Saturday, November 23, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวัน“รองโจ๊ก”แถลงจับแก๊งเว็บพนันอุ้มแอดมินไปทำร้ายร่างกาย-ปล้นทรัพย์

    “รองโจ๊ก”แถลงจับแก๊งเว็บพนันอุ้มแอดมินไปทำร้ายร่างกาย-ปล้นทรัพย์

    ขยายผลเจ้าหน้าที่ค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ส่งคนร้ายใช้ข่มขู่

    ค่ำวันที่ 11 ก.พ.2566 ที่ สน.โชคชัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงจับกุมแก๊งเว็บพนันอุ้มวิศวกรแอดมินเว็บไปรีดทรัพย์ ว่า กรณีเมื่อวันที่ 7 ก.พ.66 เพจสายไหมต้องรอดพร้อมด้วย นายเชิดเกียรติ   ผู้เสียหาย เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากเหตุถูกแก๊งเว็บพนันซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง อุ้มไป ทําร้ายร่างกายอ้างว่าถูกผู้เสียหายโกงเงินหลักแสนบาท รวมทั้งปล้นเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไปหลายรายการ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ม.ค.66 ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลได้นําเสนอไปแล้ว นั้น

    กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  สั่งการให้เร่งสืบสวนหาตัวกลุ่มผู้กระทําผิดมาดําเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและ สื่อมวลชนอย่างมาก เพราะมีการให้ข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ดังกล่าว และยังมีการก่อเหตุ อย่างอุกอาจ

    ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนร่วมกับ สน.โชคชัย  เป็นพื้นที่รับผิดชอบในคดี ดังกล่าว เร่งสืบสวนติดตามผู้ก่อเหตุในคดีดังกล่าว จึงสั่งการให้นําตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดําเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว

    จากการสืบสวนทราบว่า ผู้เสียหายทํางานเป็นแอดมินเว็บไซต์พนันออนไลน์มาแล้วประมาณ 5-6 ปี ทําหน้าที่ คอยดูแลลูกค้าและให้คําแนะนําเรื่องฝากถอนเงิน  มีกลุ่มของผู้ก่อเหตุเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์

    ก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อเหตุ ตั้งข้อสงสัยผู้เสียหายโกงเงินไป เนื่องจากยอดเงินไม่ตรง  ได้มีการนัดหมายเพื่อพูดคุยกัน  มีคนมารับผู้เสียหาย ไปเจอกลุ่มผู้ต้องหาที่ร้านกาแฟในเขต ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี

    มีกลุ่มผู้ต้องหารออยู่ประมาณ 4-5 คน ได้ซักถามผู้เสียหายเกี่ยวกับเงินที่หายไป แต่ผู้เสียหายปฏิเสธ จึงถูกกลุ่มผู้ต้องหาเตะต่อยหลายครั้ง และได้หยิบเอาโทรศัพท์มือถือและแท็ปเล็ตของผู้เสียหายไป พร้อมทั้งกดโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไป  25,000 บาท

    ระหว่างนั้นได้มีการแสดงข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของผู้เสียหายเพื่อข่มขู่ จากนั้นพาผู้เสียหายนั่งรถไปที่ห้องพักของ ผู้เสียหายในย่านลาดพร้าววังหิน แขวง/เขตลาดพร้าว กทม. โดยคนที่พาไปได้มีการเปิดให้เห็นว่ามีการพกอาวุธปืนมา ด้วย ทําให้ผู้เสียหายตกใจกลัวและยินยอมไปด้วยดี

    เมื่อถึงห้องพักพบว่าแฟนสาวของผู้เสียหายอยู่ด้วย กลุ่มผู้ต้องหาได้หยิบเอาทรัพย์สินเป็นรองเท้า และนาฬิกาเพิ่มไปอีก จากนั้นได้ขับรถกระบะหลบหนีไป ผู้เสียหายตัดสินใจร้องขอ ความช่วยเหลือ

    ต่อมาจากข้อมูลดังกล่าว ประกอบกับการรวบรวมพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย จึงได้ขออนุมัติศาล ออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหา  7 ราย ประกอบด้วย

    1. น.ส.พัชญ์วัญญ์   อายุ 39 ปี เป็นคนซักถามและเอาโทรศัพท์ผู้เสียหายไปโอนเงิน 2. นายมนตรี  อายุ 39 ปี เป็นคนซักถาม 3. นายชัยชนะ   อายุ 32 ปี เป็นคนลงมือทําร้ายร่างกายผู้เสียหาย (มอบตัว) 4. น.ส.รมิตา  อายุ 32 ปี เป็นคนช่วยเช็คข้อมูลบัญชีของผู้เสียหาย (มอบตัว)5. นายธเนศ  อายุ 34 ปี เป็นคนลงมือทําร้ายร่างกายผู้เสียหาย (มอบตัว)6. นายกฤษฎา   อายุ 32 ปี เป็นคนขับรถพาไปห้องผู้เสียหาย (มอบตัว) และ
    7. นายสุทัศน์  อายุ 25 ปี เป็นคนขับรถพาไปห้องผู้เสียหาย (มอบตัว)

    จะดําเนินคดีในความผิดฐาน “ปล้นทรัพย์, ร่วมกันทําร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทําการใด หรือจํายอมต่อสิ่งใด โดยทําให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น หรือโดยใช้กําลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทําการนั้น โดยมีอาวุธ, หน่วง เหนี่ยว กักขัง หรือกระทําด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,

    ทําให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือตกใจ โดย การขู่เข็ญ, กระทําด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม ให้ได้รับความเดือดร้อน, มีอาวุธปืนไว้ใน ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนญุ าต โดยไม่มีเหตุจําเป็นและเร่งด่วน” ล่าสุดผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวแล้วจํานวน 5 ราย เหลือติดตามจับกุม 2 ราย

    นอกจากนี้ ในส่วนของการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของผู้เสียหาย กลุ่มผู้ต้องหานํามาข่มขู่นั้น จาก การตรวจสอบพบว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ตํารวจให้ความช่วยเหลือในการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว อยู่ในระหว่างการสืบสวน ขยายผล หากพบว่าร่วมมือกับกลุ่มผู้กระทําความผิดจริง จะมีการดําเนินคดีถึงที่สุดต่อไป

    พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่านอกจากนี้ยังจะดําเนินคดี กับเจ้าหน้าที่รัฐที่ให้การสนับสนุนข้อมูลทะเบียนราษฎร์ให้กลุ่มผู้ต้องหานํามาใช้ข่มขู่ผู้เสียหาย หากพบมีความ เกี่ยวข้องจะดําเนินคดีจนถึงที่สุด และยังได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนทําการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสืบให้ถึงตัวเจ้าของ เว็บไซต์ หากพบผู้เกี่ยวข้อง แม้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริง ก็จะดําเนินคดีโดยเด็ดขาดไม่มียกเว้น

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments