้ แต่ถ้าไปบ่อยๆจนสนิทกับเขา ก็เร็วขึ้นมาหน่อย มีเหล้าไปฝาก ก็ได้เร็วขึ้นอีกนิด
ชลอได้ยินแล้วก็ให้ขำ แต่เขาก็ไม่พูดว่าควรต้องทำอย่างไร
สรุปแล้ว การจะติดต่องานราชการให้ได้สะดวก ตำรวจที่มีหน้าที่ไปคัดทะเบียนราษฎร์ ต้องมีสะตุ้งสตางค์พอสมควร เพราะต้องพาเจ้าหน้าที่กองบัตร ไปกินเหล้า เมายา ดูแลขนมนมเนย สุราอาหาร ประมาณว่าอย่าให้ขาด
เพราะในงานสืบสวน ถ้าผู้บังคับบัญชาอยากได้ภาพคนนี้ ถ้าถามลูกน้องสายโจรในพื้นที่ไม่ได้ความ ก็ต้องไปหาชื่อจริงนามสกุลจริงมาให้ได้ ถึงจะต้องทำเรื่องจากต้นสังกัดไปให้เจ้าหน้าที่กองบัตรคัดออกมา
ช้าเร็วเป็นเรื่องของเครดิตส่วนตัว
ส่วนเป้าหมายจะเกี่ยวพันกับใคร มีญาติโกโหติกาที่ไหน หรือบ้านที่ผู้ต้องสงสัยอยู่ มีใครบ้าง เกี่ยวพันในฐานะอะไร ต้องไปหมุนหรือตรวจสอบเอาเอง เจ้าหน้าที่กองบัตรไม่หมุนให้ ชุดสืบสวนต้องเอามาหมุนเอง วิเคราะห์เองว่า ผู้ต้องสงสัยมีญาติที่ไหน
โดยเฉพาะ พ่อ แม่ ลูก เมีย พี่ น้อง แตกออกไปที่ไหนอีก ได้ชื่อแล้วไปขอคัดทะเบียนราษฎร์ใหม่ แตกออกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้ถิ่นฐานที่อยู่ของเป้าหมายที่ไปหลบซ่อน
หากหนีไปกบดานอยู่ต่างจังหวัด อยู่ในอำเภอ อยู่ในหมู่บ้านที่ห่างจากชุมชน เวลาจะเข้าไปดู ส่งสายไปดู ขับรถวนรอบสองรอบ คนพื้นที่ก็สงสัย บางครั้งพางานแตกไปซะเฉยๆ
ดีที่สุดก็ต้องพึ่งไปรษณีย์ แต่จะไปถามบ้านเลขที่ตรงๆก็ไม่ได้ ต้องถามบ้านเลขที่เฉียดๆหรือสถานที่เฉียดๆ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ต้องไปหาตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ ว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่บ้างไหม
ชลอคิดไปคิดมาถึงเรื่องการสืบสวนหาตัวบุคคลตามสารบบ ตามประสบการณ์ที่ผ่านมา รถเบนซ์ของเขาก็เลี้ยวเข้าประตูกองปราบปราม สามยอด ตอนนั้นก็เกือบๆสี่โมงเย็นแล้ว
ชลอให้ จ่าตั๋นจอดรถ ให้เขาและผู้กองคกลงตรงบันไดทางขึ้น ใกล้ที่จอดรถ ป.1 หรือรถของผู้บังคับการกองปราบปราม ซึ่งตอนนี้ยังคงเป็นพันตำรวจเอกกุศล นาคศรีชุ่ม รองผู้บังคับการกองปราบปราม เป็นผู้รักษาการอยู่
ก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนชั้น 3 ห้องทำงานของเขา ชลอเห็นความเคลื่อนไหวบริเวณห้องของพันตำรวจเอกณรงค์วิช ไทยทอง ผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม ที่อยู่ติดกับประตูทางออก มีตำรวจหอบเอกสารเข้าออกอย่างคึกคัก
นายตำรวจหนุ่มรู้ว่าความคึกคักนั้น มาจากคดีฆ่านายกำธร ลาชโรจน์ ส.ส.ปัตตานี ที่ทีม
งานพันตำรวจเอกสล้าง บุนนาค รองผู้บังคับการกองปราบปราม ไขปมคดีได้แล้ว
ด้วยการจับ 2 สาว ที่ร่วมสังหารนายกำธร โดยการหลอกล่อเข้าโรงแรม 55 ย่านสะพานควาย ตามที่พลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจบอกกับเขาที่โรงแรมเอราวัณว่าจะออกมาดูความเรียบร้อยของคดี ที่เตรียมจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันพรุ่งนี้
แค่แว่บเดียว รองผู้การกองปราบปราม คู่กรณีไบคานหันตัวกลับเดินขึ้นบันได โดยมีร้อยตำรวจเอกเจตนากร นภีตะภัฎ เดินถือแฟ้มตามไปอย่างไม่ห่าง แต่พอขึ้นไปถึงบันไดชั้นสองซึ่งอยู่ข้างห้องผู้บังคับการกองปราบปราม ชลอก็พบกับเจ้าของห้อง พันตำรวจเอกกุศล เดินออกมาพอดี
“หวัดดีครับพี่”
ชลอทักทายก่อน
“เอ้า..ชลอ ไปไหนมา ลงไปห้องณรงค์วิชกับพี่มั้ย เห็นเขารายงานว่าจับผู้ต้องหาได้เพิ่ม 2 คน มียึดของกลางได้บางส่วนด้วย…”
รักษาการผู้บังคับการกองปราบปรามทักกลับ พร้อมบอกจุดประสงค์
“ไม่ครับพี่.. ผมเพิ่งกลับจากไปพบรองอธิบดีณรงค์ และพอทราบว่า ชุดพี่หล้างจับคนร้ายคดีนายกำธรได้แล้ว”
ชลอตอบคำถามด้วยท่าทียิ้มแย้ม
“เอ้า…คดีคุณก็พยายามหน่อยสิ เชื่อว่าไม่พ้นฝีมืออย่างคุณไปได้ ขนาดไบคานมันยังสยบ เดี๋ยวผมขอตัว ลงไปดู ลงไปให้กำลังใจเด็กๆมันหน่อย”
พันตำรวจเอกกุศลพูดจบ เดินก้าวฉับๆไปตามทางเดินชั้นสองที่สามารถลงบันไดข้างห้องควบคุมผู้ต้องหา และเลี้ยวซ้ายไปที่ห้องของพันตำรวจเอกณรงค์วิชได้
ขณะที่ชลอ และผู้กองคก เดินขึ้นบันไดไปที่ห้องทำงานตัวเอง เขาพบว่ามีผู้กองเบี้ยว หมวดทองดำ รวมถึงจ่าจิ๋ว และจ่ายะ อยู่ในห้องรอแล้ว
นอกจาก 4 ตำรวจคนสนิทแล้ว ยังมี เปี๊ยกหนวด 1 ในแก๊งรับของโจร ที่เขาเรียกมาจากอยุธยาให้มาเฝ้าเซฟเฮาส์ใหม่อยู่ในห้องด้วย
“หวัดดีครับนาย”
เสียงลูกน้องในห้องส่งเสียงทักทายกันเจี๊ยว พร้อมกับพยายามเอาตัวบังไอ้เปี๊ยกหนวดที่ยืนตัวลีบถืออะไรบางอย่างอยู่ในมือ
“เล่นไฮโลกันอยู่สิพวกมึง”
ชลอถามขำๆด้วยเสียงอันดัง แต่เข้าใจลูกน้อง
“ครับ…นาย ระหว่างรอนาย หาอะไรฆ่าเวลากัน”
คราวนี้จ่ายะ ตำรวจหนุ่มเมืองใต้เป็นคนตอบบ้าง
“เออ..กูไม่ว่าหรอก แต่อย่าให้เอิกเกริกเสียงดังนัก ล็อกห้องซะบ้าง ผู้ใหญ่เห็นเข้าจะไม่ดี แล้วมึง ไอ้เปี๊ยก มาทำอะไรวะ”
ชลอซัก พ่อบ้านที่เขาให้คอยดูเซฟเฮาส์ใหม่ที่เพิ่งได้มาใหม่จากส.ส.เมืองปากน้ำ
“เอ่อ…ผมแวะมาซื้อของใช้ไฟฟ้าส่วนตัวที่คลองถมครับ พวกพี่ๆเขาบอกว่าราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป…”
เปี๊ยกหนวดตอบคำถามชนิดปากคอสั่น
“ไอ้ห่า…มึงอย่าเขย่าแดกลูกน้องกูให้มันมาก มึงได้กูก็ดีใจ แต่กูเหนื่อยหาเบี้ยเลี้ยงให้ถ้ามึงแดกมันหมด”
ชลอพูดปนหัวเราะ
คุยกันเพลินๆ ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา แต่พอเห็นเจ้าของร่างที่โผล่หน้าเข้ามาก่อนตัว เจ้าของห้องหนุ่มรีบยกมือไหว้อย่างอัตโนมัติ พร้อมๆกับลูกน้องทุกคนที่อยู่ในห้อง
“อ้าว…..พี่ไกรสิงห์ หวัดดีครับพี่ เชิญเข้ามาก่อนครับ”
พันตำรวจเอกไกรสิงห์ พิมลศรี รองผู้บังคับการกองปราบปราม เดินก้าวเข้ามา โดยมีเด็กหนุ่มผิวขาวร่างเล็กวัย 13-14 ขวบ เดินตามหลังเข้ามาด้วย
“ อ้อ …เข้ามาหวัดดีอาๆซะ ลูกอยู่กับอาลอพักนึงนะ เดี๋ยวพ่อมารับ”
เด็กชายตัวขาวหน้าตาน่ารักเดินก้าวเข้ามาในห้องอย่างไม่ตื่นคน
“ชลอ พี่ฝาก อ้อ ลูกชายพี่หน่อยนะ พี่มีธุระด่วนให้นายมนต์ชัย อีกประมาณ 2 ชั่วโมง เดี๋ยวพี่กลับมารับ”
รองผู้บังคับการกองปราบปราม อดีตผู้กำกับการ 2กองปราบปราม นักบู๊อีกคนหนึ่งของกองปราบปราม คนสนิทอีกคนหนึ่งของพลตำรวจเอกมนต์ชัย พันธุ์คงชื่น อดีตอธิบดีกรมตำรวจบอกถึงจุดประสงค์
“ได้เลยพี่ ไม่ต้องห่วง ผมเพิ่งเข้ามา ยังไม่รีบไปไหน….”
ชลอมองหนุ่มน้อย พร้อมตบไหล่เบาๆด้วยความเอ็นดู เพราะ อ้อ หรือ อัครเดช คนนี้ อายุอานามน้อยกว่า กุ้ง-ชอบรบ เกิดเทศ ลูกชายคนโตของเขาแค่ปีสองปี
แว่บหนึ่ง ชลอรู้สึกเจ็บแปล๊บเข้าไปที่หัวใจ เมื่อนึกถึงกุ้ง-ชอบรบ ที่จากไปด้วยฝีมือมาเฟียต่างชาติ ไบคาน เมื่อปีที่แล้ว
แต่ทันทีที่พันตำรวจเอกไกรสิงห์ เดินออกไป ชลอ หันมาเรียก อ้อ -หลานชาย ให้เข้ามาหาพร้อมบอกลูกน้องให้เล่นไฮโลกันต่อ
“อ้อ…. ตำรวจมันต้องอย่างนี้ ดูไว้ไอ้หลานรัก”