สอบสวนกลางแถลงผลปฏิบัติการ ”Shut down one billion Hybrid Scam” ทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ยัน กีกี้ แม็กซิม นางแบบสาวร่วมด้วย พร้อมขยายผลออกหมายจับเพิ่ม
วันที่ 31 ส.ค.66-ที่ ห้องประชุมชั้น 2 บก.ป. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต. วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. พร้อมด้วย ตัวแทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)
ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ ”Shut down one billion Hybrid Scam” ทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หลังนำเจ้าหน้าที่กว่า 270 นาย พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมานกองปราบ” กระจายกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 30 จุด ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร , สมุทรปราการ ,ชลบุรี และอุดรธานี
จากปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดได้ 9 คน น.ส.เบียน ฉี ( MISS BIAN QI ) อายุ 40 ปี ชาวจีน ทำหน้าที่กลุ่มบริหาร เปิดบริษัทในประเทศไทย เพื่อฟอกเงิน
น.ส.ไช่ ผิงเฝย ( MISS PENGFEI CAI ) อายุ 32 ปี ชาวจีน ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า และกระเป๋าวอลเล็ตม้า
น.ส.อัจฉรา อายุ 28 ปี ทำหน้าที่เป็นกลุ่มบริหาร รวบรวมบัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า, ขายเหรียญคริปโต และนำเงินสดไปส่งมอบให้หัวหน้าเครือข่าย
น.ส.จักรีณา หรือ กีกี้ แม็กซิม อายุ 28 ปี ทำหน้าที่ขายเหรียญคริปโต และนำเงินสดไปส่งมอบให้หัวหน้าเครือข่าย ทั้ง4 คนนี้ถือเป็นผู้ต้องหาระดับหัวแถวใกล้ชิดกับหัวหน้าแก๊งชาวจีน
นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ที่ทำหน้าที่ เปิดบัญชีม้า และกระเป๋าวอลเล็ตม้า ประกอบด้วย น.ส.ภัสรา อายุ 26 ปี นายณัฐฐินันท์ อายุ 30 ปี น.ส.สุภาวินี อายุ 32 ปี น.ส.สุมาลี อายุ 34 ปี และ น.ส.ศิริวรรณ อายุ 30 ปี
ผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง,นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน
จากการเปิดปฏิบัติการตรวจยึดของกลาง บ้านหรู 17 หลัง, รถยนต์หรู ลัมโบกีนี เบนท์ลี่ย์ เมอเซเดสเบนซ์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู และรถตู้อัลพาร์ท รวม 12 คัน,เงินสดกว่า 6 ล้านบาท, สร้อยคอทองคำกว่า 10 รายการ, นาฬิกาหรู,กระเป๋าแบรนด์เนม, คอมพิวเตอร์, โน๊ตบุ๊ก, โทรศัพท์มือถือ, สมุดบัญชีธนาคารหลายรายการ รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 1,000 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (ไฮบริดสแกม) ตั้งแต่ระดับหัวหน้าเครือข่ายที่มีหน้าที่ควบคุมสั่งการศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไปจนถึงคนควบคุมบัญชีม้า , คนรับจ้างเปิดบัญชีม้า และคนที่ดูแลเรื่องฟอกเงินตามหมายจับ 14 คน จับผู้ต้องหาได้ 9 คน เป็นชาวจีน 2 คน และคนไทย 7 คน ในจำนวนนี้มี น.ส.จักรีณา หรือ กี้กี้ แม็กซิม นางแบบสาวเซ็กซี่รวมอยู่ด้วย
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ส่วนที่มาของปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2565 มีผู้เสียหายถูกกลุ่มคนร้ายใช้ Facebook ปลอมเป็นหญิงสาวหน้าตาดีเข้ามาพูดคุยตีสนิท จนผู้เสียหายไว้เนื้อเชื่อใจ หลอกชักชวนให้ร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ผ่านเว็บไซต์ชื่อ CBOEX เป็นแอปพลิเคชั่นที่กลุ่มคนร้ายปลอมขึ้นมาทั้งหมด ทำให้มีลักษณะคล้ายกับแอปพลิเคชันดั้งเดิมที่ใช้ชื่อ CBOE ปัจจุบันได้ปิดไปแล้ว
คนร้ายจะแนะนำให้ผู้เสียหายสมัครเปิดบัญชีกับแพลตฟอร์มเทรดสกุลเงินดิจิทัลของไทยเพื่อสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัล ไปซื้อเหรียญดิจิทัลสกุลเงิน USDT ผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว จากนั้นคนร้ายได้หลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินเหรียญดิจิทัลเข้าไปยังกระเป๋าเหรียญดิจิทัลของคนร้าย มีการแจ้งยอดผลกำไรจากการลงทุนให้แก่ผู้เสียหาย ยิ่งทำให้หลงเชื่อโอนเงินไปลงทุนเพิ่มอีก รวมเป็นเงินความเสียหายกว่า 13 ล้านบาท
พล.ต.ต.อธิป กล่าวว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินและเส้นทางของเหรียญดิจิทัลของผู้เสียหายพบว่า มีการโอนจากกระเป๋าผู้เสียหายไปยังกระเป๋าเหรียญดิจิทัลส่วนตัวกว่า 20 กระเป๋า จากนั้นจะนำมาเข้าบริษัทนอมินีและบริษัทกฏหมาย ที่กลุ่มคนร้ายตั้งขึ้นเพื่อฟอกเงิน ที่ได้จากการกระทำผิด
โดยให้นอมินีคนไทย 3 คนถือหุ้น 51 เปอร์เซ็น คนจีนถือหุ้น 49 เปอร์เซ็น เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ก่อนจะเทขายเวินดิจิตอบเปลี่ยนเป็นเงินบาทไทย นำไปซื้อบ้านหรู รถหรู และทรัพย์สินมีค่าต่างๆ พบว่าในปี 2565 คนร้ายแก๊งนี้มีการขายเหรียญดิจิทัลที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนมีเงินหมุนเวียนกว่า 1000 ล้านบาท
“ส่วนรูปแบบการกระทำความผิดพบว่าทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ คือ ระดับหัวหน้าสั่งการ , กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ติดต่อพูดคุยหลอกลวงเหยื่อ , กลุ่มนายหน้าจัดหาบัญชีม้า และกระเป๋าเงินดิจิทัลม้า , กลุ่มรับจ้างเปิดบัญชีม้า และกระเป๋าเงินดิจิทัลม้า และกลุ่มที่ทำหน้าที่ฟอกเงิน โดยนำเงินไปซื้อทรัพย์สินมีค่า และอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ”
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายผลจับกุมคดีนี้ถือว่าเป็นคดีแรกๆ ที่สามารถขุดรากถอนโคนตั้งแต่ผู้เปิดบัญชีม้าไปจนถึงตัวการสั่งการระดับหัวหน้า สามารถอายัดทรัพย์สินได้จำนวนมาก จากการขยายผลตรวจสอบข้อมูลของบริษัทนอมินี และคนไทยที่เป็นนอมินี ที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้ายพบว่า มีการครอบครองบ้านหรู 17 หลัง , รถยนต์หรู 11 คัน , เงินสดกว่า 6 ล้านบาท , ทองรูปพรรณกว่า 10 รายการ , นาฬิกาหรู , กระเป๋าแบรนด์เนม , คอมพิวเตอร์ , โทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีธนาคารหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ได้ตรวจยึดส่งให้ ปปง. ตรวจสอบเพื่อยึดทรัพย์ต่อไป ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 5 คนที่ยังหลบหนี และจะขยายผลออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า ส่วนบริษัทกฏหมานที่อยู่มนเครือข่ายนี้ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใด ทั้งนี้ก่อนหน้าที่จะเริ่มสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีดังกล่าวนั้น ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีทำงานด้วยความรอบครอบ เก็บรวบรวมพยานหลักฐานให้มากที่สุด อีกทั้งทางตำรวจเองมีทางสำนักงานอัยการสูงสุด คอยให้คำปรึกษาแนะนำต่างๆ ส่วนบริษัทกฎหมายดังกล่าวจะมีความเกี่ยวข้องกับการร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานข้อเท็จจริง
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการสืบสวนแกะรอยคนร้ายแก๊งนี้ ต้องใช้เวลานานหลายเดือน เนื่องจากแก๊งคนร้ายนั้นใช้วิธีแยบยลในการหลอกลวงและกระจายเงิน เพราะมีการใช้ระบบเงินดิจิตอล ทำให้ยากต่อการตรวจสอบด้วยวิธีทั่วไป ทั้งนี้หลังได้ข้อมูลจากผู้เสียหายเจ้าหน้าที่กก.1.บก.ปอท. ต้องสืบสวนตามแกะรอยเงินดิจิตอลตามกระเป๋าเงินวอลเล็ทต่างๆทำให้ยากต่อการตรวจสอบแต่ละเส้นเงิน จนสุดท้ายสามารถขยายกลุ่มผู้ต้องหาและเส้นทางการเงินได้ทั้งขบวนการ