สืบนครบาล รวบ “เพ็ชร คูคต” บัญชีม้าให้มิจฉาชีพแฝงตัวเข้าไลน์กลุ่มหมู่บ้านย่านคูคต หลอกขายน้ำมันพืช สินค้าอื่นๆ
วันที่ 18 กันยายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.
สั่งการพ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ,ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.จับกุมนายเจษฎา อายุ 24 ปี ชาว ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.966/2567 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2567
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง และโดยทุจริต หรือโดนหลวงลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” จับกุมตัวได้ที่หน้าบ้านหมู่ 3 หมู่บ้านพรจิราเงิน ถ.ลำลูกกาคลอง 3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
ก่อนนี้ เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม 2566 ผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์พนักงานสอบสวน สน.คันนา ยาว ว่าถูกคนร้ายอ้างตัวใช้ชื่อบัญชีแอปพลิเคชั่นไลน์ชื่อ “ ศิริพร คำสน ”ประกาศและหลอกให้ผู้เสียหายสั่งซื้อน้ำมันพืชในไลน์กลุ่มของหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านคู้บอน
ผู้เสียหายสนใจจึงได้สั่งซื้อไปในบริมาณที่มากพอสมควร ก่อนจะโอนเงินชำระค่าสินค้า จากบัญชีธนาคารของตน เข้าบัญชีธนาคารชื่อบัญชี นายเจษฎา (ผู้ถูกจับ) หลังจากที่ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าน้ำมันพื้นเสร็จเรียบร้อย ก็ไม่ได้รับการติดต่อหรือส่งมอบสินค้าตามที่สั่งจากผู้ใช้บัญชีไลน์ดังกล่าว
จนทราบข่าวจากเพื่อนบ้านในหมู่บ้านซึ่งแจ้งเตือนเข้ามาในไลน์กลุ่มของหมู่บ้านว่าผู้ใช้บัญชีไลน์ดังกล่าวนั้นเป็นคนร้ายได้แอบอ้างนำข้อมูลบ้านเลขที่ของเพื่อนบ้านนั้นไปใช้หลอกขายสินค้า ตนจึงทราบว่าตัวเองถูกหลอก ตนเชื่อว่านาจะมีเพื่อนบ้านและประชาชนอีกหลายรายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของคนร้ายรายนี้
ชั้นจับกุม นายเจษฎา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การตนเรียนจบ กศน. ปัจจุบันยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง เกี่ยวกับคดีที่ถูกจับกุม น่าจะเกิดจากเมื่อช่วงประมาณปลายปี 2565 ขณะที่ขายกัญชาอยู่ละแวกบ้าน มีลูกค้าซึ่งเป็นรุ่นพี่ ชื่อนายพรประสิทธิ์ (ไม่ทราบนามสกุล) ได้มาซื้อกัญชาจากตน โดยขอเลขบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ของตนไปเพื่อจะโอนเงินจ่ายค่ากัญชาที่ซึ่งกับร้านของตนให้
หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีเงินเข้ามาในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ของตนอีก ประมาณสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 3,500- 5,000 บาท หลังจากที่มีเงินเข้ามาในบัญชีแล้ว ตัวนายพรประสิทธิ์ จะโทรศัพท์มาบอกให้ตนออกไปถอนเงินที่เข้ามาในบัญชีและนำเงินสดไปให้นายต๋า โดยนายต๋าให้ตนหักค่าดำเนินการไปครั้งละ 800 – 1,000 บาท
ต่อมา ตนทราบว่านายพรประสิทธิ์ หรือต๋า ถูกจับกุมเมื่อประมาณเดือนกันยายน 2566 หลังจากนั้น ก็มีหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้านตน แต่ตนไม่กล้าไปพบ เพราะตนมีคดีความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อยู่ระหว่างอุทธรณ์คดีอยู่เกรงจะกระทบ จึงได้หลบซ่อนตัวภายในบ้าน ไม่ค่อยออกไปไหนมาไหน จนมาถูกจับกุมตัวตามหมายจับในที่สุด
จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่านายเจษฎา หรือเพ็ชร มีประวัติถูกดำเนินคดี จำนวน 2 คดี ประกอบด้วย
1) ปี 2566 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ มี อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน โดยมิได้อนุญาต (ครอบครองปืนไม่มีทะเบียน) , พกอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยมิได้รับอนุญาต ” ท้องที่ สภ.ธัญบุรี
2) ปี 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง และโดยทุจริต หรือโดนหลวงลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ” ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.966/2567 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย อีกทั้งแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า อย่าให้บัญชีธนาคารหรือเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นนำไปใช้เด็ดขาดเนื่องจากอาจเป็นช่องทางให้คนร้ายนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมอย่างมหาศาล ตลอดจนโทษกรณีการเปิดบัญชีม้า
ณ ปัจจุบัน มีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า) นอกจากนี้ ผู้เป็นธุระจัดหา จ้างผู้อื่นมาเปิดบัญชีม้าก็มีโทษหนักเช่นเดียวกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (คนจัดหาบัญชีม้า)
หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที