รวบหนุ่มลำปาง ร่วมแก๊งตุ๋นลงทุนเปลี่ยนเงินดิจิตัลเป็นเงินบาท เหยื่อสูญไป11.3 ล้านบาท
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 6 เม.ย. 66 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน. PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 เปิดเผยว่า สั่งการ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.ฯ, พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส. บช.น., พ.ต.ท. ปกรณ์ ทองช่วง และ พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ รอง ผกก.สส.3ฯ พ.ต.ต.สัญญลักษ์ สังขะภักดี สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น.
นำกำลังจับกุมนายกษิดิศ อายุ 30 ปี ชาวลำปาง ตามหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลง 21 ก.ย.65 กล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าสู่ระบบคอม พิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอม พิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน’’ จับได้ที่หน้าโรงแรมไพรวาซี่ เรสซิเด้นท์ ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพ บุรี จ.ลพบุรี เมื่อค่ำวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า พฤติการณ์ของคดี ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.64 ผู้เสียหายพบโฆษณาทางเฟซบุ๊กสาธารณะ ชื่อบัญชี ICTF คลาวด์คอมพิวติ้งพลังการขุด เครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิตอลสามารถเปลี่ยนมาเป็นสกุลบาทได้ ระบุว่าถ้าสนใจจะลงทุน ให้ติดต่อไปทาง Line ID : daneil_177 โดยเดเนี่ยว
จากนั้นคนร้ายจะสร้างโปรไฟล์เป็นผู้ชายรูปร่างหล่อหน้าตาดี อ้างเป็นลูกครึ่งไทย-มาเลเซีย ผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าไปคุยและสมัครทำกิจกรรม ตามที่คนร้ายสอน ก่อนตัดสินใจลงทุนเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.64 และได้โอนเงินไปยังบัญชีของผู้ต้องหา ที่นำมาหลอกผู้เสียหาย 6 บัญชี จำนวน 15 ครั้ง เป็นเงินทั้งหมด 11,342,529 บาท
สอบสวนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างมีรุ่นพี่อยู่ จ.เชียงราย จ้างให้เปิดบัญชีเพื่อจะนำไปเล่นแชร์ แต่สุดท้ายมาทราบว่ารุ่นพี่คนนั้นโดนจับ และบอกว่าบัญชีที่เปิดให้นั้นเอาไปขายให้คนอื่นแล้ว กระทั่งมาถูกจับกุมในที่สุด จากนั้นนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จว.สุราษฎร์ธานี ดำเนินคดี
พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวว่า “วิธีที่ผู้ต้องหารายนี้ใช้หลอกลวงนั้นมีความน่ากลัว เพราะมีการสร้างภาพรูปร่างหน้าตาดี เป็นลูกครึ่งสร้างความน่าเชื่อถือหลอกเหยื่อให้ตายใจก่อน ด้วยวิธีการนี้ทำให้จำนวนเงินที่ผู้เสียหายตัดสินใจนำมาลงทุนนั้นจะมีจำนวนที่สูงกว่าการถูกหลอกลวงทั่วๆไป
ขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่า การร่วมลงทุนในโลกออนไลน์นั้นมีความเสี่ยง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมปราบปรามผู้กระทำผิดทางออนไลน์อยู่ตลอด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ฉะนั้นผู้ที่ยังทำหรือคิดจะทำขอเตือนว่า มันไม่คุ้มได้คุ้มเสีย เมื่อได้ลงมือก่อเหตุแล้วและมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วยังไงก็ต้องถูกจับกุม เพียงแต่จะช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง”