”รรท.ผบ.ตร.“สั่งทุกหน่วยลุยปราบแหล่งอบายมุข ชม ผบช.ภ.4 ขนานรับนโยบายจัดทีมตะลุยตรวจเจอฝ่าฝืนรวบหมด ลั่น ใช้ไม้แข็งใครดื้อลองของ เจอดีสั่งเด้งเก็บกรุหมด แต่งตั้งครั้งหน้าหมายหัวไว้ประกอบพิจารณาดองเค็ม
วันที่ 30 มีนาคม 2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)มีรายงานว่า กรณีที่ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้สั่งการให้ตำรวจภาค 4 ตรวจสอบสถานบริการ และแหล่งอบายมุข ต่างๆในพื้นที่ 12 จังหวัดภาคอีสานตอนบน โดยนำกำลังตำรวจประกอบด้วย ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์, ขอนแก่น, นครพนม, บึงกาฬ, มหาสารคาม, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี และตำรวจจาก บก.สส.ภ.4 ทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมทั้งฝ่ายปกครอง เข้าร่วมปฏิบัติการด้วย
เน้นตรวจสอบจับกุมสถานบริการที่ผิดกฎหมาย ยาเสพติด เด็กและเยาวชนที่เข้ามาเที่ยวสถานบริการ อาวุธปืน และแหล่งอบายมุข รวมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการประมาณ 1,000 นาย ร่วมกันตรวจสถานบริการในพื้นที่รับผิดชอบ ตั้งแต่กลางดึก ของคืนวันที่ 29 มี.ค.67 ถึงเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 30 มี.ค.67
ผลการปฏิบัติ ได้ทำการตรวจสอบใบอนุญาตสถานบริการ 32 แห่ง พบว่ามีใบอนุญาต ตรวจสอบสารเสพติดผู้มาใช้บริการกว่า 1,000 คน ตรวจสอบอายุนักเที่ยวในสถานบริการกว่า 2,700 คน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจตราดูแลความปลอดภัยประชาชนที่ไปเที่ยว และประชาสัมพันธ์ กำชับผู้ประกอบการทุกแห่ง มิให้จัดให้มีการมั่วสุม จำหน่ายหรือมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ระมัดระวัง มิให้มีการพกพาอาวุธ โดยเฉพาะอาวุธปืน มีด หรือสิ่งที่จะเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น เข้าไปในสถานบริการ, มิให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการและปิดสถานบริการตามเวลาที่กฎหมายกำหนด นั้น
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.)กล่าวว่า ได้มีคำสั่งการให้กองปราบ ลงทุกพื้นที่ เข้มงวดกวดขันเรื่องบ่อนการพนันอย่างเข้มข้นและจริงจัง ซึ่ง ผบช.ภ.4 และ ผบก.ภ จว.ขอนแก่นได้ขานรับนโยบายของตนออกคำสั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ ผกก. สภ.บ้านไผ่ มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ภ.จว.ขอนแก่นหากพบว่าบุคคลมีส่วนรู้เห็นหรือรับผลประโยชน์ก็จะดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาดต่อไป
โดยตนได้กำหนดเงื่อนไขและเตือน ผบช , ผบก และ สน / สภ ไปแล้ว ให้ไปกวาดบ้านตัวเองให้เรียบร้อย แต่ในขณะเดียวกัน ตนก็ใช้ หน่วย CIB เป็นส่วนสนับสนุนในการตรวจสอบด้วย ซึ่งในการปฏิบัติ หากพื้นที่ใดไม่สนองรับนโยบายอันเข้มข้น นอกจากมาตรการ การดำเนินการการปกครอง และการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็จะต้องพิจารณาปรับย้ายในวาระการแต่งตั้งนี้ต่อไป