สตม.บุกรวบสาวจีนแสบตุ๋นวิ่งเต้นให้เป็นแอร์สายการบินดังได้ เชิดเงินเหยื่อเพื่อนร่วมชาติเกือบ 8 ล้าน ก่อนศัลยกรรมอำพรางใบหน้า หนีซุกไทย
พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และ พล.ต.ต. พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง หรือชาวต่างชาติที่กระทำความผิดและหลบหนีการจับกุม โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านหรือที่ซ่อนตัว ซึ่งเป็นความรับผิดชอบหลักของ สตม.
โดยสั่งการและกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวนเน้นลงพื้นที่ X-RAY สืบสวนหาข่าวกับสายข่าว และประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง บก.ตม.1 โดย พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1
ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับเบาะแสจากพลเมืองดี ว่ามีบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน เชื่อว่าจะอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และมีพฤติกรรมน่าสงสัย เก็บตัวและมักปกปิดใบหน้าสวมหมวกใส่หน้ากากตลอดเวลาเมื่อต้องออกมาจากที่พักอาศัย
สั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 นำชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่ตรวจสอบในวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยได้วางกำลังสังเกตการณ์อยู่บริเวณด้านล่างของอาคารที่พัก ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งในย่านพระราม 4
ต่อมาในเวลาบ่าย พ.ต.ท.ทวีทรัพย์ ชัยภูมิ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 และทีมชุดปฏิบัติ พบบุคคลต้องสงสัยมีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงตามข้อมูลของสายลับ ปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิดและลงมารับอาหารที่บริเวณชั้นล่าง จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
เมื่ิขอตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทาง จึงพบว่าบุคคลต่างด้าวต้องสงสัยคนดังกล่าวเป็นชาวจีน ชื่อนางสาว JING QU (นามสมมติ) อายุ 30 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตั้งแต่ช่วงปี 2565 โดยได้รับการตรวจลงตราประเภท TR-15 อนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นเวลา 15 วันเพื่อท่องเที่ยว ปัจจุบันอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดมาแล้วกว่า 650 วัน
ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” ควบคุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมายและส่งกลับประเทศต่อไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้สอบถามถึงสาเหตุการอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายในลักษณะดังกล่าว นางสาว JING QU มีพิรุธและพยายามเปลี่ยนเรื่อง บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ โดยให้การว่าตนเป็นแอร์โฮสเตส สายการบินชื่อดังแห่งหนึ่งและถูก LAYOFF กลางคัน
แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เพราะบุคคลต่างด้าวที่ทำหน้าที่ลูกเรือ จะได้รับการตรวจลงตราเป็นการเฉพาะ มิใช่ได้รับการตรวจลงตราในลักษณะ VISA ON ARRIVAL เพื่อการท่องเที่ยวเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจีนทั่วไป
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบหมายจับของตำรวจสากลพบว่า นางสาว JING QU เป็นบุคคลที่มีหมายน้ำเงินของตำรวจสากล ซึ่งสำหรับ หมายน้ำเงินของตำรวจสากล เป็นหมายที่แจ้งให้ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐในประเทศสมาชิกตำรวจสากล รวบรวมข้อมูลการเคลื่อนไหว ถิ่นพำนัก บุคลิกลักษณะของบุคคลที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อนำไปสู่การออกหมายแดงหรือประกาศจับต่อไป
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองชุดจับกุมจึงได้มีการประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศจีน จนได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในห้วงประมาณปี 2559- 2562 สำนักงานความมั่นคงสาธารณะมณฑลโจวผิง ประเทศจีน ได้สืบสวนคดีฉ้อโกงซึ่งมี นางสาว JING QU เป็นผู้ต้องหา โดยได้หลอกเหยื่อว่าตนสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นให้เหยื่อทำงานเป็นแอร์โฮสเตส หรือสจ๊วต ให้กับสายการบินชื่อดังหลายแห่งได้
มีผู้เสียหายจำนวน 6 คนหลงเชื่อ ยอมจ่ายเงินให้กับ นางสาว JING QU ไปเป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 1.5 ล้านหยวน หรือมากกว่า 7.5 ล้านบาท
จากนั้น นางสาว JING QU ได้นำเงินที่ได้มาส่วนหนึ่งทำศัลยกรรมใบหน้าใหม่ เพื่อให้ผู้เสียหายจำไม่ได้ และปกปิดใบหน้าตลอดเวลา ก่อนจะหลบหนีมาซ่อนตัวในประเทศไทย และถูกจับกุมตามที่ได้รายงานข่าวไปก่อนหน้านี้
พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 กล่าวว่า สตม. มีระบบตรวจสอบเชื่อมโยงหน่วยงานบังคบัใช้กฎหมายในระดับสากลที่เข้มข้น มีมาตรการชัดเจนในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามคนต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และจะไม่ยอมให้ไทย ถูกใช้เป็นที่พักพิงหลบหนีหรือที่ซ่อนตัว ของชาวต่างชาติที่กระทำความผิดร้ายแรงในต่างประเทศ