ตำรวจภาค7ทลายแก๊งลักจักรยานยนต์รายใหญ่ใน ยกขึ้นกระบะตู้ทึบส่งถึงบ้าน ตรวจยึดของกลางนับสิบคัน
วันที่ 15 ตุลาคม 67 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พายัพ โสธรางกูลผกก.สภ. นครชัยศรี พร้อมชุดคลี่คลายคดี
แถลงผลจับกุมผู้ต้องหาในคดีลักรถจักรยานยนต์และซื้อขายในตลาดมืด ผู้ต้องหา 3 รายและของกลางหลายรายการ โดยเป็นรูปแบบการหลอกเหยื่อรูปแบบใหม่โดยผ่านแอปพลิเคชั่นในระบบออนไลน์
จับกุมผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ รวม 3 คน นายธณัต หรือ ทอป อายุ 33 ปี นางสาวพรรณราย หรือ นุช อายุ 29 ปี นายพลกฤษณ์ หรือ ต้อม อายุ 34 ปี พร้อมของกลาง รถยนต์กระบะตู้ทึบ ทะเบียน บว 3013 กำแพงเพชร
แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมหรือรับของโจร”
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 กล่าวว่าเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 เวลา 21.30 น. มีกลุ่มคนร้ายออกก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ของประชาชน ที่ด้านหน้าบริษัท บูโอโน่ ต.ไทยาวาส อ.นครชัยศรี จว.นครปฐม จำนวน 2 คัน สร้างความเดือนร้อนและความเสียหายให้กับพ่อแม่ พี่น้อง ประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครปฐมและพื้นที่ใกล้เคียงทาง
ตำรวจภูธรภาค 7 สั่งการให้ชุดสืบสวนบก.สส.ภ.7 ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.นครปฐม และชุดสืบสวน สภ.นครชัยศรี ร่วมบูรณาการกำลังลงพื้นที่ เร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม มาดำเนินคดีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่
จนกระทั่งวันที่ 3 ตุลาคม 2567 สืบทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่มาก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ 2 คัน ในพื้นที่ อ.นครชัยศรี จึงรวบรวมวัตถุพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ และสืบสวนจับกุมคนร้ายที่ร่วมกันลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ได้ 1 ราย คือ นายธณัต หรือ ทอป อายุ 35 ปี
เป็นคนร้ายที่เป็นคนขับรถยนต์ขนส่งกระบะด้านท้ายมีตู้ทึบของบริษัทขนส่งเอกชนรายนึง มารับรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักเอามาขึ้นท้ายรถยนต์กระบะ ขับไปส่งในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 กล่าวต่อว่า จากนั้นสั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกก.สส.ภ.จว.นครปฐม และชุดสืบสวน สภ.นครชัยศรี สืบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิด จนจับกุม ผู้ที่ร่วมก่อเหตุได้อีก2 คน คือ นางสาวพรรณราย หรือ นุช อายุ 29 ปี และ นายพลกฤษณ์ หรือ ต้อม อายุ 34 ปี
พฤติการณ์ในการก่อเหตุคือก่อนเกิดเหตุ น.ส.พรรณราย ได้ติดต่อกับ นายพลกฤษณ์ ผู้รับซื้อรถจักรยานยนต์ โดยเปิดเพจรับซื้อรถจักรยานยนต์ผ่านทาง เฟซบุ๊ค ประกาศรับซื้อรถจักรยานยนต์ ที่มีเล่มคู่มือการจดทะเบียน และไม่มีเล่มคู่มือจดทะเบียน
จากนั้นน.ส.พรรณราย ได้ออกตระเวนหารถจักรยานยนต์ เป้าหมายพร้อมถ่ายรูปส่งไปให้นายพลกฤษณ์ ปลอมแปลงเอกสารคู่มือการจดทะเบียน ขึ้นมาและส่งให้กับ น.ส.พรรณราย ใช้แสดงกับผู้ที่รับจ้างขนส่ง
เมื่อถึงวันเวลานัดหมาย นายพลกฤษณ์ ได้ว่าจ้างรถกระบะตู้ทึบผ่านทางแอปพลิเคชั่น ของบริษัทขนส่งเอกชน ให้มารับรถจักรยานยนต์บริเวณที่เกิดเหตุ มี น.ส.พรรณราย ออกมาชี้เป้าหมายรถจักรยานยนต์ที่จะลักเอาไป
โดยวันที่เกิดเหตุ มีนายธณัต หรือ ทอป ขับรถยนต์กระบะตู้ทึบมารับงานขนรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักไปส่งให้นายพลกฤษณ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร โดย น.ส.พรรณราย จะได้รับเงินค่าจ้างจากรถที่ลักเอาไป คันละ 7000 บาท ส่วนนายธณัต จะได้รับเงินค่าจ้างเพิ่มจากเดิมอีก 1,200 บาท
จากนั้นในวันที่ 5 ตุลาคม 2567 ชุดสืบสวนได้นำหมายค้นศาลอาญา เข้าค้นบ้านเลขที่ 133 ถ.ลาดปลาเค้า แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เป็นบ้านนายพลกฤษณ์ พบของกลางรถจักรยานยนต์จอดอยู่ภายในบ้านอีก 16 คัน
ประกอบด้วย 1.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ จำนวน 7 คัน 2.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น สกูปี้ ไอ จำนวน 3 คัน 3.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น ซีพีเอกซ์ จำนวน 1 คัน 4.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น ซูเมอร์ เอกซ์ จำนวน 1 คัน 5.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น เอกซ์แมก จำนวน 1 คัน 6.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น ฟิน จำนวน 1 คัน 7.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น เลกซี่ จำนวน 1 คัน 8.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ เวสป้า จำนวน 1 คัน
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เปิดเผยอีกว่า ตรวจสอบแล้วรถจักรยานยนต์ดังกล่าวมีเอกสารไม่ครบถ้วน โดยนายพลกฤษณ์อ้างกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ว่ารับจำนำมาจากบุคคลอื่น และยังพบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงเอกสารข้อมูลจดทะเบียน และข้อมูลบัตร ประชาชน ของเจ้าของรถอีกด้วย ชุดสืบสวนจึงได้ตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องและยึดรถจักรยานยนต์ 16 คันดังกล่าว มาตรวจสอบขยายผลต่อไป
ในขณะนี้ได้มีผู้เสียหายนำเอกสารมาติดต่อที่ สภ.นครชัยศรี เพื่อรับรถจักรยานยนต์คืนไปแล้ว 4 คัน และยังมีผู้เสียหายอยู่ระหว่าง นำเอกสารมาติดต่อขอรับรถจักรยานยนต์ คืน 12 คัน