ตำรวจทางหลวงสกัดจับรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน แฉมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงสรรพสามิต โทรไกล่เกลี่ย “ผู้การเต่า” สั่งเร่งขยายผลเอาผิดเพิ่ม
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.66 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รรท.ผบก.ทล. สั่งการ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. พ.ต.ต.พุทธางกูร เรืองธรรม สว.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล. สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตประจวบคีรีขันธ์
จับกุม นายสมบัติ อายุ 47 ปี พร้อมของกลางรถบรรทุก ทะเบียน 70-3694 มหาสารคาม ส่วนพ่วงทะเบียน 70-2182 มหาสารคาม น้ำมันดีเซลเถื่อน 15,000 ลิตร จับได้ที่ บริเวณริมถนนเพชรเกษม ทล.4 กม.308 ขาเข้า ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์
สืบเนื่องจากตำรวจทางหลวงได้รับแจ้งเบาะเเสว่าจะมีการลักลอบขนน้ำมันเชื้อเพลิงเถื่อนจากภาคใต้เข้าสู่พื้นที่ กทม. เพื่อนำมาส่งต่อปั๊มน้ำมันต่างๆในพื้นที่ กทม. และเขตปริมณฑล โดยใช้รถบรรทุกกึ่งพ่วงเป็นยานพาหนะ จัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางต่างๆ
กระทั่งพบนายสมบัติ ขับรถบรรทุกกึ่งพ่วงลักษณะตรงตามที่สายลับแจ้ง ส่งสัญญาณให้หยุดรถก่อนเข้าตรวจสอบถังบรรจุน้ำมันท้ายรถ พบ น้ำมันดีเซล จำนวนมาก ไม่ตรงตามเอกสารที่ระบุไว้ในใบกำกับการขนส่งจริง รวมถึงไม่มีใบกำกับภาษีที่แน่ชัด ตรวจยึดไว้เป็นของกลางพร้อมกับนำตัว นายสมบัติมาดำเนินคดีในความผิดฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี” ก่อนนำตัวส่ง สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่ตำรวจทางหลวงกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตประจวบคีรีขันธ์ กำลังตรวจสอบน้ำมันดีเซลของกลางอยู่นั้น มีเจ้าหน้าที่สรรพสามิตระดับสูงรายหนึ่งโทรศัพท์มาหาเจ้าหน้าที่สรรพสามิตผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ร่วมในคณะจับกุม ขอให้ปล่อยรถบรรทุกคันดังกล่าวอ้างว่าเป็นของพรรคพวก
แต่เจ้าหน้าที่สรรพสามิตที่เป็นชุดจับกุมได้ตอบปฏิเสธกลับไป โดยให้เหตุผลว่าการจับกุมครั้งนี้เป็นการบูรณาการกำลังร่วมกับตำรวจทางหลวงจึงไม่สามารถทำได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำในลักษณะดังกล่าวจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องดังกล่าวเพิ่มเติมต่อไป