Saturday, November 23, 2024
More

    92.วงการลูกทุ่งเดือด

    ตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอ เกิดเทศ  โดยกิตติพงศ์ นโรปการณ์
                                              
                   สิ้นเสียงชลอ รถตู้ที่มีจ่าตั๋นเป็นคนขับหักพวงมาลัยพุ่งเข้าไปจอดพรวดริมฟุตปาท ใกล้บันไดทางขึ้นธนาคาร โดยมีรถยนต์เก๋งอีก 2-3 คัน ที่เป็นลูกน้องของรองผู้การมือปราบตามเข้าไปจอดปิดทางซ้ายขวา เสียงยางรถบดถนนดังสนั่น

    ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ 
                         

    ชลอกระตุกปืนสั้นโคลท์ยูเอสอาร์มมี่ ขนาด11มิลลิเมตร สีดำขึ้นกระชับอยู่ในมือ ก่อนกระโดดลงจากรถตะโกนส่งเสียงเรียก ไอ้เชียน ไอ้ช้อย พร้อมๆกับลูกน้องของชลอถือปืนอูซี่ ปืนพกสั้น วิ่งลงตามมาติดๆ
                   

    2 หนุ่มวัยฉกรรจ์ เป้าหมายตำรวจกองปราบปราม ที่กำลังเดินขึ้นบันไดธนาคารหันขวับตามเสียงเรียก1 ใน 2 คนที่แต่งกายลักษณะคล้ายๆกัน ใส่เสื้อเชิ๊ตปล่อยชายคลุมทับเสื้อยืดไว้อีกชั้น  สวมกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ไม่รู้เป็นไอ้ช้อย หรือไอ้เชียน ใช้มือเลิกชายเสื้อหยิบวัตถุที่เสียบไว้ในเอวแล้วชักออกมา
                 

     “นาย…ระวัง มันมีปืน……”
                   

    เสียงลูกน้องตำรวจไม่รู้ใครที่วิ่งมาข้างๆชลอตะโกนเตือน
                   

    จากการฝึกฝนมาอย่างหนักจนเกิดเป็นความเคยชิน ปืนในมือชลอ ยกวาดสวนไปที่เป้าหมายข้างหน้าเป็นการตอบโต้ แต่ยังช้าไปกว่าเสียงกัปนาทที่กึกก้องคำรามดังสนั่นลั่นมา 1 นัด
                   

    “ปังงงง…..”
                   

    วูบหนึ่งของแรงกดอากาศที่เกิดจากกระสุนปืนผ่านตัว ความรู้สึกเสียวแปล๊บที่ท้องน้อยเกิดขึ้นโดยฉับพลัน ชลอคิดย้อนหลังไปเมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2516 ครั้งเขายศพันตำรวจตรี ตำแหน่งผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธรอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
                   

    ครั้งนั้น เขาถูกไอ้เสือดำ คนร้ายคดีปล้นฆ่าใช้ปืนคาร์บินยิงในระยะประชิด 2 นัดซ้อนเข้าที่ท้อง ขณะล้อมจับ ต้องนอนแบ่บรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจังหวัดสระบุรีอยู่เป็นเดือน
                   

    แต่ความเสียวแปลบที่ว่า เกิดขึ้นแค่แว่บเดียว ภาพที่ปรากฏต่อหน้าชลอในตอนนี้  นั่นคือปืนลูกโม่ที่ไอ้วายร้ายคนนี้กำลังชักออกมาจากเอวร่วงลงพื้น พร้อมๆกับร่างมันทรุดตัวลงคุกเข่าเอามือกุมท่อนแขนอีกข้างที่มีเลือดไหล ทะลักออกมา

    ขณะที่เพื่อนมันอีกคนทำอะไรไม่ถูก ทรุดตัวลงนั่งยองๆตามเสียงตะโกนจากกลุ่มตำรวจนอกเครื่องแบบกองปราบฯที่ขยับ เข้าไปถึงตัวมันทั้งคู่
                   

    “หยุด อย่าขยับ คุกเข่าลงกับพื้น……”
                   

    เสียงดังตะโกนซ้ำๆข่มขวัญไอ้ช้อยไอ้เชียน ท่ามกลางความตระหนกตกใจของผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคารที่ยืนอยู่ประตูทางเข้า ที่ใกล้ชิดเหตุการณ์มากที่สุด
                 

     รองผู้การกองปราบฯที่หวุดหวิดหลั่งเลือดโดยไม่รู้เป็นรู้ตายในวันคล้ายวัน เกิดตัวเองแบบฉิวเฉียด มองเห็นบาดแผลของไอ้หนุ่มที่รู้ต่อมาว่าเป็นไอ้ช้อย ถูกยิงเฉี่ยวที่ท่อนแขน ไม่หนักหนาถึงกับโดนกระดูกหรือทะลุเข้าไปถูกอวัยวะสำคัญ  ไม่ต้องถึงขนาดพาไปทำแผลที่โรงพยาบาล
                   

    ส่วนไอ้เชียน คู่หูไอ้ช้อย เจอปืนลูกโม่.38 กระสุนเต็มลูกโม่ 6 นัด อยู่ในเอว ชายหนุ่มหัวหน้าชุด สั่งให่้แยกกันนำตัว 2 โจรที่กำลังจะปล้นแบงก์ริมถนนขึ้นรถกลับเข้าเซฟเฮ้าส์ที่ลาดพร้าว15 โดยเขาสั่งให้เอาไอ้ช้อย ขึ้นรถตู้ของเขา ส่วนไอ้เชียน ให้ไปขึ้นรถลูกน้องอีกคัน       
                 

     ระหว่างขึ้นรถตู้ ชลอหันไปสบตาแทนคำขอบใจ จ่ายะ-จ่าสิบตำรวจวิริยะ คุ้มรัตน์ 1 ใน 3 ตำรวจคนสนิทที่เหนี่ยวไกยิงไอ้ช้อย ก่อนที่มันจะลั่นกระสุนใส่เขาที่เป็นต้นเสียงเรียก จนเกือบจะถูกตอบกลับด้วยลูกตะกั่วเหล็ก
                   

    “หวิดไปแล้วนาย ผมตั้งใจยิงหัวมันน่ะ…..”
                   

    จ่ายะยิ้มเรียบๆตามสไตล์คนพูดน้อย
                   

    จังหวะขึ้นรถตู้ แอ๊ด-วิชเลิศ นักข่าวหนุ่มหัวเขียว วิ่งปรู๊ดลงมาจากรถของพันตำรวจโทอัมรินทร์ กระโดดมาขอขึ้นรถตู้ของเขา
                   

    ท่ามกลางความงงงวยของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ นึกว่าเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์แอ๊กชั่นที่กำลังสุดบูมอยู่ในห้วงเวลานั้น เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวดเร็วไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้น ทุกอย่างกลับคืนมาสู่ความปกติอีกครั้ง
                   

    ระหว่างอยู่บนรถตู้ ชลออดไม่ได้ที่จะตบกบาลไอ้ช้อย ที่ตอนนี้มันถูกปิดตาและพันธนาการด้วยกุญแจมือไขว้หลังนั่งอยู่กับพื้นรถ
                   

    เพราะใครจะไปรู้ หากจ่ายะ ไม่ลั่นกระสุนออกไปก่อน ไม่แน่นัก ชลออาจจะโดนกระสุนปืนจากไอ้ช้อยเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิดปีที่ 44 ก็เป็นได้
                 

     “ ฆ่ามึงทิ้งซะดีมั้ย ไอ้เหี้ยคิดจะยิงกู…….”
                   

    ชลอสบถ และจริงๆ ในใจเขาหมายความตามนั้น  ยิงตำรวจเอาไว้ไม่ได้ !!!!!
                   

    แต่นักข่าวหนุ่มหัวเขียว จากที่ตอนแรกในขาไป นั่งมากับรองแป๋ง-อัมรินทร์ เนียมสกุล  แต่ขากลับ แอ๊ด-ไทยรัฐ สลัดหลุดนักข่าวรุ่นน้องค่ายสีบานเย็น ตุ้ย -เดลินิวส์ เกาะติดข่าวเดี่ยวมากับชลอ หลุดโพล่งสวนรองผู้บังคับการหนุ่มอย่างมีเหตุผล
                   

    อย่าไปทำอะไรมันเลยพี่  ไหนๆก็จับมันได้ แล้ววันนี้วันเกิดพี่ด้วย…..”
                   

    ถึงจะเป็นนักข่าวเล็กๆ แต่นั่นก็ทำให้ชลอหยุดความคิดแรกนั่นไว้
                   

    “มึงนะ ไอ้ช้อย มึงต้องกราบตีนพี่เขาที่ขอชีวิตมึงไว้…..”

    ชลอพูดโดยไม่สนว่าไอ้ช้อย จะรู้มั้ยว่า คนที่ขอชีวิตมันไว้เป็นใคร  หน้าตาเป็นอย่างไร
                   

    แต่ที่แน่ๆ แอ๊ด-วิชเลิศ ที่กำลังสุดทึ่งกับการข่าวของนายตำรวจหนุ่มมือปราบ ที่บอกเขาเมื่อช่วงเช้านี้ว่ามีแมลงวันบินคาบข่าวมาบอกเรื่องโจรปล้นแบงก์ และนำกำลังออกมาตรวจสอบ จนกระทั่งเกิดเหตุปะทะจนคนร้ายเจ็บ และจะกลายเป็นข่าวในหน้า 1 ฉบับวันพรุ่งนี้
                   

    เขาถือว่าเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิดมือปราบผู้ยิ่งใหญ่ที่นักข่าวตัวน้อยๆจะทำให้ได้
                   

    ขณะเดียวกัน ชลอก็คิดจะบอกความจริงเรื่องไอ้เล่ ที่ถูกจับแช่โอ่งน้ำแข็งทำไอติมโอ่งยักษ์ คือที่มาของการจับกุม 2 โจรที่กำลังปล้นแบงก์ริมถนนในย่านชานเมืองครั้งนี้ แต่เพราะด้วยภารกิจ เลยทำให้เขาลืมบอกความลับที่ว่า
            —————————————————————–
                 

     เย็นวันเดียวกันที่บ้านปัฐวิกรณ์ สุขาภิบาล 1
                   งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของนายตำรวจหนุ่มมือปราบคู่อาฆาตไอ้หยอง ทายาทไบคาน เป็นไปอย่างยิ่งใหญ่สมบารมี

    โต๊ะอาหารล้นจนต้องออกมาตั้งไว้ริมกำแพงหน้าบ้าน เช่นเดียวกับรถราผู้ที่มาร่วมงานหลังเพื่อน ต้องจอดด้านนอก และเดินเท้าเข้ามา อันเนื่องมาจากแขกเหรื่อมิตรสหายหลากหลายวงการ พ่อค้า นักการเมืองขาใหญ่ระดับเจ้าพ่อ ไม่ว่า แป๋ง เมืองเพชร วัฒนา ปากน้ำ จองชัย ปิ่นเกล้า ทหารตำรวจ เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล นักฟุตบอลทั้งทีมชาติไทย และสโมสรตำรวจ มากันเป็นจำนวนมาก
                   

    โดยเฉพาะที่เวทีหน้าบ้าน กลายเป็นพื้นที่มหรสพย่อยๆ ดารานักแสดง ศิลปิน นักร้องลูกทุ่ง ลูกกรุง สลับกันขึ้นไปร้องเพลง มีบรรดาหางเครื่องยกโขยงกันมาให้อาหารตา ผสมกับศิลปินตลก ผลัดเปลี่ยนขึ้นไปเปลี่ยนมุกเรียกเสียงฮาตลอดอย่างไม่ขาด พร้อมกับสารพัดคำอวยพรให้เจ้าของงานวันเกิด เจ้าของบ้านหลังนี้ที่สวมหมวกในสถานภาพต่างๆของสังคมอยู่หลายใบอยู่เป็นระยะ
                   

    ขยับเข้าไปด้านในตัวบ้าน แขกเหรื่อผู้ใหญ่ระดับบิ๊กเนม นั่งดื่มเมากันอย่างเฮฮา กับข้าวกับปลา ถูกยกมาเสิร์ฟอย่างไม่อั้น ในบางมุมของบ้าน มีการละเล่นเสี่ยงโชคประเภทไฮโล ถึงไม่ประเจิดประเจ้อ แต่ก็มีเสียงเฮลั่นจากบรรดาลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นตำรวจลูกน้องเจ้าของ บ้านนั่นเอง
                   

    ขณะเดียวกัน แอ๊ด-วิชเลิศ นักข่าวหนุ่มหัวเขียว ถือกล้องสะพายกระเป๋าเดินตามรองผู้การหนุ่มกองปราบฯตั้งแต่เย็นจนดึก
                   

    ชลอเน้นให้นักข่าวหนุ่มรุ่นน้องถ่ายรูปเวลาที่เขาไปยืนกับชายฉกรรจ์แต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะบรรดาลิ่วล้อที่ติดตามศิลปินลูกทุ่ง อย่าง แอ๊ด-ยอดรัก สลักใจ สายัณห์ สัญญา ไพรวัลย์ ลูกเพชร สัญชาติญาณนักข่าวอย่างเขาบอกว่า ชายฉกรรจ์ที่ชลอไปยืนถ่ายรูปด้วยนั้น แต่ละคนไม่ต่างจากดาวร้ายในภาพยนตร์ไทยเลย
                   

    “ไอ้แอ๊ด มึงถ่ายรูปไอ้พวกนี้ไว้ มันเป็นพวกมือปืนตามวงดนตรี แต่ละคนประวัติมันร้ายๆทั้งนั้น หาตัวยาก มีรูปถ่ายไว้ เผื่อมีคดีจะได้ใช้ประโยชน์ทีหลัง…..”

    นายตำรวจหนุ่มมือปราบกระซิบบอก ทีเด็ด เมื่อมีหมูมาถึงเล้า
                   

    รองผู้การหนุ่มรู้มานานแล้วว่า ต้นสายปลายเหตุ กำเนิดและสาเหตุที่ต้องมีมือปืนมาประจำวงดนตรีลูกทุ่ง จริงๆแล้วเริ่มจากนักการเมืองคนดังเมืองเพชรบุรี แผ่อิทธิพลเข้าควบคุมวงการเพลงลูกทุ่ง ขยายกว้างออกไปถึงวงการภาพยนต์ไทย
                   

    เริ่มแรกจะเอาดนตรีไปเล่นเวลาหาเสียง จากนั้นจะแผ่ขยายไปดูแลบ่อน  คุมวินรถแท็กซี่ รวมทั้งแผ่อิทธิพลมืดคุมซอยบุปผาสวรรค์ ย่านขนส่งสายใต้ บางกอกน้อย ที่รู้กันว่า เป็นแหล่งรวมวงดนตรีลูกทุ่งแทบทุกวง และส่วนใหญ่นักร้องลูกทุ่งเหล่านี้ จะมีพื้นเพมาจากจังหวัดในโซนใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง นครปฐม โดยเฉพาะเพชรบุรี มาอยู่รวมกันในซอยที่ว่านี้
                 

     เมื่อธุรกิจคล้ายกัน ย่อมมีการแข่งขัน ต่างวงต่างเดินสาย เพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ของแต่ละวง นี่เลยกลายเป็นจุดกำเนิดของมือปืนประจำวง มีการลอบยิงกันไปยิงกันมา

    สุดท้ายเป็นหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะ ชลอ ต้องใช้ความเด็ดขาดเข้ามาควบคุมวงดนตรีลูกทุ่งที่ว่าให้รู้ว่า บ้านเมืองยังมีกฏหมายอยู่
                     

    แต่ที่แน่ๆ  แอ๊ด-วิชเลิศ กดไป 10 กว่าม้วน สมเจตนานายตำรวจรุ่นพี่ โดยเขาเอาฟิลม์ทั้งหมดฝากไว้กับ พี่ใหญ่ แม่บ้านตัวจริงชลอ
                   

    ในงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดชลอ นอกจากความสนุกสนานรื่นเริงแล้ว การข่าวหลายเรื่องยังวิ่งเข้ามาหาเขา เปรียบได้เหมือนมีแมลงวันบินมาบอกข่าว 
                   

    โดยเฉพาะเรื่องการตายของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง สุริยัน ส่องแสง เลือดเนื้อคนชัยนาท ศิษย์โปรดครูเพลง ชลธี ธารทอง เจ้าของเพลงฮิตติดปาก วันนี้สวยกว่าเมื่อวาน หล่อลากดิน สำรวยใจดี สำลีใจดำ
                   

    ชีวิตนักร้องหนุ่มคนดังผู้จากไปก่อนวัยอันควร เพราะกลางดึกวันที่ 28 มิถุนายน พุทธศักราช 2525 มีคนร้ายบุกเข้ามายิงนักร้องหนุ่มนาม สุริยัน ต่อหน้าเมียสาววัย 19ปี ขณะเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังเวที ที่สนามโรงเรียนบ้านจำป่าหวาน อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา
                   

    แม้จะมีหางเครื่องหนุ่มลูกน้องนักร้องชะตาขาด กระโดดเข้ามาช่วยปัดกระบอกปืนคนร้าย แต่ไม่สำเร็จ มือปืนพระกาฬ ตบหางเครื่องหนุ่มจนกระเด็น ก่อนเดินไปยิงซ้ำเหยื่ออีก 3 นัดซ้อนแล้วหลบหนีอย่างใจเย็น 
                   

    สุริยัน ถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดพะเยา แต่แพทย์ก็สุดที่จะยื้อชีวิตไว้
                 

     การตายของนักร้องชื่อดัง หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวมุ่งไปในประเด็นชู้สาว เพราะสุริยันจัดว่าเป็นนักร้องนักรักอีกคน

    แต่นายตำรวจหนุ่มมากบารมีได้ยินว่า สาเหตุจริงๆแล้วมาจากเรื่องของผู้มีอิทธิพลในวงการลูกทุ่งสั่งตาย สอดคล้องกับข่าวของ จ๋อง ตาเดียว นักเลงเมืองเพชรบุรี ที่เคยเล่าให้ฟัง การตายของนักร้องหนุ่มรูปหล่อคนนี้ มันเกิดจากอะไร และฝีมือใคร
                   

    ที่สำคัญคือ ถึงตอนนี้ ผ่านมาหลายเดือนแล้วยังจับกุมมือปืนดับสุริยันไม่ได้
                   

    เช่นเดียวกับการตายของนายสมทรง ทิมแตง น้องชาย พร พนาไพร หรือสมาน ทิมแตง อดีตนักร้องชื่อดังสมัย สุรพล สมบัติเจริญ ราชาลูกทุ่ง โดยน้องชายนักร้องรุ่นเดอะ ถูกคนร้ายบุกยิงเสียชีวิตคาสำนักงาน พร พนาไพร ธุรกิจ ในซอยบุปผาสวรรค์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ต้นเดือนที่ผ่านมานี้เอง
                 

     การตายของนายสมทรง ถือว่ามือปืนเลือดเย็นมาก เพราะถึงแม้เหยื่อสังหารจะยกมือไหว้ขอชีวิต แต่มือปืนโหดไม่สนใจ ตามไปยิงซ้ำนายสมทรงที่วิ่งไปแอบอยู่ใต้โต๊ะทำงานจนเสียชีวิต
                   

    การที่ชลอมีพรรคพวกจำนวนมากอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่ง ทำให้รับข้อมูลสำคัญของทั้ง 2 คดี โดยเฉพาะการยิงนายสมทรงน้องชาย พร พนาไพร
               

    จ๋องตาเดียว ที่คลุกอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่ง บอกชลอมาก่อนนี้ว่า เป้าสังหารจริงๆแล้ว น่าจะเป็นตัวพี่ชายมากกว่า เพราะทั้ง 2 คนพี่น้องสกุลทิมแตงนั้น หน้าตาละม้ายคล้ายกันมาก

                 

    “ จริงๆมันตั้งใจจะฆ่าผมครับนายลอ……”
                 

     พร พนาไพร ศิษย์รัก สุรพล สมบัติเจริญ พูดเหมือนกระซิบหลัง จ๋อง ตาเดียว ผู้กว้างขวางเมืองเพชร และคลุกอยู่กับวงดนตรีลูกทุ่งพามาพบ จังหวะที่เขาเดินเข้าไปปล่อยเบาในห้องน้ำ
                 

     “ผมน่ะอุตส่าห์ช่วยมัน ไปรับมันตอนออกจากคุก ตั้งใจจะตั้งวงให้กับมัน  นึกว่ามันจะกลับตัวเป็นคนดี  ก็ตั้งสำนักงานเปิดบริษัทเดินสายทำเพลงด้วยกันในซอยบุปผาสวรรค์ แต่กลับถูกมันหลอกเอาเงินผมไปเกือบ 2 แสน

    แถมยังเอาตึกของผมที่ซื้อไว้ไปจำนองกับธนาคาร หนำซ้ำ มันยังข่มขืนลูกเลี้ยงของผมอีก จุดนี้ทำให้ผมยอมไม่ได้ ผมเลยขอแยกตัวกับมันออกมาตั้งบริษัทเอง เป็นสาเหตุที่ทำให้มันโกรธมาก…..”

                   พี่ชายเหยื่อโหดเล่าเบื้องหลังการตายของน้องชายให้ชลอฟังอย่างรันทด
         

     “มึงอย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือไอ้นักร้องหน้าผี….”

    ชลอตั้งคำถามกลับ หลังได้รับข้อมูล
                                                                  
           
           

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments