รวบ “ทนายดัง” ข่มขืนลูกความ เหยื่อตรอมใจกระโดดยอดเรือหลวงจักรีนฤเบศร์หวังปลิดชีพ
หญิงสาววัย 26 ปี สลัดความวุ่นวายก่อนตัดสินใจกระโดดจากดาดฟ้าเรือหลวงจักรีนฤเบศร์ หวังจบชีวิตลง เป็นชนวนเปิดโปงคดีอื้อฉาวของ “ทนายดัง” อดีตผู้สมัคร ส.ส.ในเขตจังหวัดหนึ่งในภาคใต้
เรื่องเลวร้ายถูกถ่ายทอดพร้อมกับน้ำตาของเธอกว่า 2 ชั่วโมง ให้กับชุดสืบนครบาลฟัง มันเริ่มปลายปี พ.ศ. 2565 ขณะนั้นผู้เสียหายพบกับมรสุมชีวิตเพราะต้องทวงเงินคืนจากเพื่อน จำนวน 100,000 บาท จนพบทนายดังกล่าว
ต่อมาผู้ต้องหาได้ออกอุบายเธอมาร่วมงานประชุมของพรรคที่ ย่านดอนเมือง ให้ผู้เสียหายขนของเก็บบนห้อง จนสามารถลงมือล่วงละเมิดทางเพศ หลังเกิดเหตุ ตามกดดันเหยื่อให้กลับมาบำเรอซ้ำ บังคับว่าจะบอกสามีเหยื่อทราบและจะไม่ทำคดีต่อ
เหยื่อตัดสินใจเข้าแจ้งความ แต่ก็ถูกทนายดัง “ฟ้องกลับ” ในข้อหา กรรโชกทรัพย์ และ แจ้งความเท็จ ใช้กฎหมายรังแกผู้หญิงจนกระทั่งเธอแทบจะเป็นโรคซึมเศร้า ต้องออกจากงานราชการ แล้วท้ายสุดเธอก็ตัดสินใจกระโดดจากยอดเรือหลวงจักรีนฤเบศร์เพื่อฆ่าตัวตาย
ชมคลิปวินาทีจับ https://youtu.be/8oM1UbtStzQ?si=iJ3KP_Nj_5jnGdrh
วันที่ 19 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น. พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.สส บก.น.5
พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้วสว.ฝอ.บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว. กก.4 บก .สส.บช.น. ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.สส.2 ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ บก.สส.บช.น. ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อ้นชูฤทธิ์ รอง สว.สอบสวน สน.ดินแดง ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.
ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายทนายอาร์ม อายุ 34 ปี ชาว จ.สงขลา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2055/2567 ลงวันที่ 3 พ.ค. 67 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้น อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้”
พบประวัติการถูกดำเนินคดี 2 คดีปี 2566 ถูกดำเนินคดีข้อหา “บุกรุก” พื้นที่ สภ.ทุ่งลุง จ.สงขลาปี 2566 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้น อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” พื้นที่ สน.ดอนเมือง (คดีนี้)จับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ xx ม.1 ถนนเทศบาล 38 ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
พฤติการณ์กล่าวคือ ณ ดาดฟ้าเรือหลวงจักรีนฤเบศร์จอดเทียบท่าเรือจุกเสม็ดในฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ท่ามกลางนักท่องเที่ยวมาขึ้นมาเยี่ยมชมหญิงสาววัย 26 ปี ตัดสินใจกระโดดลงมาจากดาดฟ้าเรือหวังจบชีวิต
หากแต่เธอยังไม่ถึงคราวดับ เพราะสัญชาตญาณทหารของ “พ.จ.อ.ดาวลอย นาธงไชย และ พลทหารกูฮัท ซัน สมัย” ที่เห็นเหตุการณ์แล้วกระโดดช่วยเหลือเธอในน้ำทัน เหตุการณ์นี้เป็นข่าวตามสื่อโซเชียลเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 66 .“เธอผ่านอะไรมา” คำถามที่กลายเป็นชนวนเหตุสู่การเปิดโปงคดีโดยเรื่องเลวร้ายถูกถ่ายทอดไปพร้อมๆกับน้ำตาที่นองใบหน้าเธอกว่า 2 ชั่วโมง ให้กับชุดสืบนครบาลฟังถึงเรื่องราวทั้งหมด
เริ่มต้นปลายปี พ.ศ. 2565 ขณะนั้นหญิงผู้เสียหายเธอต้องพบกับมรสุมชีวิตเพราะไม่สามารถตามทวงเงินคืนจากเพื่อนได้ เป็นเงินกว่า 100,000 บาท เธอมองหาทนายเพื่อให้ดำเนินคดีความทางแพ่งให้ ต่อมาเธอพบกับทนายดังรายนี้ที่ตกลงรับทำคดีให้กับเธอ คดีความดำเนินไปถึงขั้นบังคับคดี ผู้ต้องหาได้เข้าสู่เส้นทางการเมือง ด้วยการลงสมัคร ส.ส.ในเขตจังหวัดสงขลา ในนามของพรรคการเมืองชื่อดัง
ทนายดังใช้โอกาสล่อลวงเธอให้มาร่วมงานประชุมและกินเลี้ยงของพรรคที่กรุงเทพฯ เพื่อจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องคดีความกับเธอ เธอจึงขับรถมาถึงย่านดอนเมือง เมื่อเธอมาถึงโรงแรมกลับเป็นโรงแรมเล็กๆไม่มีห้องประชุมใดๆ แต่ทนายดังออกอุบายให้เธอขนของขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนแล้วจะเดินทางไปคุยงานด้วยกันที่อื่น
เธอเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เมื่อเธอเดินเข้าไปภายในห้องพักเพื่อเก็บของ ทนายดังก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอถูกผลักและจับเธอบีบคอกดลงกับเตียงทันที ก่อนจะลงมือข่มขืนเธอผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบเมื่อเธอได้สติตื่นมาก็พบว่าทนายดังยังนอนเธอพยายามคว้ากระเป๋าเธอได้ทำของหล่นพื้นทำให้ผู้ต้องหาสะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็น วิ่งมาฉุดกระชากลากแขนเธอทุ่มลงกับเตียงอีกครั้ง
“หนีไปบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อหรอก เดินเข้ามาในห้องเองแบบนี้คือการสมยอม”
เสียงสุดโรคจิตของมันตะคอกใส่เธอ ก่อนจะลงมือข่มขืนจนเธอสลบไปอีกครั้ง
หลังเหตุการณ์เลวร้ายในคืนนั้นทนายดังรายนี้ คอยโทรศัพท์มาหาเธอด้วยวาจาท่าทีเสมือนเช็คชัวร์ว่าเธอจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังพร้อมทั้งคอยส่งข้อความข่มขู่เธอสารพัด โดยที่เลวร้ายที่สุดเห็นจะเป็นการใช้วาทะบีบคั้นเรื่องการทำคดีแพ่งต่อให้เธอ กดดันให้เธอกลับไปหาอีก
เธอจนตรอกและต้องจมอยู่กับความอึดอัดคับแค้นใจนี้กว่าหลายวัน ก่อนกัดฟันเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง แจ้งความทนายดังในข้อหา “ข่มขืนฯ” แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็เริ่มบานปลาย เพราะทนายดังพยายามส่งข้อความมาหาเธอทำทีว่าจะรับผิดชอบ ให้เธอพิมพ์ผ่านแชทไลน์อยู่ 4-5 ครั้ง
จนกระทั่งเธอหลงกล ทนายดังแค็ปหน้าจอก่อนจะใช้เป็นหลักฐานไปแจ้งความกลับเธอในข้อหา “กรรโชกทรัพย์” พร้อมทั้งส่งข้อความข่มขู่เธอด้วยถ้อยคำรุนแรง “กูจะทำให้ดู นรกเป็นยังไง”, “มึงอีห่า กูจะใช้กฎหมายกับมึง กูจะใช้ทุกอย่างให้มึงติดคุก”
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้รับจดหมายอีกหนึ่งฉบับ ซึ่งเปิดออกมา พบว่าเป็นหมายศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง พร้อมทั้งแนบคำฟ้องจากการที่เธอถูกทนายดังฟ้องเธอต่อศาลในข้อหา “แจ้งความเท็จ” พ่วงมาด้วยการเรียกร้องเงินจากเธอถึง 300,000 บาท
ทั้งกลัวทั้งสิ้นหวัง เธออ่านคำฟ้องด้วยน้ำตานองใบหน้า เธอเป็นประชาชนคนธรรมดาที่ต้องงัดข้อกับทนายผู้มีความรู้กฎหมาย เธอเล่าว่าตอนนั้นมันอับจนหาทางแล้ว เธอด่ำดิ่งจนเกือบจะเป็นบ้า มันเกินกว่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะรับไหวแล้ว
ตัดสินใจไปเลือกจบชีวิตด้วยการกระโดดจากเรือหลวงจักรีนฤเบศร์ เพราะหวังว่าน้ำทะเลจะช่วยทำให้วิญญาณของตนเย็นลงจากไฟแค้นนี้ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้คือเรื่องราวจากปากของหญิงผู้เสียหาย
ล่าสุดได้มีการออกหมายจับ ทนายรายนี้ และเรื่องนี้ถึงหูของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ไล่ล่าติดตามจับกุมทันทีกระทั่งวันที่ 19 พ.ค. 67 ชุดสืบนครบาลก็สามารถไปจับกุมตัวทนายดังรายนี้ได้ที่ จ.สงขลา
ในชั้นจับกุม นายทนายอาร์มฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ให้การว่า “มันเป็นการสมยอมของทั้งสองฝ่าย คดีนี้ผมชนะอยู่แล้ว ถ้าผมแพ้ผมก็คงเลิกเป็นทนายความ แล้วตอนนี้ได้ฟ้องกลับฝ่ายหญิงแล้ว ข้อหา กรรโชกทรัพย์ และแจ้งความเท็จ และก็ได้ร้องไปที่ ปปช. ด้วยถึงการทำงานของพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง
ยืนยันว่าที่ฟ้องกลับเหล่านี้ไม่ได้เป็นการแก้เกี้ยว ส่วนเรื่องที่ฝ่ายหญิงไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายตนเองไม่ทราบ และไม่ได้เห็นใจอะไร ขออย่าไปเข้าข้างฝ่ายหญิง ให้ดูข้อเท็จจริงด้วย คนสองคนเดินเข้าห้องไปด้วยกันมันสมยอมอยู่แล้ว”หลังจับกุมตัวนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.ดอนเมือง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “คดีนี้พยานหลักฐานชั้นพนักงานสอบสวนเพียงพอ ให้ศาลอนุมัติการออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ แล้วการที่ผู้หญิงคนหนึ่งเลือกจบชีวิตตัวเองเช่นนี้บ่งบอกได้ถึงการถูกกดดัน ข่มเหงรังแกอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนเราอยู่ภายใต้กฏหมายเดียวกัน กฎหมายมีไว้เพื่อปกป้องมิใช่เอาไว้รังแกคน
หลังจากนี้จะมีการขยายผลโดยละเอียด ซึ่งทราบมาล่าสุดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนในพื้นที่ จ.สงขลา แจ้งว่าได้ถูกผู้ต้องหาที่เป็นทนายรายนี้ร้องเรียนและแจ้งความอีกเป็นจำนวนหลายนาย จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากผู้ใดมีเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ สืบนครบาล“