Sunday, November 24, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวันปอท.ตามจับอีก1แก๊งคอลเซนเตอร์ปลอมเว็บไซต์สอบสวนกลาง

    ปอท.ตามจับอีก1แก๊งคอลเซนเตอร์ปลอมเว็บไซต์สอบสวนกลาง

    ปอท.รวบเพิ่มอีกหนึ่ง แอดมินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมเว็บไซต์รับแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง ตุ๋นเงินเหยื่อ เค้นสอบยังปากแข็ง เล่าเป็นตุเป็นตะ อ้างถูกบังคับให้ทำ

    วันที่ 2 ส.ค.67 พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. สั่งการ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท.จับกุม นายพงษ์ศิริ อายุ 36 ปี ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันทุจริต หรือ หลอกลวง โดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , สมคบฟอกเงิน และ ร่วมกันฟอกเงิน จับได้ที่บก.ปอท.กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

    สืบเนื่องจาก เมื่อกลางปี 2566 ได้ตรวจสอบพบ เว็บไซต์แจ้งความออนไลน์ปลอม โดยเลียนแบบเว็บไซต์ แอบอ้างชื่อและใช้ตราสัญญลักษณ์ตำรวจสอบสวนกลาง รวมถึงหน่วยงานอื่นๆในสังกัด

    นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวได้ใช้วิธียิงแอดโฆษณาผ่านเว็บไซต์สืบค้นข้อมูล (Google Ads) เมื่อมีประชาชนค้นหาคำว่า “แจ้งความออนไลน์” เว็บไซต์ปลอมจะแสดงขึ้นมาเป็นลำดับแรกๆทำให้มีผู้หลงเชื่อเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเว็บไซต์จริงจำนวนมาก เมื่อมีผู้หลงเชื่อ มิจฉาชีพกลุ่มนี้ จะทำทีสวมรอยเป็นแอดมิน พูดคุยสอบถามข้อมูลเบื้องต้น จากนั้นจะให้ผู้เสียหายติดต่อพูดคุยกับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นทนายความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยจะให้คำปรึกษา ชี้แนะ ให้ผู้เสียหายส่งหลักฐานเรื่องที่ต้องการแจ้งความไปให้

    จากนั้นทนายความปลอมจะส่งเรื่องต่อไปยังฝ่ายไอที อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งกับผู้เสียหายว่าเงินที่ผู้เสียหายถูกโกงไป ได้ถูกนำไปฟอกในแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์ต่างประเทศ ก่อนอ้างว่า สามารถนำเงินมาคืนผู้เสียหายได้ โดยใช้วิธีการแฮ็ก เว็บการพนันดังกล่าว เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินให้ แล้วเชิดเงินทั้งหมดหนีไป ที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อมากกว่า 1,000 ราย สูญเงินรวมกว่า 8 ล้านบาท

    หลังทราบเรื่องตำรวจสอบสวนกลางได้เร่งจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสมิจฉาชีพกลุ่มนี้จนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการนำกำลังเข้าตรวจค้น 8 จุด ในพื้นที่ กทม., นนทุบรี, สมุทรสาคร, เชียงราย และสุราษฎร์ธานี จับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย พร้อมทั้งตรวจยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา

    ทั้งนี้แม้จะมีการจับผู้กระทำผิดได้4 รายแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงสืบสวนขยายผลต่อเนื่องเพื่อล้างบางมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าวให้หมดไป

    ต่อมาได้สืบทราบว่า นายพงษ์ศิริ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า รวมถึงเป็นแอดมินพูดคุยหลอกลวงผู้เสียหายอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ได้เดินกลับเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางช่องทางธรรมชาติ ก่อนหลบไปอยู่ที่บ้านญาติ ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จึงจัดกำลังลงพื้นที่กดดันอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง ผู้ต้องหาทนแรงกดดันไม่ไหวตัดสินใจเข้ามามอบตัว จึงนำกำลังดักจับกุมตัวได้ดังกล่าว

    สอบสวน นายพงษ์ศิริ ให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงเงินเหยื่อ แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ได้หางานทำในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ต่อมาได้พบข้อความประกาศชักชวนทำงานผ่านเฟซบุ๊ก จึงเกิดความสนใจ ทักแชทไปพูดคุยและตกลงจะไปทำงาน โดยนัดหมายว่าจะมีคนมารับบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

    แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับพบถูกชายชาวกัมพูชา นำตัวไปกักขังแล้วบังคับให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำไปใช้รับโอนเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงเหยื่อ รวมถึงบังคับให้ทำงานเป็นแอดมินชักชวนผู้คนมาร่วมลงทุนธุรกิจต่างๆเพื่อหลอกลวงเงินจากเหยื่อ โดยจะได้ค่าจ้างเดือนละ 18,000 บาท แต่ทำงานได้เพียงแค่ 2 เดือนก็ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวขายต่อให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มอื่นๆก่อนจะถูกปล่อยลอยแพ จากนั้นจึงไปสมัครขอทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกกลุ่มหนึ่ง กระทั่งต่อมาเกิดป่วยหนัก  ตัดสินใจเดินทางกลับไทย ก่อนจะถูกจับกุมดังกล่าว ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments