จู้กหู้กกู้มาแล้ว
กราบสวัสดีรอบวงกลม คิดถึงจังเลยครับ หายหน้าหายตาไปเกือบ 3 เดือน คือจู้กหู้กกูไปเปิดยูทูปดูตลกคุณโหน่งกับคุณเท่ง คุณโหน่งเขาบอกว่า ลองไม่ทำอะไรสัก 3 เดือนดูสิจะอดตายไหม ครับ อดตายจริงๆครับ (ฮา)
ชีวิตต้องเดินต่อไป The show must go on ไปลุยกันเลย…
การเล่นแบบ intensive play หรือการเล่นที่เข้มข้นในการครองบอลเพื่อกดเข้าหาคู่แข่งขันในพื้นที่สูง
เอริค เทน ฮาก ได้ เมสัน เมาน์ท เข้ามาเป็นจิ๊กซอว์พลังงานในแดนบน และกำลังปรับตัวเข้ากับแนวทางการเล่นของเอริค เทน ฮาก ได้มากขึ้นจริงๆ
ส่วน โซฟียาน อัมราบัต ก็เข้ามาต่อภาพความกระชับแน่นในแดนกลางได้ชัดเจน แถมมีฟังค์ชั่นเสริมคืออรรถประโยชน์การเล่นที่หลากหลาย นอกจากตำแหน่งธรรมชาติที่ชอบเล่นคือมิดฟิลด์ เจ้าตัวยังเล่นในบทบาทของฟูลแบ็คซ้ายได้ และหุบเข้ามาเล่นเซนเตอร์ได้ด้วย
อังเดร โอนาน่า เองก็ชัดเจนว่าพร้อมเสมอที่จะเล่นในแนวทางก้าวหน้า กับจุดเด่นของเขาคือการเป็น modern goalkeeper ที่ออกบอลด้วยเท้าได้ดีจากพื้นที่แดนหลัง
แต่กลายเป็นว่าสถานการณ์เวลานี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย
เพราะ ‘จิ๊กซอว์’ ตัวเดิมบางส่วนไม่เปิดใจที่จะรับแนวทางการเล่นที่เป็นนโยบายหลักมากสักเท่าไหร่ พูดง่ายๆว่ายังคงเล่นฟุตบอลแบบ ‘ตามอำเภอใจ’ ตัวเองอย่างไรก็อย่างนั้น
บอลของ เอริค เทน ฮาก (จริงๆต้องพูดว่าระบบฟุตบอลของยุคปัจจุบันโดยรวมมากกว่า) มันมีกุญแจสำคัญอยู่นะครับ
กุญแจสำคัญที่ว่าก็คือความฉับไว ในความหมายของความฉับไวคือคิด ตัดสินใจในการเล่นฉับไว ไม่เชื่องช้า ไม่เนิบนาบ
ถ้าจำกันได้ ตอนปรีซีซั่น เอริค เทน ฮาก เคยพูดเอาไว้เองเลยว่าเขามีความตั้งใจอยากทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เล่นจังหวะ transition play ได้อันตรายที่สุดในโลก
แต่หัวใจสำคัญมากๆของการจะบรรลุเคล็ดวิชา transition play ที่มีคุณภาพสูงสุด อย่างแรกที่คุณต้องมีก่อนเลยคือ ‘ความฉับไว’ ในการเล่นแต่ละเพลย์ให้รวดเร็วที่สุด
และการที่คุณอยากเล่น transition play ให้เร็วและออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด มันจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยถ้าในทีมของคุณมีผู้เล่นตัวหน่วงจังหวะเกมของทีมให้ช้าลงโดยไม่จำเป็น
…..
มาร์คัส แรชฟอร์ด
ทีมไหนก็ตามมี มาร์คัส แรชฟอร์ด ในร่างที่ชอบหน่วงจังหวะการเล่นทั้งของตัวเองและของทีมแบบนี้นะครับ บอกเลยว่าคู่ต่อสู้รับมือง่ายสุดๆ
เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าบอล ขอเพียงรักษา การยืนตำแหน่งให้แม่นยำ ผู้เล่นแบบ มาร์คัส แรชฟอร์ด มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว และนอกจากตัวมันเองทำอะไรไม่ได้ เพื่อนร่วมทีมมันก็ทำอะไรได้ยากขึ้นตามไปด้วย ฮา
ลองหลับตานึกภาพนะครับ จะเป็นทีมที่ transition play ได้อันตรายที่สุดในโลกได้ยังไง ในเมื่อจังหวะที่ต้องโต้กลับเร็ว เพื่อใช้ประโยชน์จากการที่ผู้เล่นคู่แข่งลงไปตั้งรับไม่ทัน
แต่กลับมีผู้เล่นที่ชะลอจังหวะบอลทุกครั้งเวลาบอลไปถึงเท้า จนผู้เล่นคู่แข่งทยอยกันลงไปประจำการในตำแหน่งกันหมดแล้ว ?
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ แรชฟอร์ด มักครองบอลในจังหวะที่ควรปล่อยบอลเพื่อให้การต่อเกมมีความไหลลื่นแต่มาร์คัส ปล่อยบอลจังหวะจวนตัว
มันก็ชัดอยู่แล้วว่าขนาดคนปล่อยบอลมันยังจวนตัวกว่าจะปล่อยบอลมาได้ บอลที่ถูกปล่อยมาก็คือ ‘บอลแก้’ ที่คนรับไปเล่นต่อก็ต้องเจอกับปัญหาในการแก้จังหวะเล่นในลำดับต่อไปอีก บอกเลยครับ เหนื่อย!!!
คงต้องรอดูผลงานบอลยุโรปว่า เทนฮาก จะผ่านได้ไหม ?
เป็นคำถามสัปดาห์นี้ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้านะครับ
