ตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอเกิดเทศ โดยกิตติพงศ์ นโรปการณ์
พระอาทิตย์ที่ขึ้นมาจากทิศตะวันออกที่อยู่ตรงข้ามกับไร่เกิดเทศ หรือคุ้มพระลอยิ่งสูงมากเท่าไหร่ คนในอาณาจักรแห่งนี้ก็เริ่มเยอะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
เพราะนอกจากกองกำลังชุดตำรวจกองปราบปรามนำโดย ผู้กองเบี้ยว-ร้อยตำรวจเอกพิภพ เบี้ยวไข่มุข ผู้กองคก -ร้อยตำรวจเอกเจตนากร นภีตะภัฎ ผู้หมวดทองดำ-ร้อยตำรวจโททองดำ ลาภิกานนท์ หมวดหนุ่ย-ร้อยตำรวจโทอภินันท์ เกตุษเฐียร หมวดป๊อก-ร้อยตำรวจโทโรจนะ สมุนไพร หมวดเจิม-ร้อยตำรวจโทเจิม ภู่สุดแสวง จ่าจิ๋ว -สิบตำรวจเอกประณีต จิ๋วเจียม จ่าอ๋อย-จ่าสิบตำรวจรุ่งแสง ทองแท่งใหญ่ จะทยอยเดินทางมาจากกรุงเทพฯตามคำสั่งของชลอแล้ว
ยังมีกองกำลังสายโจรอย่างไอ้เหน่ ที่พาลูกน้อง 3-4 คน ก็ตามเข้ามาสมทบ ทำให้คุ้มพระลอ อาณาจักร 30 ไร่ ริมแม่น้ำปิงคึกคัก และทำให้พื้นที่ลานจอดรถอันกว้างขวางเริ่มคับแคบจากรถราของแขกเหรื่อพรรคพวกเพื่อนฝูงของชลอ รวมทั้งลูกน้องเก่าๆในจังหวัดตาก ที่เดินทางมาเยี่ยมเยียนหลังรู้ข่าวเจ้าของบ้านกลับมา
ลูกนายทหารยศพันโทที่เติบโตในชีวิตราชการตำรวจ เป็นถึงยศพันตำรวจเอก 1 ในมือปราบช่ือดังของกรมตำรวจ เดินทักทายแขกเหรื่อส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการและผู้กว้างขวางในพื้นที่สมัยเขายังเป็นหัวหน้าตำรวจเมืองตาก
ขณะที่กำลังตำรวจกองปราบฯลูกน้องชลอที่มาจากกรุงเทพฯ แยกไปนั่งรออยู่ที่เรือนแพริมน้ำปิง รอคำสั่งจากผู้บัคับบัญชาเจ้าของไร่เกิดเทศแห่งนี้
ชลอเดินทักทายแขกเหรื่อที่มาหาเต็มบ้านพักใหญ่ ก่อนขอตัวเข้าไปในบ้านพักของเขา ยกหูโทรศัพท์บ้านหมุนเลขปลายสายหาใครบางคน พูดคุยกันสักพัก ก่อนเดินออกมาที่แพริมน้ำที่ลูกน้องกองปราบฯนั่งรอ
พร้อมกันนั้น ชลอสั่งให้ไอ้โก๊ะ เด็กกะเหรี่ยงที่หนีภัยสงครามจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และกลายมาเป็นเด็กเฝ้าบ้าน จัดข้าวปลาอาหารมื้อเที่ยงมากินกันระหว่างประชุมไปในตัว
อย่างแรกที่ชลอสั่งการคือให้ผู้กองเบี้ยว-พิภพ ฝ่ายบุ๋นของทีมร่างรายชื่อชุดสืบสวนคลี่คลายคดีฆ่าเสี่ยปุ้ย-นายณรงค์ โพธิ์พูนสวัสดิ์ ในส่วนของกองปราบปราม เสนอไปยังรักษาการผู้บังคับการกองปราบปราม พันตำรวจเอกกุศล นาคศรีชุ่ม ลงนามในคำสั่งกองปราบปรามตามระเบียบ
ก่อนที่จะหารือวางแผนการทำงาน พร้อมซักถามลูกทีม มีใครรู้จักใครในเชียงใหม่ที่พอจะเป็นแหล่งข่าวบ้าง
“ พี่ลอ…ผมพอจะรู้จักไอ้อู๊ด ลูกพ่อเลี้ยงโรงไม้ที่ทำไนท์คลับอยู่เจ็ดยอด เคยเรียนด้วยกันที่วชิราวุธ มันได้เลย เฮี้ยวพอตัว ผมว่าจะไปคุยหาข่าวกับมันดู….”
ผู้กองคก -ร้อยตำรวจเอกเจตนากร อดีตนักเรียนโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยเอ่ยปากกลางวงข้าว แต่ก็เท่ากับตรงล๊อกของชลอ เพราะไอ้อู๊ด ก็อยู่ในลิสต์ที่เขาจะต้องหาข่าวเบื้องต้นอยู่แล้ว
“ดี…มึงไปคุยกับมัน ไม่ต้องไปซักอะไรมากมาย ปล่อยให้มันคุยตามสบายเกี่ยวกับเรื่องไอ้เสี่ยปุ้ย เอาให้มากที่สุด ได้เรื่องยังไงแล้วมาคุยกัน…”
รองผู้บังคับการกองปราบฯ ชมรุ่นน้องอดีตนักรักบี้ พร้อมสั่งการต่อ
“เดี๋ยว เราขยับไปที่เชียงใหม่ แยกย้ายกันไปทำงาน ไอ้คก มึงเอาทองดำไปด้วย
ไอ้เบี้ยว มึงลองเข้าไปหาลูกเมีย ครอบครัวหรือญาติไอ้ปุ้ยมันดู ลองสอบถามพูดคุยว่าอะไรที่พอจะเป็นสาเหตุการถูกยิงครั้งนี้
ส่วนกูจะเข้าไปหาพ่อเลี้ยงแคนนะ ซี้เก่ากูหน่อย แล้วค่ำๆสักสองทุ่มไปเจอกันที่โรงแรมเมืองใหม่ของไอ้ปุ้ย ไปดูที่เกิดเหตุกัน แต่ถ้ามีอะไรด่วน หาโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องในรถกู….”
ชลอสั่งงานปร๊าดเดียว พร้อมกับอัดฉีดเงินค่าน้ำมัน ค่ากินอยู่ให้กับลูกน้องทั้งตำรวจทั้งโจร ก่อนที่ทีมงานพร้อมปืนผาหน้าไม้ วิทยุสื่อสาร และอาวุธเต็มพิกัดจะถูกทยอยนำขึ้นรถ และเริ่มทยอยเดินทางขึ้นไปที่เชียงใหม่ จังหวัดที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ที่อยู่ห่างจากคุ้มพระลอ ไปทางเหนืออีกประมาณ 260 – 270 กิโลเมตร
แต่ขณะที่ชลอกำลังก้าวขึ้นรถรถเบนซ์ สีดำ รุ่น 230 E w124 พาหนะคู่ใจ ที่จ่าตั๋นกับจ่ายะ สลับกันทำหน้าที่ขับมาจากกรุงเทพฯ เตรียมจะออกเดินทาง
พลันก็มีรถกระบะสายตรวจของสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองตากวิ่งเข้ามาจอดที่บริเวณลานจอดรถอย่างรีบด่วน พร้อมกับมีชายหน่มร่างผอมสูง ไว้ผมยาวรากไทร เสื้อเชิ๊ตแขนยาวพับแขน กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋าใบไม่เล็กไม่ใหญ่เดินยงโย่ยงหยกเข้ามาด้วยท่าทีอันเร่งรีบ
ชลอเห็นก็จำได้ เป็นไอ้โก๊ะ-ร้อยตำรวจโทสมภพ พงษ์ฤกษ์ นายตำรวจหนุ่มจากสืบสวนเหนือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และเซนเตอร์ฮาลฟ์ในทีมสโมสรฟุตบอลตำรวจที่เขาเป็นประธานสโมสรและผู้จัดการทีมอยู่
“ไอ้โก๊ะ…มึงมาทำอะไรวะ อย่าบอกนะว่าจะไปด้วย…”
ชลอตะโกนทักนายตำรวจรุ่นน้องจากรั้วโรงเรียนนายร้อยสามพรานอย่างสนิทสนมและรู้ทัน ขณะที่ หมวดโก๊ะ ที่อยู่ในชุดไปรเวท มองเห็นเจ้าของเสียงจึงรีบวิ่งหอบเข้ามาพร้อมยิ้มอ้อนวอนบอกว่า
“ เกือบไม่ทันนาย ผมขอไปด้วย เมื่อวานได้ยินข่าวว่านายจะขึ้นไปเชียงใหม่ ไปทำคดีเสี่ยปเลย้ย ผมอยู่ว่างๆ นายที่สืบเหนือยังไม่ใช้อะไร เลยนั่งรถทัวร์ตามมาจะขอนายขึ้นไปด้วย….”
“เออ..มึงขึ้นรถคันไอ้หน่ย หรือไอ้ป๊อก รถมันใหญ่ มีที่ว่างอยู่ ไปเร็วจะเที่ยงแล้ว กว่าจะถึงก็เย็นพอดี….”
นายตำรวจมือปราบปรามแห่งกองปราบปรามสามยอดพูดพร้อมหันหน้าโบ้ยไปทางรถเก๋ง Nissan Skyline 2000GT-EL ปี1980 สีน้ำเงินเข้ม หมวดหนุ่มนักฟุตบอลแห่งสืบสวนเหนือมองตามไปเห็น หมวดหนุ่ย-อภินันท์ และหมวดป๊อก-โรจนะ สมุนไพร เพื่อนตำรวจนักฟุตบอลโผล่หน้าโบกมือไหวๆเรียกให้ขึ้นรถ เจ้าตัวไม่รอช้ายกมือไหว้ขอบคุณผู้บังคับบัญชามก่อนวิ่งตามไปทันที
——————————————————————————————
ขบวนรถนักสืบจากกองปราบปรามสามยอด ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากคุ้มพระลอ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพหลโยธินมุ่งหน้าจังหวัดเชียงใหม่
รถออกมาได้สักระยะ ชลอบอกจ่าตั๋น ตำรวจคนสนิทที่ทำหน้าที่คนขับรับคำสั่งมีจ่ายะ นั่งคู่อยู่เบาะซ้าย โดย 2 ตำรวจคนสนิท มีปืนโคลท์ ตราม้ายกขาหักหอก 11 มม.เสียบอยู่ข้างเบาะ หยิบฉวยได้พร้อมใช้
ขณะที่ชลอนั่งเบาะหลัง นอกจากมีโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องใหญ่ตั้งอยู่แล้ว ยังมีปืนเอ็ม.16 ลำกล้องตัดสั้นวางแอบอยู่ที่วางเท้าด้านขวามือเขาอีก 1 กระบอก
“ไปเชียงใหม่ บริษัทพ่อเลี้ยงแคนนะ….”
ชลอสั่งสั้นๆ ขณะที่จ่าตั๋นพยักหน้าตอบรับครับนาย เพราะรู้ดีว่าบริษัทเมืองเหนือคอนสตรัคชั่น ของพ่อเลี้ยงแคนนะตั้งอยู่ตรงไหน
เพราะก่อนนี้ในอดีต เมื่อช่วงปีพุทธศักราช 2516 จ่าตั๋นเคยเป็นชุดเฉพาะกิจร่วมกับนายตำรวจมือปราบที่นั่งอยู่เบาะหลัง สมัยยังเป็นผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธรอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ขึ้นมาทำคดีคนร้ายฆ่าชิงรถดัมพ์รถบรรทุกดิน
สุดท้ายการสืบสวนมาจบลงตรงที่คนร้ายนำรถบรรทุกที่ปล้นมาไปขายให้กับไซต์งานของพ่อเลี้ยงแคนนะ ที่ได้สัมปทานทำถนนสายยุทธศาสตร์สายเหนือตัดภูเขาเข้าไปในพื้นที่ 3-4 จังหวัด รอยต่อเชียงใหม่แต่เพียงผู้เดียว ในยุคที่ยังมีภัยคอมมิวนิสต์คุกคาม
—————————————————————————————
เกือบๆสี่โมงเย็น ชลอและลูกน้องตำรวจกองปราบฯ ที่มีหมวดป๊อก หมวดหนุ่ย และหมวดโก๊ะ 3 นายตำรวจนักบอลที่นั่งรถอีกคันตามมาก็มาอยู่ที่บริษัทเมืองเหนือคอนสตรัคชั่น จำกัด ที่ตั้งอยกลางเมืองเชียงใหม่ โดยพ่อเลี้ยงแคนนะ ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
จังหวะเดินเข้าไปในออฟฟิศ นายตำรวจหนุ่มมือปราบเหลือบมองเห็นชายรูปร่างสันทัด วัย 50 ปลายๆ แต่ดูยังแข็งแรง เดินก้มหน้าอยู่หลังเจ้าของบริษัทรับเหมา ท่าทางดูกล้าๆกลัว ทำตัวลับๆล่อ ชลอเห็นแล้วจำได้ว่าใคร เลยเอ่ยปากทักเสียงดัง
“ไง…ไอ้หนานวัง สบายดีมั้ยมึง….”
ชายเจ้าของชื่อหนานวังถึงกับสะดุ้ง อ้อมแอ้มตอบ
“สบายดีครับนาย อยู่กับพ่อเลี้ยงผมมีความสุขดีครับ….”
“อย่าเกเรอีกนะมึงไม่งั้นกูเอามึงตาย……”
ชลอสำทับด้วยน้ำเสียงเอาจริง เพราะเขาจำไอ้หนานวัง ได้
ช่วงที่เขารับคำสั่ง เทพ333 -พลตำรวจโทวิฑูรย์ ยะสวัสดิ์ อดีตผู้อธิบดีกรมตำรวจ ให้มาสะสางเหตุคดีฆ่าชิงรถบรรทุก
ไอ้หนานวัง หรือวัง แม่ทะ คนลำปาง อดีตคนดูแลไซต์งานสร้างถนนเส้นดอยติ-ลำพูน ให้กับพ่อเลี้ยงแคนนะ เป็นคนส่งออเดอร์รถไปให้ ไอ้ออย เกาะคา ลูกน้องหนานวัง คนบ้านเดียวกัน ก่อนส่งต่อไปยัง ไอ้วี หัวรอ แก๊งลักรถในเขตพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงมือฆ่าคนขับรถที่ชอบจอดนอนพักริมถนน ก่อนชิงเอารถส่งขึ้นมาเป็นทอดๆ จนกระทั่งชลอ จะตามมายึดรถสิบล้อของกลางได้นับสิบๆคันที่ไซต์งานแห่งนี้
อย่าว่าแต่ไอ้หนานวัง คนร้ายคดีอื่นๆที่เขาสัมผัสหรือได้ทำคดี ข้อมูลทุกอย่าง ถูกบันทึกอยู่ในลิ้นชักสมองของเขาหมด
“ ฮ่าๆๆ แหมพี่ลอ จำแม่นเลย มันดีขึ้นแล้วครับ หลังจากสู้คดีตามคำแนะนำของพี่จนศาลยกฟ้อง ผมอบรมเรียบร้อย ขาดเหลืออะไร บอกมันแล้วอย่าไปทำอย่างนั้นอีก บาปกรรม เชิญครับๆเข้ามาพักผ่อนในห้องให้หายร้อนก่อน….”
ชายหนุ่มเจ้าของบริษัทรูปร่างทะมัดทะแมง แต่งตัวภูมิฐาน อายุอานามอ่อนกว่าชลอ 3-4 ปี แต่ผมเริ่มออกเป็นสีดอกเลา หัวเราะกับคำขู่ของอาคันตุกะตำรวจ และสภาพของลูกน้อง เพราะรู้ว่าเป็นการเย้าแบบทีเล่นทีจริง จากรองผู้บังคับการกองปราบปราม
พร้อมแนะนำเด็กสาววัยยังไม่ถึง 20 ปี หน้าตาสดใสที่ยืนอยู่ข้างพ่อเลี้ยงแคนนะ ให้ชลอ ที่สนิทสนมกันมาจากคดีนั้น
“นี่ต่าย-กรุณา ลูกสาวคนโตผมครับพี่ ปีนี้ 17 แล้ว ปีหน้าก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เอ้าลูกไหว้ลุงชลอเขาสิ….”
เด็กสาววัยสดใส บุคลิกลักษณะมั่นใจตัวเองสูง ยกมือไหว้สวัสดีรองผู้บังคับการกองปราบฯ ขณะที่ชลอรับไหว้พร้อมแว่บคิดไปว่า ถ้ากุ้ง-ชอบรบ ลูกชายคนโตเขายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้คงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
“พี่ลอ เชิญเข้าไปห้องทำงานผมก่อนครับ เอ้าต่าย ช่วยพี่ๆเขาดูแลพี่ตำรวจด้วย….”
ก่อนที่พ่อเลี้ยงแคนนะ สั่งลูกสาวให้ไปช่วยพนักงานบริษัทเข้าไปเทคแคร์คณะตำรวจกองปราบที่แต่งตัวนอกเครื่องแบบ โดย 1 ในคณะอาคันตุกะที่มีท่าทีกะลิ้มกะเหลี่ยกว่าเพื่อน ทันทีที่เห็นลูกสาวของนักธุรกิจใหญ่เมืองเหนือมาเทคแคร์ คือ หมวดโก๊ะ-สมภพ พงษ์์ฤกษ์ นายตำรวจหนุ่มวัยรุ่น ที่เพิ่งพ้นร้ัวสามพรานออกมาได้ไม่กี่ปี
ขณะที่ชลอ เดินตามพ่อเลี้ยงแคนนะ เข้าไปในห้องทำงานโอ่โถง ตกแต่งแบบง่ายๆแต่มีกลิ่นไอเมืองเหนือซ่อนอยู่
“พอพี่โทรฯมาเมื่อเที่ยง ผมเลยแคนเซิลแขกที่นัดไว้หมด เดี๋ยวมื้อเย็นขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงพี่เอง เต็มที่เลยพี่ นานๆเจอกันที……”
พ่อเลี้ยงแคนนะเสนอตัวดูแลแขกวีไอพี
“ขอบใจมาก แต่วันนี้กินเย็นธรรมดาพอ เอาไว้วันอื่นค่อยเต็มที่ กูจะเข้าไปดูที่เกิดเหตุยิงไอ้เสี่ยปุ้ยมันก่อน ดูท่ากูกับลูกน้องน่าจะอยู่หลายวัน…..”
รองผู้การกองปราบที่นั่งเอนหลังอยู่เก้าอี้โต๊ะทำงานของเจ้าของห้องกล่าวขอบใจ ขณะที่พ่อเลี้ยงแคนนะ เสนอตัวดูแลต่อ
“งั้นเดี๋ยวผมจองที่พักให้ เอาโรงแรมพรพิงค์เลย สะดวกดี มีทุกอย่างอำนวยความสะดวกครบ พี่ทำงานเสร็จแล้ว ไม่ต้องตีรถกลับตาก พักไปเลยพี่ ลูกน้องพี่ที่มาด้วย ค่าใช้จ่ายผมจัดการเอง…..”
“เออ…เอาตามนั้นก็ได้ …”
ชลอตอบตกลง แต่ในใจก็รู้สึกแฮปปี้เพราะมีสปอนเซอร์เสนอตัวดูแล
“ มึงรู้เรื่องไอ้เสี่ยปุ้ยบ้างมั้ย คนที่นี่เขาว่าไงกันบ้าง…..”
นายตำรวจกองปราบฯเข้าเรื่อง
“มันก็เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ใจถึง แต่เรื่องที่มันจะไปทำอะไรกับใครไว้จนถึงขั้นถูกยิง เดี๋ยวผมจะช่วยพี่เช็กให้ แต่พี่ลองไปหาข่าวในบ่อนที่โรงแรมมัน อาจจะมีคนพอรู้เรื่องอะไรบ้าง แต่ตอนนี้คงปิดอยู่ มีเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ถ้ายังกล้าเปิดอยู่ก็บ้าแล้ว…”
พ่อเลี้ยงแคนนะนำเสนอช่องทางหาข่าว แต่ถึงกับสะดุ้งเมื่อชลอสวนกลับมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ไม่ใช่มึงไปฆ่ามันเองนะ…..”
“โธ่พี่….ธุรกิจผมมาขนาดนี้แล้ว จะไปทำอย่างนั้นทำไม ไอ้หนานวัง มันทำพลาดเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ผมยังด่ามันเกือบทุกวันนี้ แล้วเส้นทางผมกับไอ้เสี่ยปุ้ย มันก็เดินกันคนละทางด้วย….”
เจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของภาคเหนือที่ได้สัมปทานสร้างถนนครวญตอบ
“ดีแล้วล่ะ กูไม่อยากจับมึงกับลูกน้องเข้าคุกอีก อ้อ…เดี๋ยวตอนไปกินข้าว บอกไอ้หนานวัง ให้มันมาด้วย กูอยากคุยกับมันเรื่องนี้ ให้มันช่วยเป็นหูเป็นตาให้กูอีกแรง งานจะได้เสร็จเร็วๆ…..”
“ได้ครับพี่….”
ทั้งสองคนนั่งคุยกันอีกถึงเรื่องเสี่ยปุ้ย บุคคลใกล้ตัว ธุรกิจใต้ดินของคนตายและผู้กว้างขวางในเชียงใหม่อยู่เกือบชั่วโมง ทั้งคู่ถึงเดินออกมาจากห้องพร้อมกัน