ผบ.ตร.สั่งการ ผบช.น.ลงพื้นที่ควบคุมเหตุชายคลั่งมีอาวุธปืนอยู่ในบ้านพักย่านพระราม 2 แสดงความเสียใจต่อครอบครัว รอง ผกก.ป.สน. ท่าข้าม ที่เข้าระงับเหตุ ถูกยิงเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ล้อมยันเช้าเสียงปืนเป็นระยะ ถึงพบศพชายคลั่งคาดทำร้ายตัวเอง
วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 เวลา 21.45 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่ามีชายอายุประมาณ 50 ปี มีอาการคลุ้มคลั่งและมีอาวุธปืนอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน DK ซ.2 ย่านพระราม 2 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและรีบเข้าไประงับเหตุ นำโดย พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลท่าข้าม (รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม)
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ฯ ได้นำกำลังเข้าไปตรวจสอบภายในบ้านพักหลังดังกล่าว พร้อมกับด.ต.ไชยวัฒน์ อัตโสภณวัฒนา ผบ.หมู่ป.สน.ท่าข้าม แต่ระหว่างเข้าไประงับเหตุ ได้ถูกชายคลุ้มคลั่งยิงเข้าใส่ทำให้บาดเจ็บทั้ง 2 นาย เจ้าหน้าที่รีบนำส่งโรงพยาบาลมะลิ ซึ่ง พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ฯ อาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.สั่งการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. นำชุดอรินทราช 26 ลงพื้นที่ดูแลควบคุมเหตุการณ์โดยด่วน และกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ให้ใช้หลักยุทธวิธีในการเข้าระงับเหตุ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชน
จากกรณีดังกล่าว ผบ.ตร.ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ พร้อมสั่งการผู้บังคับบัญชาให้ดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้กับครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ฯ อย่างเต็มที่
ต่อมาเวลา02.00น. วันที่21 ก.ค.67 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เปิดเผยว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นผู้ก่อเหตุที่อยู่บริเวณชั้นลอยของบ้านยังไม่มีท่าทีสงบ และใช้ปืนยิงสวนตำรวจเป็นระยะ แต่ตำรวจที่คุมสถานการณ์อยู่โดยรอบบ้านไม่ได้ยิงตอบโต้ เพราะเกรงประชาชนละแวกข้างเคียงจะถูกลูกหลง เบื้องต้น ขอประเมินสถานการณ์เป็นระยะ จากยุทธวิธีเบาไปหาหนัก และปฏิบัติการอย่างรอบคอบที่สุด
ส่วนการเยียวยา ครอบครัว พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ยืนยัน จะดูแลเต็มที่จากข้อมูลที่มีทราบว่า ผู้ก่อเหตุชอบสะสมปืน และเคยฝึกฝนยิงปืน โดยปืนทั้งหมด เป็นปืนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเรื่องผู้ก่อเหตุ มีอาการป่วยทางจิต หรือไม่ ขอตรวจสอบก่อน
สำหรับพ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ เกิดวันที่ 16 เม.ย. 2508 ปัจจุบันอายุ 59 ปี เป็นตำรวจระดับรองสารวัตรเมื่อปี 2537 เป็นตำรวจระดับสารวัตรปี 2551 และเป็น รอง ผกก. ตั้งแต่ปี 2558
ปี 2560 ดำรงตำแหน่งเป็น รอง ผกก.สส. สภ.โคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี และเข้ารับตำแหน่งใหม่เป็น รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.รามัน จังหวัดยะลา
ปี 2563 ยศ พ.ต.ท. เป็นรองผกก.ป.สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ปี 2565 – 2566 ยศ พ.ต.ท. รองผกก.ป. สน.บางมด กทม.นอกจากนี้ ยังมีภรรยาและลูกชายเป็นตำรวจด้วย
กระทั่งเวลา 06.00 น. รับแจ้งจาก จนท.ปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด/อรินทราช ยืนยัน ผู้ก่อเหตุเสียชีวิต
พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบอาวุธปืนยังไม่ทราบขนาดอยู่ข้างร่างผู้ก่อเหตุ 1 กระบอก ส่วนเวลาที่เสียชีวิต รวมทั้งสาเหตุการเสียชีวิตยังต้องรอผลตรวจจากนิติเวช ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐาน ทั้งนี้ยืนยันว่าการปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามยุทธวิธี
ก่อนหน้านี้ เวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงขอความร่วมมือกับประชาชนบริเวณข้างเคียงจุดที่เกิดเหตุ ไม่ให้ออกมาภายนอกเคหสถาน ในขณะที่การเจรจาเกลี้ยกล่อมได้ยุติลง เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีท่าทีจะยอมมอบตัว โดยสถานการณ์เป็นไปด้วยความตึงเครียด โดยคนร้ายได้ยิงปืนออกมา 1 นัดตอนเวลา 04.40 น.
จากนั้นเวลา 05.20 น. เจ้าหน้าที่เริ่มเปิดฉากยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปในบ้านเกิดเหตุ 2 นัด เวลา 05.27 น. ยิงแก๊สน้ำตาอีก 3 นัด เวลา 05.28 น. เสียงปืนดังขึ้น 4 นัด เวลา 05.29 น. เจ้าหน้าที่ยิงอีก 4 นัด เวลา 05.35 น. เสียงปืนเจ้าหน้าที่ดังขึ้นอีก 2 นัด เวลา 05.38 เสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ระเบิดเสียง 1 ครั้ง เวลา 05.40 น. เสียงปืนดังอีก 2 นัด เวลา 05.45 น. เสียงปืนดังขึ้นอีก 3 นัด
เวลา 05.49 น. เสียงปืนดังขึ้นอีก 3 นัด
กระทั่งเวลา 05.51 น. เจ้าหน้าที่เรียกรถกู้ชีพเข้ามาประจำจุดเตรียมรอรับคนเจ็บส่ง รพ. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนำ “แนวกั้นของตำรวจห้ามผ่าน” มาขึงบริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุเพื่อการสถานที่ไว้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์
แต่หลังจากนั้นได้ประสานให้ทางรถกู้ภัยออกจากจุดเกิดเหตุ โดยมีรายงานเบื้องต้นว่า พบศพผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณใต้บันไดชั้นลอย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจสอบผู้เสียชีวิตต่อไป
เจ้าหน้าที่ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่าให้ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ