วันที่28พ.ย.67 ที่สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เกิดเรื่องฮือฮาในวงการสีกากีตำรวจบุรีรัมย์
เมื่อพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงพักโดยแจ้งหมายด่วนล่วงหน้าแค่คืนเดียว เล่นเอาตำรวจทั้งจังหวัดเป็นงงว่า ผบ.มาทำอะไร
https://policenewsvarieties.com/ผบ-ต่ายถ่ายทอดประสบกา/
เหตุผลหลักคือกำชับ 15 นโยบายการบริหารราชการ ที่ได้ให้ไว้เมื่อวันที่4พ.ย.ที่ผ่านมา
ในห้องประชุม สภ.นางรองนอกจากนโยบายบริหารราชการ โดยเฉพาะข้อแรก คือการปกป้อง เทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติศาสนา พระมหากษัตริย์
ผบ.ต่าย ยังได้เน้นย้ำเรื่องการเปลี่ยนแนวคิด ค่านิยม และกรอบความคิด(MINDSET) ให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน การสร้างขวัญกำลังใจ ให้รางวัลแก่ “ตำรวจน้ำดี” และพิจารณาลงโทษตำรวจที่ทำไม่ดีอย่างเด็ดขาด การปรับปรุงการให้บริการ การอำนวยความสะดวกในหน้าที่ของตำรวจทุกด้าน พัฒนางานสถานีตำรวจ และส่งเสริม สนับสนุน และแก้ไขปัญหางานสอบสวน รวมทั้งอำนวยความยุติธรรมทางอาญา
พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาให้ตำรวจสภ.นางรอง ฟัง
ในเรื่องของการปราบปรามอาชญากรรมโดยเฉพาะด้านยาเสพติดพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ บอกตำรวจนางรองในห้องประชุมวันนั้นว่า
อย่าเล่นละครกับผู้บังคับบัญชา
เน้นในเรื่องของการจับผู้ค้ารายย่อย ผกก.ต้องรู้เลยว่า อะไรเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ของตัวเอง ต้องรู้หมด คนนี้อยู่บ้านนี้ คนนั้นอยู่บ้านนี้ บ้านนี่มีกี่คนบ้านนั้นเป็นอย่างนี้ ไอ้นี่ขายยา ไอ้นั่นขายยา
แล้วเวลาผมเอ่ยถึงบันทึกการจับกุม การตรวจค้น ผู้ค้ายารายย่อย ผกก.บอกสบาย แต่ไม่ต้องเล่นละครกับฝ่ายผู้บังคับบัญชา
จับยา10ล.เม็ดเก่งแต่ไม่ถือเป็นความสำเร็จ
ผู้ค้ารายย่อยที่ผมมีอยู่ในมือ 2 หมื่นราย จากการรับผิดชอบยาเสพติดเพียงปีเดียว ผมบอกว่า ไปจับอะไร เก๊งเก่ง อันนี้มาใกล้เรื่องสืบแล้วนะ สืบกับ ป.เก่งมากเลย โอ้โห ท่านจับมาทะลักมาจากชายแดน ระหว่างทางก็ได้มาสิบล้านเม็ด หกล้านเม็ด
แต่ท่านรู้ไหมว่าประชาชนยังบอกว่าบ้านนี้ยังขายยากันอยู่เลย มีการเอายาไปขายในสถานบริการ แสดงว่าท่านยังทำงานไม่สำเร็จ
ปรับมายเซ็ตเล่นค้ายารายย่อย
แต่ถ้าท่านปรับมายเซ็ตของท่าน ปรับไปหาประชาชน ผมถึงมาเป็น ผอ.ศูนย์ยา ผมถึงบอกว่า เราต้องเล่นรายย่อยท่านสำราญ ก็ขานรับผมแล้วเอาไปทำ ปรากฏว่าได้อะไรดีๆ มาอีกเยอะ ได้มา 1.3 หมื่น แล้วพอทำงานไป 3 เดือน เราเพิ่มเป็น 2 หมื่น จากไหนครับ
จากการขยายผล การซักถามคราวนี้ พอเราไปทำ ท่านอาจจะมองว่าทำตรงนี้ แต่ท่านโปรดเข้าใจว่า เรากำลังทำให้ชาวบ้านเขาปลอดภัย ให้เห็นว่าชุมชน ตำบล หมู่บ้าน เห็นว่าตำรวจเขามาจับไอ้พวกนี้แล้วนะ จับให้หมด
อย่ารับผลประโยชน์ที่กระทบความสงบสุขชาวบ้าน
อย่าได้ไปเอาเงินเขาเชียวนะ เรื่องยาเรื่องค้ามนุษย์ เรื่องไซเบอร์ เรื่องข่มขืน ความผิดอะไรที่กระทบต่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชน อย่าได้เอาผลประโยชน์เด็ดขาด มันจะสะท้อนภาพกลับมา มันจะประเมินค่าไม่ได้ในทางลบ
จับแล้วยึดทรัพย์ให้หมด
แต่สิ่งที่ผมมีนโยบายในขณะที่เป็นผอ.ศูนย์ยา ผมคิดเอง ว่าเอาผู้ค้ารายย่อย ท่านจับให้เรียบ เอาให้หมด จับเสร็จ ส่งเข้าเรือนจำ ยึดทรัพย์ ตรวจสอบทรัพย์ ร่วมกับ ปปง.จังหวัดปปง.ภาค ปปง.เขต
เอามันให้หมด รถสองล้อ สามล้อ รถไถ ที่ดิน บ้านเรือนทำลิสต์รายการ แล้วให้สำรวจทรัพย์เสร็จแล้วให้ ปปง.ยึดทรัพย์ตามอำนาจ เอาให้หมด
ยาราคาแพงแสดงว่าปราบได้ผล
ต้องจัดการพวกนี้ มียามา ยาทะลักมาภาค บก.สืบ ปส.จับได้ ปล่อยเขาไปอันนี้ระดับพื้นที่ ไม่ต้องสนใจ ยาทะลักมา ไม่ต้องส่ง ยึดเงินพวกนี้ให้หมด อีกหน่อยไม่มีคนขาย ยามันจะแพงขึ้นเมื่อไหร่ที่ยาแพงขึ้น แสดงว่าการปฏิบัติเป็นผลสำเร็จ เพราะมันขายไม่ออก ขายไม่ได้ มันก็เลยแพงขึ้นเรื่อยๆหายากไง ยิ่งหายาก ยายิ่งแพงขึ้น
ผลิตมาไม่มีคนขายคือความสำเร็จ
ผมจะใช้ความสามารถทุกมิติที่ผมมีจะทำให้ยาเสพติดลดลงไปให้มากไม่มีก็ดี แต่เข้าใจว่าเพื่อนบ้านเขาก็ยังผลิตไม่เลิก แต่ก็ผลิตมาสิ ผลิตมาไม่มีคนขาย ชุมชน ตำบล หมู่บ้าน ไม่มีใครขาย ความสำเร็จมันอยู่ที่ตรงนั้นไม่ใช่คนอื่นเลย
ย้ำนางรองต้องไม่มีค้ายารายย่อย
นางรอง ต้องตั้งเป้าหมาย จะต้องไม่มีผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ สมมตินะ เป็นความตั้งใจของท่าน ผกก. รอง ผกก. สว.สืบ สว.ป.ตั้งใจไม่ให้มี ดังนั้นเมื่อไม่ให้มี ท่านต้องใช้อะไรครับ การข่าวฝ่ายสืบ และฝ่าย ป.ที่จะลงตามซอกซอยให้หมด ลงซอกซอยยังไง ก็คงไม่ต้องบอก ก็มายเซ็ต
เปลี่ยนแนวคิดชาวบ้านจะอ้าแขนรับ
ยกตัวอย่างก่อน นี่แหละคือมายเซ็ตเพื่อให้ประชาชนเขากลับมาอ้าแขนรับพวกเรา ในฐานะตำรวจ อย่างเต็มใจแล้วภาพของท่านจะออกในโซเชียลออกในโลกของอากาศ ทั้งเฟซบุ๊ก ยูทูป ติ๊กต่อก เอ็กซ์ ทุกอย่าง
ท่านเชื่อผมเถอะ ว่าไม่ต้องเล่นละคร ไม่ต้องหาแสงเลย ทุกอย่างจะกลับมาในทางบวก โดยที่ท่านจะได้รับผลดีกลับมาแบบไม่รู้ตัว
ลูกน้องทำดีต้องยกย่อง
แต่ถ้ามีตำรวจทำงาน ทำดี ผกก.ต้องมาร์คไว้เลย คนนี้เป็นคนดีจริงๆ เป็นที่ยอมรับของ 180 คน ก็ต้องมารับไว้รอง ผบก.ก็ต้องมายกย่องสรรเสริญให้รางวัล สร้างความก้าวหน้าให้เขานะครับ คนไหนไม่ดีก็ต้องจัดการ อย่างพ่อผม เป็นแค่นายดาบ ผมก็เลยผูกพันกับผู้ใต้บังคับบัญชาระดับล่างมาก
แต่ถ้าไม่ดี เดินนอกกรอบ บอกให้เดินอย่างนี้ ทำอย่างนี้ ยังกล้าท้าทาย ยังเก็บเงินจากพวกนี้ไปร่วมมือกับพวกมิจฉาชีพ ร่วมมือกับคนที่ทำผิดกฎหมาย แล้วทำให้ตำรวจที่ผมพยายามทำให้องค์กรเป็นที่ยอมรับโดยที่ตัวผมไม่ต้องการแสงเลย แม้แต่นิดเดียว ไม่ต้องการ
อยากให้แสงส่องมดงาน 1,484 สถานี
แล้วผมรู้ด้วยครับ วันไหนที่ผมจะพ้นหน้าที่ พ้นหน้าที่นะ ไม่ได้พูดว่าต้องเกษียณนะ พ้นหน้าที่ด้วยทางไหนก็ตาม เมื่อถึงวันนั้นก็จะไม่มีตำรวจเข้ามาหาผมหรอก มันคือโลกของความจริง ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องมีใครมาหาผมหลังเกษียณ เมื่อพ้นหน้าที่
ดังนั้นไม่เคยคิดจะหิวแสง ต้องหาแสงเพื่อตัวเอง แต่ผมต้องการให้แสงไปส่องที่ตำรวจทั้งหมดของประเทศไทยโดยเฉพาะผู้ปฏิบัติในพื้นที่คือ 1,484 สถานี
หวังว่าคงเข้าใจความรู้สึกผมที่มาวันนี้ อยากให้พวกเรา ซึมซับความคิดเหล่านี้ แล้วท่านลองจับกลุ่มคุยกันก็ได้ อะไรที่ผมพูดไปแล้วท่านบอกเพ้อฝัน เลื่อนลอย ผมไม่โกรธ แต่ท่านลองทำดู แล้วท่านจะรู้ว่าผลที่ออกมามันดีแค่ไหน
หยุด ตรวจ คุย –ไม่ใช่แค่ที่บ้าน
แต่พอผมบอกว่า สต็อป วอล์ก ทอล์กหยุด ตรวจ คุย ท่านก็เล่นแต่ว่าบ้านไหน ก็เอาแค่นั้น แต่ท่านลืมไปว่าตลาดนัดก็มี ห้างสรรพสินค้าก็มี ริมถนนก็มี ทำแบบเดียวกัน ท่านตรวจไปเขตหนึ่ง ท่านมองว่า ไปยังบ้านหลังหนึ่ง ไม่ใช่ ในพื้นที่เป็นเขต มันมีหลายจุด
ท่านทำอย่างที่ผมทำสิ ทำอย่างที่ผมบอก ไปห้างนั่งกินกาแฟ ใครว่าท่านแต่ระหว่างนั้น ท่านก็เดินคุยกับคนขาย ร้านนี้บ้าง ร้านโน้นบ้าง คุยไปเรื่อย ทักไปเรื่อย เป็นการระวังภัยไปด้วย อันนี้ก็ห้าง ก็เหมือนบ้าน ก็เหมือนกัน ท่านหยุดแล้วไง ท่านคุยแล้วไง แล้วท่านต้องวอล์กด้วย ต้องเดินไปทั่วห้าง เดินไป
ถ้ามีตังค์ในกระเป๋าพอ แล้วมีความอยากได้สิ่งของอะไร ก็ซื้อไปนิดๆหน่อยๆ ก็คุยกับเขาไปความน่ารักมันเกิด ประชาชนก็รู้สึกตำรวจตอนนี้แปลก เปลี่ยนไป
รับรีดไถมีแต่ไม่ใช่ทั้งหมด
แต่ที่ผ่านมา มันไม่ใช่อย่างนั้น เรียกรถหยุด ก็เอาตังค์ เจอความผิดก็แลกเป็นเงิน ไม่ใช่ทั้งหมดครับ เป็นแค่บางคน แต่คนๆ เดียว ทำแบบนั้น ท่านคิดเหรอว่า ไม่มีใครรู้ เดี๋ยวผู้เสียหายไปฟ้องร้อง คราวนี้เรื่องใหญ่ พอเรื่องใหญ่ นักข่าวก็เล่นข่าวกลายเป็นประเด็นที่นักข่าวต้องการข่าวตำรวจ
พอไปเล่นออกทีวี ตำรวจที่เหลือเสียหมด เหมือนกัน เพราะเขาเหมาเข่งทำดีมาแทบตาย ท่านก็ต้องปรับเปลี่ยน เอาคนเหล่านั้นออกจากกลุ่มตำรวจไป
ยกระดับจเรจัดการตำรวจนอกรีต
เหมือนที่ผมกำลังจะบอกว่า ถ้าท้าทายผม ผมก็เอาเรื่อง แล้วทีมจเร ที่ผมเซ็ตไว้ บอกให้เลยว่า เป็นทีมที่จะต้องยกระดับ สำนักงานจเรตำรวจ ให้เป็นอาวุธสำคัญของ ผบ.ตร.ท่านอาจจะคิดไม่ถึงผมหรอก แต่ทั้งหมดจะต้องยกระดับจเร
ไม่อยากให้1ในนั้นเป็นตำรวจนางรอง
แล้วต้องมีการตรวจสอบ อะไรที่เราให้ท่านได้ ผมไม่ว่าอะไร แต่ตำรวจคนไหนที่ประพฤติชั่ว จนทำให้ตำรวจส่วนใหญ่เสียหาย ผมไม่เอาไว้เด็ดขาด ไม่เอาไว้แน่นอน ก็ไม่อยากจะให้หนึ่งในนั้นคือตำรวจนางรอง
ก็มาที่นี่ ก็ต้องพูดแบบนี้ ต้องการให้ตำรวจนางรองเป็นตำรวจที่ดีของพี่น้องประชาชน
”นักการเมือง–ชาวบ้าน“ปฏิบัติให้เหมือนกัน
นักการเมืองท้องถิ่น ถ้าท่านอยากรู้จักท่านก็ต้องคุยกับเขา ไปตรวจบ้างไปตรวจบ้านเขา ก็เป็นวงรอบเดียวกันกับไปตรวจบ้านประชาชน ทำให้เหมือนกัน แต่เขาเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เขาก็ต้องมองว่าท่านให้ความสำคัญเขานะครับ สิ่งที่จะสนับสนุน กต.ตร.ก็ตรวจเหมือนกัน คำว่าเขา ไม่ใช่กต.ตร.แต่เขาเป็นลูกบ้านที่อยู่ในเขตของท่าน ก็ตรวจเหมือนกัน พูดเหมือนกัน
ถ้าท่านเป็นที่รู้จัก ชื่อเสียงของท่านก็จะขจรกระจายไป ทำให้ กต.ตร.ก็จะงงๆ ว่า ทำไมตำรวจเป็นอย่างนี้ ก็จะมาพูดกัน แล้วเสียงเหล่านี้จะเป็น 1 ไป2 และ 2 ไป 4 จาก 4 ไป 8 มันก็จะเกิดผลดีต่อพวกท่านเอง นะครับ อันนี้ก็อยากจะเอาความรู้สึกนี้มาให้
พูดอีกครั้งเรื่องทรงผม
ต่อไปครับ เรื่องสุดท้าย เรื่องทรงผมผมได้พูดในที่ประชุม วันที่เตรียมความพร้อมเรื่องลอยกระทง ในการประชุมคอนเฟอเรนซ์ ผมบอกว่า ผู้บังคับบัญชาทุกคนเลย ทุกภาคเลย ผู้ใต้บังคับบัญชาบางคน เริ่มจะไว้รองทรงแล้ว ผมพูดแค่นี้ ช่วยไปดูหน่อยนะครับ ให้มันดูเรียบร้อยหน่อยเข้าระเบียบหน่อย
อนุโลมนอกเครื่องแบบ
สายสืบไม่ว่ากัน เป็นเรื่องของสายสืบเพราะสายสืบจะไปไว้ผมสั้น ออกไปไหนก็ตีกะบาล จะไปจับใคร เขาก็รู้ว่าตำรวจมาแล้ว ให้ปล่อยไปตามปกติไป
ส่วนใครที่มีการปฏิบัติหน้าที่ในการถวายความปลอดภัย ตามเส้นทางเสด็จฯ ในจุดไข่แดง ไข่ขาว ท่านก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบของกองบัญชาการถวายความปลอดภัย
ในเรื่องทรงผม ผมพูดแค่นี้ แล้วผมก็ยกตัวอย่าง บช.ภ.4 พูดกันเล่นๆ พอมันมีเสียงสะท้อนกลับมา อย่างนี้ เรียบร้อยดี
ใช้ทำความเข้าใจพวกต่อต้าน
ผมยังไม่เคยพูดออกระเบียบใหม่เลยนะ แต่ก็มีการพูดกัน เอาไปโจมตีกันสนุกสนาน แต่ผมไม่เคยตอบโต้นะสังเกตดูดีๆ สิ ผมจะไม่ตอบโต้อะไรเฉยๆ
เด็กบางคนก็เป็นเด็กใหม่ๆ จบมาใหม่ๆ ก็ไปด่า ไปวิพากษ์วิจารณ์ใช้คำพูดไม่เหมาะสม ก็ไม่โกรธ เพียงแต่บอกผู้บังคับบัญชา ว่าเฟซบุ๊กเด็กคนนี้ ห้ามโกรธ ห้ามเรียกมาตำหนิห้ามไปต่อว่า แต่ขอให้ทำความเข้าใจ
ระเบียบปี 2566 ผมเป็นคนออกรึเปล่าก็ไม่ใช่ผม แล้วผมก็ไม่เคยออกระเบียบใหม่ อะไรที่มันดีอยู่แล้ว ผมไม่เปลี่ยนหรอก ระเบียบเรื่องทรงผมและเครื่องแบบการแต่งกาย ที่ท่านต่อศักดิ์ เซ็นไว้ ไปเปิดดูสิครับ ไม่ใช่ผมเรื่องระเบียบทรง แต่การไว้ทรงผม อยู่ในระเบียบท่านไปอ่านเอาเอง ผมไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง การอะลุ้มอะล่วยมันเกิดขึ้นในระเบียบนั้นแล้ว
ลองเปรียบเทียบเวลาทำงานกับทหาร
แต่อยากจะบอกว่า ท่านลองไปเทียบดูเอาเองว่า คนที่ไว้ผมยาวกับคนไว้ผมสั้น โอเค.ครับ ศีรษะเราต่างกัน รูปศีรษะเราต่างกัน ท่านอาจจะไว้บ้าง แต่ให้พอดูสวยงาม มันก็ยังดูดีกว่า แต่ไม่ถึงกับรองทรง แล้วกลับไปเหมือนเดิม
แล้วเวลาท่านไปปฏิบัติหน้าที่กับทหาร ท่านจะรู้สึกเอง ว่าไม่ได้ ถูกเปรียบเทียบ แล้วผมทำไมต้องไว้ตัดอย่างนี้ก็เพราะผมต้องไปประชุมกับ ผบ.เหล่าทัพ ต้องไปพิธีการ ต้องไปพระราชพิธีแล้วผมจะไว้ยาวๆได้ยังไง ท่านจะเอาผมไปเปรียบเทียบกับท่านทำไม มันคนละหน้าที่กัน
สุดท้ายยอมรับด้วยเหตุผล
ประมาณอย่างนี้ก็ยังพอได้ ผมก็ไม่เคยบอกอะไรสักอย่าง แต่ว่าเด็กคนนั้นก็เข้าใจแล้ว แล้วผมเอาภาพตอนเขาผมยาว กับผมสั้นตามระเบียบ ทำภาพเปรียบเทียบ แล้วส่งให้ผู้บังคับบัญชาดู ดูเอาเองว่า ภาพไหน หน้าใส แล้วก็ดูดีกว่ากัน ให้เด็กดู ว่าแบบไหนดูดีกว่ากัน จนเด็กคนนั้นยอมรับ
ผมก็ไม่ว่าอะไรสักอย่าง ผมเป็นคนที่ไม่ตอบโต้ใครอยู่แล้ว เฉยๆ นะครับทุกคนก็คงเห็นทางสื่อ ผมไม่เคยจะไปตอบโต้ใคร หรือให้ร้ายใคร ยกย่องทุกคนเหมือนกัน
หวานใส่อยากมาเจอ
ก็ดีใจครับ ที่ได้มาเจอ ท่านผู้การรุทธพล เป็นรุ่นพี่ผม ได้มาเจอ ท่านรองผู้การ ผกก.พวกเราทุกคน เป็นโอกาสที่น้อยมาก ตอนแรกผมถามสต๊าฟผมว่า ได้ให้เวลาเท่าไหร่ ไม่เกิน 30 นาที ก็ไปยาว
ภารกิจหนักแต่มีความสุข
พอขึ้นมาเป็น ผบ.ตอนรักษาการ ก็ล้วนแต่ภาระหนัก 3 เดือนนั้น ไม่ได้พักเลย แต่พอเป็น ผบ.ตัวจริง ผมบอกได้เลยว่า ผมไม่ได้พักเลยนะ ภารกิจมันเยอะมาก แต่ไม่ใช้คำว่าเหนื่อยครับ ผมมีความสุขกับการทำงาน
แต่ว่าต้องยอมรับว่าภารกิจหนัก แล้วไม่มีช่องว่างที่เราจะเดินทางไปไหนเลย ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องบริหารงานบุคคลด้วย ก็ต้องทำให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพื่อรักษาองค์กรไว้
เลยตัดสินใจว่า วันนี้ดีดภารกิจออกให้หมดเลย แล้วมาที่นี่ จริงๆ ผมอยากจะไปสัก 3-4 โรงพัก ด้วยซ้ำไป แต่ว่าคงต้องวางแผนภายในอายุราชการที่มีอยู่ให้ดีที่สุด แล้วคงจะได้เจอกับหลายๆ คน ที่เราจะเดินทางไป
วันนี้ก็จะมีการมอบบางสิ่งบางอย่างกำลังใจให้กับท่าน ผกก.นะครับ เอาไปเป็นสวัสดิการให้กับพวกท่าน อาจจะไม่มาก ผกก. ก็นำไป เป็นสวัสดิการอาหารกลางวันก็ได้ อะไรก็ได้ ก็สุดแล้วแต่ ขอให้พวกเราทุกคนมีความสุขกับการทำงาน ขอให้เป็นตำรวจที่ดีของพี่น้องประชาชน
ฮึ่มเอาจริงพวกดื้อ
ปรับตัวเองเสีย นะครับปรับในขณะที่คนนี้เป็น ผบ.ตร.ถ้าท่านดื้อ ท่านออกนอกเส้นทาง ผมเอาเรื่องท่านจริงๆ แต่ถ้าท่านดี ผมจะทำทุกอย่างให้ท่านเป็นตำรวจที่ดี สนับสนุนทุกอย่าง ที่ท่านต้องการ เท่าที่มีความสามารถจะทำได้ต้องการแบบนั้นนะครับ
ขอให้รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต
ทำงานทุกอย่าง ขอให้ประสบความสำเร็จ แล้วต้องระมัดระวังในสิ่งที่อาจเกิดอันตราย ต้องรักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต เป็นข้อที่ 9 ของอุดมคติตำรวจ ถ้าท่านรักษาความไม่ประมาท ความปลอดภัยก็จะเกิดกับตัวท่านและครอบครัว
เตือนตกเป็นข่าวไม่ดีครอบครัวพินาศ
แต่ถ้าท่านทำไม่ดี ทำชั่ว ท่านคิดแต่ความสุขที่เกิดขึ้นเพียงชั่วเดี๋ยวเดียวจากการที่ได้รับผลประโยชน์มา หรือรังแกประชาชน แค่เพียงเดี๋ยวเดียวแต่ท่านลืมคิดถึงครอบครัวท่าน เมียลูก เวลาท่านออกข่าวในหน้าทีวี ท่านเคยรู้สึกถึงลูก ถึงเมียไหม ว่าสามีฉันไปทำอะไรแบบนี้ฉันรู้สึกอายเพื่อน ลูกอายเพื่อน
แรงสุดตรงหัวใจลูก
แล้วผลกระทบที่เกิดขึ้น ที่รุนแรงที่สุดคือตรงหัวใจของลูก เมีย ที่ต้องสะท้อนความรู้สึกว่า ทำไมสามีต้องไปทำแบบนี้ ให้คิดแบบนี้ แต่อย่าคิดแค่เอาแค่นี้ แล้วเรามีความสุข แต่คิดถึงบันไดขั้นต่อไป ว่าเรื่องนั้นมันจะเป็นอะไรต่อไปในอนาคต ก็ใครต้องการความก้าวหน้า ก็ขอให้ประสบความสำเร็จ
ทำธุรกิจเสริมคิดให้รอบคอบ
ใครต้องการที่จะประกอบธุรกิจเสริม ขอให้คิดให้รอบคอบวางแผนให้ดี เพื่อให้ธุรกิจเสริม หรืออาชีพเสริมนั้น ประสบความสำเร็จ และได้มาซึ่งรายได้ที่สุจริต เสริมเงินเดือนตัวเอง นะครับ
เงินเดือนไม่พอหรอก เบี้ยเลี้ยงผมก็เพิ่มให้ น้ำมันก็เพิ่มให้ แต่เบี้ยเลี้ยงจะเพิ่มยังไง มันอยู่ที่กรอบงบประมาณ ยังไงมันก็ไม่พอ แต่จะพยายามใช้วิชาที่ทำหน้าที่งานบริหารมาให้พวกท่าน จะทำให้ดีที่สุด
พร้อมรับฟังคำแนะนำ
ผมเองก็พร้อมที่จะรับฟังคำแนะนำหากมีอะไรก็ขอให้แจ้งมา จะผ่านผู้การ ก็ได้ ผ่านคนในสำนักงานที่ท่านรู้จักก็ได้ ก็ยินดีที่ได้มาเจอ ดีใจ มีโอกาสมาอีก ก็จะมาเยี่ยมเยียนอีกนะครับ มีใครอยากจะพูดอะไรไหม เชิญครับ เต็มที่เลยครับ
มดงานตัวแทนกล่าวภูมิใจ“พิทักษ์1”มาเอง
ขออนุญาต เรียนท่าน ผบ.ตร.กระผม ด.ต.สนธิยา ฉาบไธสง ผบ.หมู่ งานป้องกันปราบปราม ทำหน้าที่สายตรวจตำบล “เป็นตำรวจมืออาชีพปฏิบัติหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใสเพื่อความผาสุกของพี่น้องประชาชน”
วันนี้ผมมีความยินดี ปลาบปลื้มใจอย่างยิ่ง ที่ได้มาฟังคำกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ของท่าน ผบ.ตร.ซึ่งเป็นเจ้าของวลีนี้ นะครับ เพราะว่าตำรวจนางรองได้รับนโยบายจากท่าน
ตั้งแต่ท่านมอบนโยบายให้ตำรวจทั่วประเทศ อยู่ตรงนี้ ท่าน ผกก.นำนโยบายมา มายเซ็ต การเปลี่ยนแนวคิด ผมเชื่อว่าตำรวจนางรอง ได้นำแนวคิดของท่าน มาใช้ และออกไปปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาท
สิ่งที่ผมอยากจะกล่าว จะถามว่าอยากถามอะไรจากท่าน ก็คงไม่มีเพราะท่านสามารถบรรยายได้หมดแล้วจากสิ่งที่อยู่ในใจของท่านออกมาสู่ตำรวจนางรอง
กระผมเป็นตัวแทนตำรวจนางรอง มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง กับตำรวจนางรอง ที่วันนี้ท่านผบ.ตร.ผู้นำหน่วยอันดับ 1 ของตำรวจทั้งประเทศ ได้มาเยี่ยมเยียนให้ขวัญกำลังใจ
หลังกล่าวจบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร.ได้กล่าวขอบคุณพร้อมย้อนถึงความทรงจำวัยเด็กของเจ้าตัวไว้ในเรื่องของความเป็นอยู่ที่มีพ่อเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยให้ตำรวจนางรองฟังอีกว่า
วัยเด็กพ่อเป็นตำรวจเสมียนคดี
สัมผัสความที่ไม่มีของพ่อมาตั้งแต่เด็กไปเรียนบางทีก็ต้องขึ้นรถสองแถว พ่อไม่เคยไปส่งเลย แต่ตอนเย็นก็เดินเท้าไปโรงพักที่ราชบุรี 2 กิโลฯ เดินนะครับ ไม่มีเงิน ไม่มีตังค์ เดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์พ่อ ที่โรงพัก แล้วก็นั่งรอพ่อ รอพ่อตอนนั้นเป็นเสมียนคดี ก็จะต้องทำสำนวนให้รอง สว.ตอนนั้นไม่เข้าใจ ต้องทำคดียาเสพติด คดีเช็คทำไป แล้วกว่าพ่อจะกลับ ก็มืดแล้ว
เตะบอลยังต้องอาศัยเพื่อน
แล้วพอมืดแล้ว ด้วยความที่เราเป็นเด็ก เราอยากไปเล่นฟุตบอลที่สนามโรงเรียน วัดเทพาวาส ก็ไม่ได้เล่นเพราะพ่อยังไม่เลิกงาน จะได้มีโอกาสเล่นก็คือเช้า ก่อนเข้าห้องเรียน ที่สนามฟุตบอล ตอนนั้นเป็นดินนะครับเราก็เล่นฟุตบอลที่สนามบาสฯ ได้มีโอกาสเล่นก่อนเข้าเรียน แล้วก็เสื้อเปียก
ลูกฟุตบอลเรายังไม่มีปัญญาซื้อเลย แต่ว่าได้อาศัยเพื่อน เล่นด้วยกันแล้วตกเย็น ก็เดินไปหา พ่อก็มาส่งแล้วก็กลับมาบ้าน ในความเป็นอยู่ก็กินแค่ต้มหนังหมู
ไม่มีความคิดสวมเครื่องแบบตามรอย
แล้วผมก็ไม่คิดจะเป็นตำรวจ เพราะว่าเห็นพ่อเป็นอย่างนี้แล้ว ผมเลยไม่เอาเลย ผมรู้สึกว่าอาชีพนี้ทำไมมันบั่นทอนชีวิตครอบครัวเหลือเกิน
พอเราเริ่มเรียนหนังสือถึงชั้น ม.4-6 เริ่มมีแนะแนว ผมไม่เอาตำรวจเลยแล้วมีการเอาเตรียมทหาร มาเดินโชว์มาชวนเป็นนักเรียนเตรียมทหาร โอ้โห มันโคตรเท่ โคตรแอ็คเลย หน้าตอนเป็นท่อนไม้เลย แล้วถือกระเป๋าใบหนึ่ง เดินแอ็คอาร์ตเลย ไม่เอาเลย
พ่อรู้ทันใช้แหจับปลาล่อ
เพราะชีวิตติดแม่น้ำแม่กลอง บ้านติดแม่น้ำแม่กลอง อยู่ที่บ้านไร่ ตกวันเสาร์ อาทิตย์ ก็ไปหาปลาที่ทุ่งนา ไปหาปลาที่แม่น้ำ ชอบแบบนั้น แต่คุณพ่อก็รู้ว่าเรารักแม่น้ำ แต่อยากให้เราเป็นตำรวจ ก็บอกว่าจะให้แห ปากหนึ่ง ก็ไปสอบตำรวจ เพราะพี่น้องมี 4 คน เป็นคนเล็ก ไม่มีใครที่อยากรับราชการเลย
สอบตำรวจติดสัญญาว่าจะให้
แล้วคุณพ่ออยากให้เราไปสอบดูเพราะคุณพ่อเป็นตำรวจ พ่อมีคะแนนพิเศษตามกฎเกณฑ์ ใช่ไหมครับ ก็ไม่เอา ตำรวจ ทหาร ก็ไม่เป็น แต่พ่อบอกว่า ถ้าสอบติด พ่อจะให้แหปากหนึ่งเราก็บ้าทอดแหจับปลา ชอบตกปลาวางเบ็ด ก็เอาสิ ก็ไปสอบ ลองดู ไปสอบที่ ม.รามฯ หัวหมาก พูดกันตรงนี้เลยนะ 1.ไปทีหลังครับ เขาเริ่มสอบแล้ว 2.ทำข้อสอบเกิน เขาให้วง แต่ว่าทำไม่ทัน
เด็กบ้านนอก ไม่เหมือนเด็กกรุงเทพฯทำข้อสอบไป นั่งบวก ลบ คูณ หารเลข ออกมา พอประกาศผลสอบข้อเขียนออกมา เราสอบติดเฉยเลย ก็ผ่านทุกอย่าง ทุกสเต็ป จนมาเป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 25 อยู่มาถึงทุกวันนี้
ชีวิตพ่อทำให้ผูกพันระดับล่าง
คุณพ่อเสียไปเมื่อปี 2554 พ่อเสียไปผมยังไม่ได้แห เลย เพราะพ่อไม่มีเงินที่จะซื้อ แต่พ่อต้องการจะจูงใจเรา คุณแม่ก็เป็นแม่บ้าน อีก 2 ปีถัดมา คุณแม่ก็เสีย คุณพ่อเสียตอนผมเป็นรองผู้การคุณแม่เสียอีก 2 ปีถัดมา ผมเป็นผบก.อันนั้นคือชีวิตของผม ผมจึงมีความผูกพันกับระดับล่างมาก
อวยมดงานทำให้เติบโตมาได้
ดังนั้น ท่าน ผกก.เอง ก็มาจากรากหญ้าเหมือนกัน โทษนะครับ ระดับสัญญาบัตรอย่าโกรธนะครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่ให้ความสำคัญนะครับ เพียงแต่ว่าผู้ปฏิบัติระดับล่างนี่ ชั้นประทวนกับระดับสารวัตร นี่ เป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ท่านโตขึ้นมานะ ที่ทำให้ท่านโตที่ทำให้ผมโต ถึงบัดนี้
แต่ สว.และ รองผกก.ก็มีส่วนสำคัญในอีกบทบาทหนึ่งที่ผลักดันคนที่อยู่ในตำแหน่งที่เหนือขึ้นไปในอีกแบบหนึ่งในอีกบทบาทหนึ่ง
คลุกกับลูกน้องตั้งแต่เป็นผู้หมวด
แต่ไม่ว่าจะเป็น ผกก. รอง ผกก.หรือสว.ท่านใช้ประทวน กับ รอง สว.ทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครไม่ใช้ประทวน กับ รองสว.จงให้ความสำคัญกับระดับนั้น ผมให้ความสำคัญมากนะ ทุกอย่าง ผมทุ่มเทให้
เป็น รอง สว.สส.เมืองระยองไม่เคยมีเงินเก็บเลย หมดไปกับลูกน้อง กิน เที่ยว อยู่ด้วยกัน หมดไปด้วยกัน เขาไม่หมดด้วยหรอก ผมหมด ดังนั้นผมเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ ร.ต.ต.ครับ
แล้วทุกระดับที่ผมเป็น จะแทบไม่เคยมีเงินเก็บเลย ให้ลูกน้องหมด วันนี้คนนี้มากับผมบ่อย คนนี้ผมดึงมาวันนี้ แล้วได้เห็นในสิ่งที่เป็นตัวตนผมวันนี้ คือมีอะไรให้หมด ไม่เคยคิดจะเก็บไว้
ลั่นหันหลังให้วงการหลังเกษียณ
เกษียณแล้ว ต้องการเรื่องเดียวเลย ถ้าเกษียณแล้วนะครับ ออกจากวงการนี้แล้วหันหลังเลย ห้ามใครมายุ่งกับผมด้วย นั่นคือความปรารถนาที่ผมตั้งปณิธานไว้แล้วเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างออกจากแวดวงตำรวจคือหันหลังเลยไม่ยุ่งเลย จะไม่มีมาช่วยฝากคนนี้ขึ้นผกก.หน่อย เป็นลูกน้องเก่า ต้องไม่โกรธผม ผมคุยแล้วทุกคน บอกว่าอย่าโกรธผมนะ ผมจะหันหลังโดยสิ้นเชิงเลย
ยังงงได้มาเป็นถึง“พิทักษ์1”
คือยิ่งอยู่วงการ ยิ่งรัก เอาอย่างนี้ดีกว่า ยิ่งรักอาชีพนี้ เป็นโดยที่ไม่ได้คาดคิด แต่ก็เป็นมาจนถึงบัดนี้ ผมก็งงๆ ตัวเองเหมือนกันนะ ทุกวันนี้ เป็นมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นมาได้ไงวะ งงจริงๆ เวลาเดินไปเดินมา มาเรียกผมว่า ผบ.ผมไม่หันเลย เรียก ผบ.ผมก็งงๆ ตัวเอง มันรู้สึกแปลกๆ
อดีตได้ใกล้ชิดผบ.ตร.หลายท่าน
แต่อย่าลืมนะครับ ผมนี่ใกล้ชิด ผบ.มาเยอะมากนะครับ ตั้งแต่สมัยเป็นนายเวร แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดถึงขนาดว่ามาใกล้ชิด ผบ.ตั้งแต่เริ่มยุคที่เห็นนะครับ ท่านอดุลย์ แสงสิงแก้ว ท่านวัชรพล รักษาการ ท่านสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ท่านจักรทิพย์ ชัยจินดา ท่านสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ท่านดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ท่านต่อศักดิ์ สุขวิมล
ไม่เคยคิดมาถึงจุดนี้
ที่ผมเอ่ยนามมานี่ ผมเป็นตำรวจที่ใกล้ชิดผบ.เหล่านี้ แล้วได้เก็บเกี่ยวการทำงานของท่านมาโดยตลอดเลย แล้วก็ไม่เคยคิดหรอกครับ ว่าผมจะได้มาเป็นถึง รอง ผบ.ด้วยซ้ำไป
พอติด พล.ต.อ.ผมก็คิดว่า เด็กบ้านนอก เป็นถึงขนาดนี้มันเกินฝัน ไม่ใช่ความฝัน มันเป็นอะไรที่เกินไปกว่าที่เราจะไขว่คว้าแล้ว ผมเลยเป็น รอง ผบ.ที่นั่งทำงาน ออกไปตรวจเยี่ยม ให้เงินให้ทอง มีเท่าไหร่ให้หมดเอาไป ผมภูมิใจแล้ว
คิดตลอดจะทำอะไรเพื่อลูกน้อง
แล้วพอมาถึงจุดนี้ โอ้โห มันเป็นประวัติศาสตร์กับเกียรติภูมิของวงศ์ตระกูล ใช่ครับ เป็นจนที่บ้านก็ไม่เคยได้ไป ราชบุรี ก็ไม่ได้กลับไปเลย บ้านที่ระยอง จะ 2 เดือนแล้ว ยังแทบไม่ได้กลับเลย ไม่ได้ไปเลย ก้มหน้าก้มตาทำงาน วันๆก็ตื่นมาแล้วก็คิดงานแล้วก็ออกที่เบ้าตาเลย คิดอยู่อย่างนี้ว่าจะทำอะไรดี จะทำอะไรให้ลูกน้องโอ้โห คิดมากจริงๆ คิดแล้วต้องออกเป็นแนวทาง
กำหนดเวลา3ระยะดูผลสำเร็จ
ไม่อยากใช้คำว่าสั่ง เพราะสั่งเหมือนกับว่า สั่งแล้วถ้าไม่ทำ แล้วเรารู้สึกว่าเราต้องลงโทษ เอาเป็นว่าคิดแล้วให้เอาไปเป็นแนวทางจะดีกว่าเดี๋ยวพอผู้การครบ 15 ข้อ ที่เมื่อกี้โชว์ก็จะออกไปในรูปของคณะทำงาน เป็นชุดๆ เพราะผมต้องการดูความสำเร็จ1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน ดูซิ อันไหนที่มีคนทำสำเร็จ อันไหนที่ทำสำเร็จ เออเก่ง เราคิด คุณก็ทำ แล้วเราก็ช่วยเสริมให้
บางทีในงานคดีเอง อย่างคดี ดิไอคอน ผมก็คิด บริหารคดี บริหารการสื่อสาร คดีหมอบุญ คดีทนายตั้ม คดีร้านทอง ตั๊ก–เบียร์ คือเราต้องบริหารเรื่องแนวทางการทำงาน ลูกน้องเราเก่งครับ เก่งทั้งสอบ เก่งทั้งสืบ ผมสู้ไม่ได้หรอก แต่ผมจะต้องคิดในการบริหารคดี บริหารว่าจะตั้งยังไง จะทำยังไง จะทำสำนวนในทิศทางไหน ออกมาในรูปแบบยังไง เดินหน้ายังไง
ต้องไอโอผลงานและความดีลูกน้อง
บริหารสื่อ ว่าจะต้องออกสื่อยังไงไอโอ ยังไง นะครับ ทำงานแบบเงียบๆเรียบๆ ไม่ได้ ท่านจะต้องเอาความดีของลูกน้องเผยแพร่ เอางานออก ให้ประชาชน ให้สื่อเห็นว่าเราทำงาน เราเปลี่ยนไป เราเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงแล้ว เราก็เงียบๆทำไป สบายใจ ใช่ครับ ปิดทองหลังพระ เป็นเรื่องที่ดี ผมก็ทำอย่างนั้นมาตลอด แต่ผมคงไม่ให้ท่านทำอย่างนั้น
ให้เห็นว่าตำรวจเปลี่ยนเพื่อประชาชน
การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ท่านต้องเอาสิ่งเหล่านี้ให้สังคมรับรู้แต่ไม่ได้หมายความว่า ท่านต้องหิวแสง ท่านต้องการแสง เอาแต่สื่อสารกับสาธารณะ ไม่ใช่ แต่ต้องทำให้ชาวบ้านเขาเห็นว่า ตำรวจเปลี่ยนเพื่อพี่น้องประชาชน แล้วความรักความศรัทธา จะกลับมาโดยที่ท่านไม่รู้ตัวเลยจริงๆ ผมบอกได้เลยว่า ท่านจะไม่รู้ตัวเลย นะครับ
อยากให้นางรองเป็นต้นแบบ
แล้วนางรอง ก็จะเป็นที่ยอมรับของทุกส่วนราชการใน อ.นางรอง ทุกสถานีตำรวจ ท่าน ผบก.ท่าน รอง ผบช.และท่าน ผบช.ภ.3 เอง ท่านก็จะรู้สึกว่านางรอง เป็นต้นแบบ ในการเปลี่ยนแปลง ตามนโยบายของท่านผบ.ตร.ที่ต้องการเพียงเรื่องเดียว คือปรับมายเซ็ต อย่างอื่นจะกลับมาเองมายเซ็ต เป็นเรื่องที่ 2 เรื่องที่ 3 และเรื่องที่ 4-5 จะมาเอง เดี๋ยวท่านจะคิดได้เอง มันออกมาเอง
สัญญาจะเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี
ขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับ และรับฟังเรื่องของผม ครับ ขอบคุณ ขอบคุณนะครับ ที่เป็นผู้แทนมากล่าว ก็ทำให้ผมรู้สึกปลื้มใจ และดีใจว่าเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดีของทุกคน จะเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดีของทุกคน และจะไม่เอารัดเอาเปรียบทุกคน และจะไม่เอาความสุขของทุกคนมาใส่ตัวเอง จะทำทุกอย่างเพื่อทุกท่าน แล้วจะทำให้ทุกท่านเป็นคนของประชาชนให้ได้นะครับขอบคุณครับ
นับเป็นอีกหน้าในบันทึกประวัติศาสตร์ของโรงพักนางรอง ที่ พิทักษ์1-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ในฐานะผู้นำหน่วย เดินทางมาตรวจเยี่ยม พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์รวมทั้งความคาดหวังให้โรงพักนางรองกลายเป็นต้นแบบในโรงพัก “เปลี่ยนเพื่อประชาชน”
ได้ไม่ได้…รอชมกัน