Sunday, November 24, 2024
More
    Homeตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอ เกิดเทศ67 .ทัวร์บ่อนเก็บประวัติมือปืน                

    67 .ทัวร์บ่อนเก็บประวัติมือปืน                

    ตำนานมือปราบพระกาฬ  ชลอ เกิดเทศ     โดย…กิตติพงศ์ นโรปการณ์

    หลังจากกรมตำรวจแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาฆ่านายศรายุทธ ชะนะกุล ส.ส.พรรคกิจสังคม จังหวัดชัยนาท พร้อมภรรยาได้เกือบครบแก๊ง
              
    บ่ายแก่ๆอีกไม่กี่วันต่อมา ในห้องทำงานของรองอธิบดีกรมตำรวจ ฝ่ายป้องกันและปราบปราม แห่งทุ่งปทุมวัน
                                
    “ ชลอ…คุณเก่งจริงๆ ผมไม่ผิดหวังเลยนะ….
                                
    เสียงทุ้มๆมีอำนาจจากชายร่างสันทัด หวีผมเรียบแปล้ ในเครื่องแบบตำรวจยศพลตำรวจโท เอ่ยปากกับรองผู้บังคับการกองปราบปราม ผู้สร้างผลงานให้กรมตำรวจด้วยการพิชิตคดีนี้ ซึ่งตอนนี้ถูกเจ้าของห้องเรียกให้เข้ามาพบ และอยู่กันเพียงลำพังสองต่อสอง
              
    “ขอบคุณมากครับท่าน…”
             
    ชลอที่อยู่ในชุดซาฟารีสีน้ำเงินกล่าวขอบคุณคำชมผู้บังคับบัญชา พร้อมรอยยิ้มน้อยๆ แต่ในหัวใจนั้นคับพองเต็มอก
             
    เจอคำชมต่อหน้าแบบนี้ ชลอ ได้แต่กวาดสายตามองทั่วห้องแก้เขิน จนไปหยุดที่หมวกตำรวจทรงหม้อตาลสีกากี มีช่อชัยพฤกษ์ 2 ช่อ วางอยู่ข้างๆโต๊ะทำงานเจ้าของห้อง
             
    เขาเห็นตราแผ่นดินบนหน้าหมวกที่ถูกดุนด้วยโลหะสีเงิน มีพุทธสุภาษิตจารึกไว้

    “สัพเพสัง สังฆะภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธกา…..”
              
    ชลอรู้ความหมายนี้ดี เพราะถูกสอนให้รู้ความหมายเครื่องหมายในเครื่องแบบ ตั้งแต่อยู่ในรั้วสามพราน
             
    พุทธสุภาษิตนี้แปลว่า

    “ความพร้อมเพรียงของหมู่คณะ ย่อมยังความเจริญให้สำเร็จ…”
             
    เมื่อรวมกับอักษร ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่จารึกอยู่ด้านล่าง จึงหมายถึง พระบารมีของพระมหากษัตริย์ ความพร้อมเพรียงของหมู่คณะ และภาระหน้าที่ตำรวจในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน
            
    แต่ตำรวจบางคนไม่เคยสนใจกับความหมายหน้าหมวกหม้อตาลนี้เลยแม้แต่น้อย…
             
    ส่วนช่อชัยพฤกษ์ 2 ช่อ บนหมวก เป็นเครื่องหมายบอกว่า เจ้าของเป็นนายตำรวจระดับยศพลตำรวจเอก,พลตำรวจโท หรือพลตำรวจตรี
             
    สรุป ถ้ามี 2 ช่อ เป็นนายพลแน่ๆ………….
             
    ส่วนผู้มียศพันตำรวจเอก(พิเศษ)และพันตำรวจเอก ที่หน้าหมวกจะมีช่อชัยพฤกษ์เพียงแค่ช่อเดียวเท่านั้น            
             
    แต่ถ้าหน้าหมวก ไม่มีอะไรติด จะมียศตั้งแต่พันตำรวจโทลงไป
              
    ชลอกำลังคิดเพลินๆต้องสะดุ้ง
                           
    “แล้วคุณจับคนร้ายแก๊งนี้ได้ยังไง พอจะบอกได้ไหม….”
                           
    พลตำรวจโทณรงค์ เอ่ยปากถามถึงกลเม็ดพิชิตคดี
                           
    “ผมอาศัยเดินหาข่าวตามบ่อนการพนันต่างๆครับ อย่างที่ท่านรู้  มันเป็นแหล่งอโคจร พวกมือปืนพวกนี้มักจะอยู่กับบ่อนการพนัน เดินตามหลังเจ้าพ่อเจ้าแม่ แล้วรับงานฆ่ากันในนั้น….”
                           
    ชลอตัดสินใจตอบเรื่องจริง เพราะเชื่อว่า อดีตนักเรียนนายร้อยกรมยุทธศึกษาทหารบก ผู้บังคับบัญชาอย่างพลตำรวจโทณรงค์ คงเข้าใจการทำงานในเรื่องของการสืบสวน
                           
    “ คุณนี่บ้าดีเดือดดีนะ  เอาตัวเข้าไปคลุกพวกนั้น   แต่อย่างว่า บ้านเมืองเราตอนนี้ เจ้าพ่อเจ้าแม่เยอะเหลือเกิน หลายคนมันกำลังขึ้นชั้น จริงๆผมอยากจะใช้ไม้แข็งกำราบ แต่อยากให้มันฆ่ากันเองให้หมดเสียก่อน แล้วค่อยเด็ดยอดมันทีหลัง…..”
                           
    ชลอ พยักหน้าสองสามครั้งอย่างเข้าใจ และพึงพอใจในคำตอบ ก่อนยกแก้วกาแฟร้อนที่ตำรวจลูกน้องหน้าห้องรองอธิบดีกรมตำรวจนำมาเสิร์ฟ โดยชลอได้กลิ่นหอมของกาแฟนี้โชยมาตั้งแต่ตำรวจหนุ่มวัยละอ่อนไม่เกิน 25 ปี เดินถือถาดใส่กาแฟ 2  แก้วเดินเข้ามาประตูห้องแล้ว
             
    ประสาทสัมผัสกลิ่นของชลอบอกว่า นี่ต้องเป็นกาแฟดีจากเมืองนอกแน่ แต่เขาเดาผิด
             
    “คุณลองดื่มกาแฟนี้ก่อน พรรคพวกผมจากเหนือ เอามาฝาก เขาบอกว่าเป็นพันธุ์อราบิกก้า เป็นผลิตผลชาวเขา น่าจะเป็นพวกมูเซอ อยู่ที่อำเภอเชียงดาว เชียงใหม่  รัฐรณรงค์ให้ปลูกแทนฝิ่น เมื่อช่วงปี 15-16 ผมลองกินแล้วมันก็เข้าท่า….”
            
    พลตำรวจโทณรงค์เอ่ยชวนพร้อมบอกถึงที่มาของกาแฟทั้ง 2 แก้วนี้ ก่อนทั้งคู่จะพร้อมใจยกแก้วกาแฟที่อยู่บนโต๊ะรับแขกขึ้นมาจิบ
             
    ทั้งๆที่ชลอ ไม่ชอบดื่มกาแฟ  แต่พอได้ลองลิ้มชิมรสกาแฟมูเซอแก้วนี้แล้ว เขาบอกตัวเองว่า กาแฟอราบิก้าพันธุ์ไทยจากฝีมือชาวเขา นอกจากกลิ่นหอมละมุน รสชาติไม่ขมมาก แม้ไม่ได้ใส่น้ำตาล แต่ก็เผลอซดไปซะเกือบหมดแก้ว  
             
    เช่นเดียวกับนายพลเจ้าของห้อง หลังดูดดื่มกับกาแฟชาวเขา เขาวางแก้วลงบนโต๊ะ แล้วสนทนาเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมในประเทศที่อยู่ในความรับผิดชอบที่ยังคุยกันค้างอยู่ต่อ
            
    “อย่าว่าแต่ ไอ้พวกเจ้าพ่อเจ้าแม่บ่อนเลย ไอ้พวกนักการเมืองมันน่ะตัวดี  อย่าง 2 คดีที่เป็นข่าว ที่พวกคุณไปจับ พอตายไป ขุดคุ้ยมาเจอแต่ละเรื่อง ฟอนเฟะอย่างที่เห็น นี่หรือคุณภาพนักการเมืองไทย
             
    ไอ้ที่เหลือแม่งก็พอกัน ฉากหน้าทำเป็นดี ฉากหลังแม่งเปิดบ่อน ค้าฝิ่น ค้าของเถื่อน  จับได้แต่ละที ก็ให้ทหารมาขอ ให้ตำรวจผู้ใหญ่มาขอ  ……”
             
    “ไอ้ห่า….””
             
    นายพลมือปราบสบถก่อนกล่าวต่อ
             
    “ยังมีอีกนะ ไอ้พวกนักเลงหัวไม้สนามม้าสนามมวย ไอ้พวกนักร้องลูกทุ่งทั้งหลายแหล่ อันธพาลทั้งนั้น มีแต่มือปืนไปสุมหัว แย่งกันใหญ่…”  
                             
    “ชลอ …คุณต้องเอาพวกนี้ให้อยู่นะ จะเอาอะไรหรือให้สนับสนุนอะไรบอกมา……..”                    

    “แล้วเผื่อมีใครเข้าไปจับบ่อนตอนที่ผมอยู่จะทำยังไงครับ…”
            
    รองผู้บังคับการกองปราบถามกลับแคนดิเดต อธิบดีกรมตำรวจคนต่อไป  
            
    “ผมรับรองคุณให้เอง ถ้าถึงตรงนั้น……..”
            
    คำตอบง่ายๆจากรองอธิบดีกรมตำรวจคนเมืองเพชรบุรี  ทำให้นายตำรวจหนุ่มกองปราบปรามคู่อาฆาตมาเฟียไบคานลพบุรีใจชื้นขึ้นมาเยอะ
             
    เพราะทุกเรื่องที่พลตำรวจโทณรงค์บ่น มันแสดงให้เห็นถึงสภาพปัญหาอาชญากรรมที่มาจากนักการเมืองอยู่เบื้องหลังทั้งนั้น
             
    “แต่ยังไงก็อย่าให้มีอะไรมากระทบกับการทำงานของพวกคุณ เหมือนคดีฆ่าส.ส.กำธร

    ดูซิ ถูกผู้ต้องหาร้องกลับแบบนี้ ถ้าหลักฐานไม่มากพอ ไม่แน่นพอ แทนที่จะได้ความดีความชอบ  เป็นว่าพวกเรากลับเสียชื่อเสียงอีก ต้องระวังหน่อยนะ ….”
             
    “ครับท่าน….”
             
    ชลอตอบสั้นๆ แต่ในใจคิดประหวัดไปถึงนายตำรวจมือปราบรุ่นพี่คนหนึ่งที่รู้ว่าคู่สนทนาผู้บังคับบัญชา เอ่ยปากนั้นหมายถึงใคร
             
    เหตุเพราะ “แอ้ม” 1 ในสาวผู้ต้องหาคดีฆ่า นายกำธร ลาชโรจน์ ส.ส.จากปัตตานี พรรคสยามประชาธิปไตย ที่เสียท่าถูกหลอกไปฆ่าชิงทรัพย์ ไปฟ้องนายตำรวจคนหนึ่งในข้อหา ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กักขังหน่วงเหนี่ยว และข่มขืนกระทำชำเรา เพื่อให้รับสารภาพ
            
    แถมหนังสือพิมพ์หลายฉบับเสนอข่าวตรงกัน เล่นข่าวกันสนุกสนาน กล่าวหากันถึงตำหนิในที่ลับเลยทีเดียว
             
    ดีที่มีตำรวจหัวไวคนหนึ่งจากสืบสวนเหนือ ร้อยตำรวจโทบรรดล ตัณฑไพบูลย์ อดีตตำรวจที่ปลอมตัวไปเข้าเกลียวพิชิตแก๊ง “ตี๋ใหญ่” และเป็นคนลำปางคนบ้านดียวกับ “แอ้ม”ผู้ต้องหาสาวที่กลับลำแจ้งความตำรวจ ไปได้หลักฐานเด็ดที่ทำให้ผู้ต้องหาสาวที่ชลอเชื่อว่าหน้าตาคงจะดีไม่น้อย เพราะไม่งั้นคนอย่าง ส.ส.กำธร จะติดเบ็ดง่ายๆ ต้องถ่อไปถอนฟ้องในภายหลัง
              
    อย่างไรก็ตาม คดีฆ่า ส.ส.กำธร ในใจส่วนลึกๆ ชลอยังว่าน่าจะจับผิดตัว
            
    แต่มันไม่ใช่เรื่องของเขา เพราะเรื่องคดีของตัวเองก็ปวดหัวอยู่ไม่ใช่น้อย
             
    “เฮ้ย…ผมว่าเลิกพูดเรื่องงานก่อนเถอะ เหนื่อยกันมาเยอะ กินเหล้ากันดีกว่า……….”
            
    นายพลเมืองเพชรฯ เจ้าของห้องพูดเองเออเอง…………..
            
    จากนั้นห้องรับแขกของรองอธิบดีกรมตำรวจก็เริ่มคลาคล่ำด้วยนายตำรวจจากหน่วยต่างๆ ที่เข้ามาด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน
             
    ไม่เท่านั้น ยังมีพ่อค้าธุรกิจอีกหลายคนเข้ามาแจมด้วย
             
    ทุกคนรู้กันโดยไม่ต้องออกปาก ว่าการเข้ามาในห้องแคนดิเดตอธิบดีกรมตำรวจนั้นจะหมายถึงอะไรบ้าง
             
    ชลอสรุปเอาเองว่า ทุกคนคงอยากใกล้ชิดว่าที่พิทักษ์ 1 หรือนามเรียกขานอธิบดีกรมตำรวจคนต่อไป
            
    ขณะเดียวกัน ทุกคนในห้องรับรู้เช่นเดียวกันว่า  พันตำรวจเอกชลอ ตอนนี้ถือเป็น 1 ใน 4 นักบู๊ ที่พลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ ไว้วางใจค่อนข้างมากถึงมากที่สุดด้วย
            
    ส่วนมือปราบอีก 3 คน คือ พันตำรวจเอกสล้าง บุนนาค รองผู้บังคับการกองปราบปราม พันตำรวจเอกสมเกียรติ ทรัพย์พ่วง ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจพระนครบาลเหนือ และพันตำรวจเอกโสภณ สะวิคามิน ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม
             
    เกือบห้าทุ่ม ชลอ พร้อมลูกน้องนั่งรถออกจากกรมตำรวจ
             
    ถึงแม้จะรู้สึกว่าแอลกออฮอลล์ที่เขาเพิ่งจะเลิกสังสรรค์ กำลังทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ แต่เขาไม่ได้ถึงกับเมามายอะไรนัก เพียงแค่กรึ่มๆเท่านั้น
          

     “ไป…ไอ้ตั๋น ไปบ่อนพี่วัฒ ดีกว่า….”
            
    รองผู้บังคับการกองปราบปราม บอกจ่าตั๋น จ่ายะ ตำรวจคู่ใจ พร้อมกับลูกน้องตำรวจติดตามอีก 2-3 คน ด้วยเสียงอันดังฟังชัดเพราะฤทธิ์เหล้า กลิ่นเหล้าคลุ้ง
             
    มีตำรวจน้องใหม่ รองแป๋ง-พันตำรวจโทอัมรินทร์ เนียมสกุล รองผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม นายตำรวจร่างใหญ่ผิวขาว หน้าตากระเดียดไปทางคนจีน แต่ดีกรีจบจากสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอฟบีไอ เป็นผู้คอยติดตาม
             
    สาเหตุที่เจ้าตัวเดินเข้าซุ้มเกิดเทศ เพราะทึ่งในวิธีการสืบสวนสอบสวนของชลอ ที่ไม่มีสอนในบทเรียนของเอฟบีไอ.ในคดีฆ่า ส.ส.ชัยนาท จนกระทั่งจับกุมคนร้ายได้เกือบยกแก๊ง
             
    นอกจากนี้ยังมีตำรวจหนุ่มชั้นประทวน ท่าทางทะมัดทะแมงเอาเรื่องอีกคนหนึ่ง จ่าอ๋อย-จ่าสิบตำรวจรุ่งแสง ทองแท่งใหญ่ สังกัดแผนก 1 กองกำกับการ 1 กองปราบปราม เข้าร่วมทีมรองผู้การมือปราบคนนี้
                
    ———————————————————————————————
             
    อีกไม่ถึงครึ่งชัวโมง ที่บ่อนการพนัน ย่านพัฒนาการ
             
    นายตำรวจหนุ่มในชุดซาฟารีสีน้ำเงินเข้ม สวมหมวกแก๊ป เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์แลกเงิน ขณะที่แคชเชียร์สาวเห็นหน้าชลอ รู้จุดประสงค์ทันที หยิบชิปแลกแทนเงินสดส่งให้โดยอัตโนมัติ เพราะเจ้าของบ่อนนักการเมืองดังสั่งเอาไว้
             
    ชลอ ที่ตอนนี้ดูไม่เหมือนตำรวจ แต่ดูเหมือนเสี่ยขาใหญ่ หยิบชิปราคาต่างๆตั้งแต่ 5,000- 20,000 บาท รวมแล้ว 1 แสนบาท โดยแจกชิปส่วนหนึ่งให้กับ  จ่าตั้น จ่ายะ จ่าอ๋อย ไปโยกสลอตแมชชีนฆ่าเวลา
             
    ส่วนชลอแยกไปเล่นบาคาร่า โดยมีรองแป๋ง-พันตำรวจโทอัมรินทร์ตามติดไปด้วย
            
    เสียงเฮดังที่โต๊ะบาคาร่า ที่มีอยู่หลายโต๊ะเป็นระยะ
             
    ชลอเห็นเจ้าพ่อขาใหญ่กรุงเทพ อย่างเหลา สวนมะลิ ผู้กว้างขวางในวงการหมัดมวย นั่งเล่นอยู่ โดยมีกลุ่มชายฉกรรจ์อีกหลายคนห้อมล้อม
            
    1 ใน นั้น มีหมึกเพชร มือปืนรับจ้างชื่อกะฉ่อน ยืนประกบเจ้าพ่อสวนมะลิ และติดตามชนิดไม่ห่างตา แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ
            
    สำหรับหมึกเพชร ชลอได้ยินกิติศัพท์มาว่า เป็นมือปืนตัวดังของเมืองเพชร
             
    แต่ชลอ ไม่ได้แสดงทีท่าว่าสนใจมือปืนรับจ้างคนนี้
             
    หรืออย่างนักการเมืองคนดังจากเมืองเพชรบุรี พรรคสยามประชาธิปไตย ที่ถูกมองเป็น 1 ในผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่า ส.ส.กำธร ลาชโรจน์ ส.ส.ปัตตานี ที่กำลังนั่งลุ้นไพ่ท่โต๊ะบาคาร่าอีกตัวหนึ่ง
             
    ชลอก็รู้จัก เพราะเคยบุกไปดูหน้าลิ่วล้อมือปืนของ ส.ส.เพชรบุรีคนนี้ ที่มาเปิดห้องพักที่โรงแรมแหลมทอง ย่านนางเลิ้ง เพราะใกล้กับรัฐสภา สะดวกเวลาเดินทาง
            
    รองผู้การกองปราบฯเดินไปเดินมา หย่อนชิปแทงบาคาร่า ลุ้นไพ่หักไพ่ไม่กี่ตา ชิปที่มีกว่า 5 หมื่นบาทก็หมด
             
    “หมดอีกแล้วสินาย ผมบอกแล้วไม่เชื่อ อย่าไปเล่น ทีหลังเอาชิปมาแบ่งให้พวกผมครึ่งหนึ่งก่อนนะ นายเอาไปเล่นแค่ครึ่งเดียวก็พอ  เล่นก็ไม่เป็น ยังจะไปเล่นอีก…”
            
    ลูกน้องคนหนึ่งพูดกับชลออย่างเสียดาย แต่ชลอไม่สนใจ เพราะสิ่งที่เขาได้แน่ๆคือ ตำหนิรูปพรรณกลุ่มแก๊งมือปืน เจ้าพ่อ แต่ละคน ใครอยู่ซุ้มไหน เดินตามใคร
             
    เขาเมมเมอรี่ไว้ในลิ้นชักสมองหมดแล้ว
             
    ไม่ใช่บ่อนที่พัฒนาการที่เดียว ทุกบ่อนที่เปิดในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดใหญ่ๆ ชลอย่ำไปหมดทุกที่ ด้วยจุดประสงค์เก็บบันทึกผู้กว้างขวาง ลิ่วล้อมือปืน และสร้างเครือข่ายสายข่าวไปในตัว
            
                            

     

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments