ตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอ เกิดเทศ โดยกิตติพงศ์ นโรปการณ์
เกือบๆเที่ยงคืน ขบวนรถ 4-5 คันที่มีรถฉลามบกวิ่งปิดหัวปิดท้าย เปิดไฟวับวาบสว่างถนน แต่ปิดเสียงไซเรน วิ่งเลี้ยวเข้าไปภายในกองปราบปรามสามยอด
ท่ามกลางสายตาของผู้ที่พบเห็น โดยเฉพาะผู้ที่นั่งกินข้าวต้มอยู่ภายในร้านเตี้ย โภชนา ร้านข้าวต้มขนาด 2 คูหา ริมถนนข้างกองปราบฯ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นตำรวจ มานั่งโจ้เหล้าเคล้าอาหารหลายเมนูที่ลือชื่อ ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำกุ้ง หมูสับปลาเค็ม กระดูกหมูทอด เป็ดพะโล้ ไส้พะโล้ ปลานึ่งซีอิ๊ว
“ไปจับอะไรใครมาอีกวะเนี่ย….”
เสียงชายวัย 50 ต้นๆพูดลอยๆ ขึ้นมาในโต๊ะที่มีกลุ่มชายวัยไล่เลี่ยกันอีก 4-5 คน นั่งอยู่ โดยบางคนแต่งกายครึ่งท่อนคล้ายตำรวจ บางคนมีปืนพกและกุญแจมือเหน็บเอว ซึ่งก็ไม่ผิด ทั้งหมดเป็นตำรวจกองปราบฯชั้นประทวนรุ่นใหญ่ ที่ออกเวรออกมานั่งทอดหุ่ยกิน เหล้ากินเบียร์
แต่ไม่ใช่กับ 2 นักข่าวหนุ่มประจำกองปราบปราม วัย 30 ต้นๆ อย่าง แอ๊ด-วิชเลิศ งามขำ นักข่าวหนุ่มจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และเพื่อนนักข่าวรุ่นน้องจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ตุ้ย- ปริญญ์ คุณวัฒน์ ที่นั่งกระดกเหล้าแม่โขงแบน ยอดสุราไทย กันอย่างเงียบๆอยู่ที่โต๊ะริมถนนหน้าร้าน เยื้องๆวัดพระพิเรนทร์
น้ำสีอำพันในขวดแบนแม่โขงเหลือไม่ถึงครึ่งกั๊ก บนโต๊ะ มีกับแกล้มง่ายๆเป็ดพะโล้ ที่เนื้อพร่องไปจนเหลือน้ำ เพราะนักข่าวไฟแรงทั้ง 2 คน ร่ำสุรากันมาตั้งแต่ประมาณ 4 ทุ่ม ตั้งใจว่าจะกินให้หมดแบนแล้วจะแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน ขณะที่นักข่าวคนอื่นๆ แยกย้ายกลับบ้านไปตั้งแต่หัวค่ำแล้ว
ทันทีที่เห็นรถฉลามบกคันปิดขบวนวิ่งหายเข้าไปในที่ตั้ง พี่น้องนักข่าวกองปราบปรามต่างหัว ต่างสำนัก สบตากันแว่บหนึ่ง เหมือนรู้ใจ
ตุ้ย- ปริญญ์ คุณวัฒน์ ตะโกนเรียกเจ้าของร้านชื่อเดียวกับร้าน
“เส็งโว้ย สงสัยมีข่าวว่ะ ค่าอาหารเดี๋ยวค่อยเคลียร์นะ…..”
“ได้ครับ ได้ครับ….”
เสียงเจ้าของร้านร่างเล็กผิวขาว ชื่อเส็ง ที่มีอายุอานามมากกว่า 2 นักข่าวหนุ่มเล็กน้อยตอบรับอย่างนอบน้อม เพราะคุ้นหน้าคุ้นตาทั้งคู่ และรู้ว่าเป็นนักข่าวประจำกองปราบปรามที่มานั่ง อุดหนุนอยู่บ่อยๆ
จากนั้นนักข่าวหนุ่มหัวเห็ดทั้งคู่ก้าวจ้ำออกจากร้านหายเข้าไปในประตูทางเข้ากองปราบฯ ตามขบวนรถที่วิ่งเข้ามา
ทั้งคู่เห็นตำรวจในเครื่องแบบนายหนึ่งเพิ่งลงจากรถวิทยุ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นเซดริค วี6 สีฟ้าขาว ส่วนคนอื่นๆมองไม่เห็นแล้วว่าไปทางไหน
แอ๊ด-วิชเลิศ จำชื่อตำรวจคนนี้ไม่ได้ แต่คุ้นหน้าค่าตากันอยู่เลยปรี่เข้าไปทัก
“พี่ๆ ไปจับอะไรมา เข้ามากันตั้งหลายคัน แล้วไปไหนกันหมด”
ตำรวจพลขับ ที่มีดาบ2 ด้ามไขว้กันเป็นสัญลักษณ์ที่บ่าทั้ง 2 ข้าง ตอบกลับนักข่าวหนุ่มไทยรัฐ เหมือนสนิทสนมกันมานาน
“แอ๊ด พี่เพิ่ง ไปจับไพ่ในชุมชนข้างหลังซอยโรงงานซิบวีนัส ได้ผู้ต้องหามา 4 คน เห็นว่าเล่นรัมมี่กัน แต่พี่ก็สงสัยทำไมแค่จับไพ่รัมมี่ ถึงต้องขนปืนยาวอย่างเอ็ม 16 ไปด้วย”
คำตอบที่ได้รับกลับมา ทำให้แอ๊ด และตุ้ย 2 นักข่าวมือดีหูผึ่ง
“แล้วพี่ไปกับใครล่ะ”
คราวนี้ ตุ้ย-ปริญญ์ คุณวัฒน์ ถามบ้าง
“เออ เท่าที่เห็น ก็มีผู้กองคก กับ หมวดทองดำน่ะ ….”
ดาบตำรวจที่นักข่าวทั้งคู่ยังนึกชื่อไม่ออกตอบกลับ พร้อมถอดเสื้อเครื่องแบบเอาไปแขวนไว้ในรถ บอกขอตัวจะออกไปกินข้าวต้มร้านเตี้ย กับเพื่อนพลขับรถวิทยุอีกคันที่เดินถือวิทยุรับส่งแบบไอคอน 02 เอ็น ตามมาสมทบ แสดงให้เห็นว่า ยังไม่ได้ออกเวร
“กินข้าวยัง ไปด้วยกันไหม”
ดาบตำรวจนิสัยดีคนนี้กล่าวชวน แต่ทั้งคู่ปฏิเสธ เพราะเริ่มกระหายข่าวมากกว่า หลังจับข้อสงสัยว่า แค่ไปจับไพ่รัมมี่แค่นี้ แต่ทำไมต้องพกปืนเอ็ม 16 ไปด้วย
“พี่แอ๊ด…..ผู้กองคก กับหมวดทองดำ เป็นตำรวจชุดรองชลอ เกิดเทศ รองผู้การกองปราบฯ พี่รู้จักไหม…”
นักข่าวเดลินิวส์รุ่นน้องกระซิบบอกอย่างกลัวจะมีใครได้ยิน
“เออ..กูจำได้ เดี๋ยวเราลองขึ้นไปดูก็ได้ว่า ไปจับอะไรมากันแน่ ไม่ใช่จับเรื่องฆ่าส.ส.ศรายุทธกับเมียนะ”
นักข่าวไทยรัฐรุ่นพี่กล่าวตอบ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่ารองผู้การกองปราบปรามคนนี้ได้รับคำสั่งให้สะสางคดีฆ่า ส.ส.ศรายุทธ ชะนะกุล ส.ส.ชัยนาท พรรคกิจสังคม และภรรยาร้อยเอกหญิงศิริยา ชะนะกุล
แอ๊ด-วิชเลิศ เดินนำหน้าตุ้ยนักข่าวเดลินิวส์ ขึ้นไปที่ห้องพันตำรวจเอกชลอที่ตั้งอยู่บน ชั้น 3 ท่ามกลางบรรยากาศวังเวง เงียบเชียบ ประกอบกับอาคารกองปราบปรามถูกสร้างมานาน จึงไม่แปลกอะไรกับที่นักข่าวประจำสำนักอื่นๆจะเรียกกองบังคับการแห่งนี้ว่า เป็นแดนสนธยา
2 นักข่าวหนุ่มเดินตามกันมาเงียบๆถึงชั้น 3 พอถึงหัวมุมจะเลี้ยวเข้าห้องพันตำรวจเอกชลอ พลันประตูห้องรองผู้บังคับการกองปราบเป้าหมายที่ทั้งคู่จะเข้ามาหาข่าว ถูกเปิดออกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมกับมีชายร่างใหญ่ ไว้หนวดเคราเฟิ้มเดินออกมา เล่นเอานักข่าวทั้งคู่สะดุ้งโหยง
ขณะที่ผู้กองคก ที่เปิดประตูผลั่วะเห็นทั้งคู่เลียบๆเคียงๆอยู่หน้าห้อง ก็จำได้ว่า 1 ใน 2 หนุ่มนั่น คือตุ้ย เดลินิวส์ ในใจก็ให้ทึ่งกับความหูไวตาไวของนักข่าวกองปราบฯคู่นี้ แต่ก็เฉไฉแกล้งถาม
“อ้าว..ตุ้ย ขึ้นมาทำอะไร”
นักข่าวเดลินิวส์หนุ่มเจ้าของชื่อมีหนวดดำเข้มอยู่เหนือริมฝีปากเหมือนนายตำรวจร่างใหญ่คนนี้ ป้อนคำถามใส่ทันที
“พี่ไปจับไพ่มาเหรอครับ”
ไม่ถามเปล่ายังพยายามชะโงกหน้าสอดส่ายสายตาเข้าไปดูความเคลื่อนไหวภายในห้องด้วย แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ
“อื้อ…”
ผู้กองคก หนุ่มคนสนิทชลอ ตอบสั้นๆ พร้อมล้วงกระเป๋ากางเกงควักบุหรี่มาลโบโรแดงออกมาจุดสูบ พ่นควัน โขมงกลบเกลื่อน พลางคิดในใจ โชคดีที่เอาตัวไอ้ผู้ต้องหาทั้งหมดที่เพิ่งได้มาแยกย้ายไปตามห้องต่างๆ
ตัวไอ้จิ๋ม หรือพิชัย ถูกนำไปไว้ที่ห้องพันตำรวจเอกณรงค์วิช ไทยทอง ผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม ส่วนไอ้แมน หรืออนันต์ ถูกเอาไปเก็บไว้ที่ห้องพันตำรวจโทอัมรินทร์ เนียมสกุล รองผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม โดยให้ตำรวจลูกน้องแบ่งกำลังเฝ้าผู้ต้องหาสำคัญทั้งคู่อย่างแน่นหนา
“แล้วตัวนักพนันที่ว่าอยู่ไหนครับพี่”
แอ๊ด-วิชเลิศ ที่มีบุคลิกท่าทีสุขุมกว่า ตุ้ย เดลินิวส์ เริ่มออกอาวุธซักถามบ้าง
“ไม่รู้สิ พี่จับมาก็ส่งให้ลูกน้องเอาตัวไปเข้าห้องขังเลย ส่วนพี่ว่าจะขึ้นมานอนพักที่ห้องนายก่อน เพราะเพลียมาทั้งวัน”
ผู้กองคกกล่าวตอบ ในใจก็เริ่มชักสนุกว่าจะหลบคำถามนักข่าวกองปราบฯคู่นี้ได้อย่างไร คิดพลางก็รีบอัดบุหรี่เข้าปอด วางแผนว่า หากบุหรี่หมดตัวแล้วจะขอตัวไปนอนในห้องของรองผู้การกองปราบฯ เพราะมีงานสำคัญในตอนเช้า
แต่นายตำรวจหนุ่มแทบจะสำลักควัน เมื่อ ตุ้ย-เดลินิวส์ ยิงคำถามตรงเข้าลิ้นปี่
“พี่คก ถามจริงๆ พี่จับมือปืนคดีฆ่า ส.ส.ศรายุทธกับเมียได้แล้วใช่มั้ยครับ พี่ไปจับมันตอนเล่นไพ่ที่หลังโรงงานซิบวีนัสใช่มั้ย”
ถึงจะเตรียมตัวเตรียมใจหาทางหลบหลีกคำถามนักข่าว แต่เมื่อเจอคำถามแบบนี้ ผู้กองคกก็ไปไม่เป็น
“เอ้อ….พี่ไม่รู้นะ ไปถามนายเถอะ พี่รับคำสั่งให้ไปเอาตัวมาอย่างเดียว จะใช่ไม่ใช่คดีนี้พี่ก็ไม่รู้ เพราะยังไม่ได้คุยกับมันเลย”
ร้อยตำรวจเอกหนุ่มแถไถไปต่อ แถมหน้าตาก็ยังออกเก๊กเข้มขรึมไว้เหมือนเดิม พร้อมกับทำ
ทีขยี้บุหรี่ในมือลงกระถางเขี่ยบุหรี่ข้างห้อง ทั้งๆที่สูบไปได้แค่ครึ่งตัวเท่านั้น ก่อนเอ่ยปากขอตัวเข้าไปนอนพักผ่อนใน ห้องนาย เนื่องจากมีภารกิจสำคัญในตอนเช้า
แต่ในใจของนักข่าวทั้ง2 คน รู้แล้วว่าเช้าวันพรุ่งนี้ มีงานช้างแน่ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบลงไปหาข้อมูลจากแหล่งข่าวคนอื่นเท่าที่จะ หาได้ เพราะรู้ถึงความเคลื่อนไหวผิดปกติของตำรวจกองปราบปรามหน่วยงานนี้
ส่วนผู้กองคก ทันทีที่เข้าไปในห้อง เขาตรงไปที่โทรศัพท์ข้างโต๊ะทำงานของชลอ พร้อมหมุนหมายเลขที่ต้องการ
ปลายสายเป็นเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อโมโตโรล่า กระเป๋าหิ้วระบบ Nordic Mobile Telephone System หรือ NMT470 ของชลอ ที่เพิ่งซื้อมาในราคา 1 แสนกว่าบาท หลังจากเห็นพลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีมือปราบใช้
นายตำรวจหนุ่มเจ้าของเครื่อง ลุกขึ้นมารับสาย ขณะนอนครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ในห้องนอนของบ้านในหมู้บ้านปัฐวิกรณ์ เพราะรอ ฟังรายงานจากผู้กองคก ถึงผลการทำงานที่สั่งไป
หลังรับทราบผล ชลอ สั่งการให้ผู้กองคก จัดชุดเฝ้าผู้ต้องหาทั้งคู่ และจะให้พันตำรวจเอกณรงค์วิช ไทยทอง ผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม และพนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำเป็นการเบื้องต้น
จากนั้น ชลอกดปุ่มหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่อันทันสมัยรายงานผลจับกุมไปยังพลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ ทันที
———————————————————-
สายวันรุ่งขึ้น วันที่ 31 กันยายน พุทธศักราช2524
ที่กรมตำรวจ ภายในห้องทำงานของพลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจ คลาคล่ำไปด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับสูงของกรมตำรวจ อาทิ พลตำรวจโทเสน่ห์ สิทธิพันธุ์ ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจตรีจำรัส จันทรขจร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พันตำรวจเอกกุศล นาคศรีชุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม
พันตำรวจเอกเจริญ โชติดำรงค์ พันตำรวจเอกทิพย์ อัศวรักษ์ พันตำรวจเอกประยูร โกมารกุล ณ นคร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครเหนือ พันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ พันตำรวจเอกสล้าง บุนนาค รองผู้บังคับการกองปราบปราม
พันตำรวจเอกณรงค์วิช ไทยทอง ผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม พันตำรวจเอกสมเกียรติ พ่วงทรัพย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือ พันตำรวจเอกโสภณ สะวิคามิน ผู้กำกับการหัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และนายตำรวจมือปราบมือสอบสวนอีกหลายนาย
ขณะเดียวกัน ที่หน้าห้องทำงานของรองอธิบดีกรมตำรวจคนเพชรบุรี มีนักข่าว จากหลายสำนักมารอทำข่าวจนเต็ม
อันมาจากข่าวของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และเดลินิวส์ ต้นสังกัดของเหยี่ยวข่าวกองปราบปราม แอ๊ด-วิชเลิศ งามขำ และตุ้ย -ปริญญ์ คุณวัฒน์ ฉบับล่วงหน้าวันที่ 2 ตุลาคม ได้ลงข่าวจับกุมทีมสังหาร ส.ส.ศรายุทธ ได้หมดทั้งแก๊ง
เนื้อข่าวบอกว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้เป็นมือปืนจากบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนคนติดต่อเป็นเช็คเกอร์หนัง
ในข่าวยังมีรายงานยืนยันด้วยว่า พลตำรวจเอกสุรพล จุลละพราหมณ์ อธิบดีกรมตำรวจ ได้ไปรายงานผลจับกุมมือปืน ขณะไปส่งพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่กำลังเดินทางไปราชการที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า
นอกจากจะจับกุมมือปืนได้แล้ว ชุดสืบสวนยังสามารถจับกุมจอมบงการฆ่าส.ส.ศรายุทธได้ด้วย รวมแล้วจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 คน และจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ตุลาคม อีกครั้ง
พลตำรวจโทณรงค์ วางหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กรอบบ่ายที่พาดหัวข่าวการจับกุมคนร้ายฆ่า ส.ส.ศรายุทธ และภรรยา ไว้บนโต๊ะทำงานอย่างอารมณ์ดี
พร้อมพูดขึ้นให้นายตำรวจชุดทำงานได้ยินทั่วกัน
“นักข่าวนี่เก่งใช้ได้นะ”