เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ก.พ.66ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ห้วยขวาง ทั้งความผิดม.157 และม.149 กรณีตั้งด่านนักท่องเที่ยวดาราสาวไต้หวันแฉว่าถูกตำรวจเรียกรับเงินเพื่อไม่ถูกจับดำเนินคดีฐานครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าและนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ระบุว่ามีพยานยืนยันเป็นผู้ให้เงินตำรวจว่า
เมื่อเช้าโฆษกตร.ประสานมาว่าให้เตรียมพนักงานสอบสวนไว้ เพื่อความปลอดภัยของพยานเราต้องเดินทางไปสอบปากคำด้วยตนเอง ประเด็นที่ถามครอบคลุมทั้งหมด ขณะนี้ได้ประชุมคณะพนักงานสอบสวนจำนวน 5 นาย เตรียมประเด็นที่สอบปากคำให้ครอบคลุมเพื่อมัดตัวผู้ถูกกล่าวหา ตอนนี้ตำรวจสน.ห้วยขวางที่ตั้งด่านทั้ง 7 นาย แจ้งข้อหาเบื้องต้นม.157 ไปแล้ว หากสอบปากคำพยานได้เนื้อหาสาระก็แจ้งข้อหาเพิ่มเติม
พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวด้วยว่า พนักงานสอบสวนได้เตรียมรูปเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านที่บริเวณหน้าสถานทูตจีน และฝั่งตรงข้ามรวมทั้ง 14 นาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ห้วยขวาง ทั้งหมดทุกคน โดยจัดเตรียมทำบัญชีไว้หมดแล้วเพื่อให้พยานชี้ตัว
ถามว่า พยานให้การว่าเอาเงินให้ตำรวจต้องถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวว่า ประเด็นนี้พนักงานสอบสวนได้ประชุมหารือกันแล้วว่า ถ้าเป็นกรณีที่ผู้เสียหายถูกข่มขืนใจหรือขู่เข็ญจากเจ้าพนักงาน เราจะมองว่าเขาเป็นผู้เสียหายตามคดีอาญาเพราะฉะนั้นจะไม่ถูกแจ้งดำเนินคดีสอบปากคำไว้เป็นพยานอย่างเดียว
ถ้าสอบปากคำพยานแล้วกล่าวหาไปถึงไหนก็แจ้งดำเนินคดี เช่น กรรโชกทรัพย์ เรียกรับสินบน และข้อหาอื่นที่พบความผิด ต้องรอสอบปากคำพยานของนายชูวิทย์ก่อน ความผิดถึงใครดำเนินคดีทั้งหมดตามภาพที่ปรากฏ 6-7 คนที่เดินไปใกล้ชิดผู้เสียหายมาเป็นเวลานาน พนักงานสอบสวนประชุมกันแล้วว่า เกิดประเด็นเคลือบแคลงสงสัยว่าอาจจะรู้หรือไม่อย่างไรอาจต้องแจ้งเอาผิด
ส่วนการเดินทางไปสอบปากคำพยานนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันที่ประเทศไต้หวัน และพยานเพื่อนสาวชาวสิงคโปร์ที่ประเทศสิงคโปร์ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ขออนุมัติเดินทางไปสอบปากคำพนักงานสอบสวนเตรียมวีซ่าไว้เรียบร้อยโดยประสานกับกระทรวงต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว