กรมประมงหนุนยกระดับภาคเกษตรด้วยโมเดล BCG ยก “สาหร่ายทะเล”เป็นต้นแบบสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่าสร้างโอกาสให้ชุมชน
วันที่29ม.ค.68 นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และ นายบัญชา สุขแก้วอธิบดีกรมประมง มีนโยบายในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน(SDGs)
สอดรับกับหลักการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากด้านการเกษตรสู่มาตรฐานสูง เกษตรกรมีอาชีพ มีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยคำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน
ได้สนับสนุนให้เร่งส่งเสริมการผลิตและแปรรูปสาหร่ายทะเลเป็นอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ที่มีกระแสความนิยมบริโภคอย่างต่อเนื่องและผลผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เนื่องจากสามารถใช้ประโยชน์ได้ตลอดห่วงโซ่มูลค่าได้อย่างหลากหลาย
เช่น การผลิตอาหาร เครื่องสำอาง ยา อาหารสัตว์ และปุ๋ยเป็นต้น โดยปัจจุบันการเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลในประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 2567 ที่ผ่านมา มีปริมาณผลผลิตถึง1,031.31 ตัน มูลค่ากว่า 43,335,000 บาท
กรมประมงได้ร่วมมือกับ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) และสถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐเอกชน ส่งเสริมการศึกษา วิจัยเพื่อให้ เกษตรกรมีความรู้ในการเพาะเลี้ยงและแปรรูปผลิตภัณฑ์สาหร่ายทะเลชนิดต่าง ๆ
เช่น สาหร่ายผักกาด สาหร่ายพวงองุ่น ฯลฯ ในหลายพื้นที่ ภายใต้การดำเนินงานของกองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง และ กองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ
กรมประมง ซึ่งกำกับดูแลกิจกรรมนี้ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ ได้แก่โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างแบบผสมผสานตามพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จังหวัดเพชรบุรี และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งพังงา กระบี่ ภูเก็ต เป็นต้น
ได้สนับสนุนและพัฒนาองค์ความรู้ เทคนิค นวัตกรรม ทั้งการเพาะเลี้ยง การเก็บเกี่ยว การแปรรูปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์รวมถึงการตลาด และการเพิ่มมูลค่าอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปัจจุบันสามารถขยายผลส่งเสริมการผลิตและแปรรูปอย่างครบวงจรไปยังกลุ่มเกษตรกรจนประสบความสำเร็จในหลายพื้นที่
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนจันทราบุรี @ปากน้ำแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรีโดยประธานกลุ่ม คุณสภิดา ลิ้นทอง หนึ่งในกลุ่มเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงสาหร่ายและแปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเล และสาหร่ายพวงองุ่นเล่าว่า
กลุ่มฯ ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเพาะเลี้ยงและการแปรรูปสาหร่ายทะเล มาจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระ เบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี จึงได้นำความรู้ไปต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยศึกษาจากกระแสความต้องการของตลาดผู้บริโภค สามารถผลิตทั้งด้านอาหารและเครื่องสำอางได้มากกว่า 10 ผลิตภัณฑ์
เช่น สาหร่ายทะเลตากแห้ง บะหมี่สาหร่ายผักกาดทะเล บะหมี่สาหร่ายผักกาดทะเลพร้อมผงปรุง 6 รสชาติ ผักม้วนสาหร่ายผักกาดทะเล พาสต้าสาหร่ายผักกาดทะเลเซรั่มบำรุงผิวหน้าผสมสารสกัดจากสาหร่ายผักกาดทะเล แชมพู ครีมนวดผม เจลอาบน้ำ โลชั่นบำรุงผิวกายผสมสารสกัดจากสาหร่ายผักกาดทะเล เป็นต้น
และได้รับการผลักดันจากกรมประมง รวมทั้งสำนักงาน กปร. ทำให้ได้รับการรับรองมาตรฐานอาหารและยา (อย.)ทุกผลิตภัณฑ์เป็นแห่งแรก โดยวางจำหน่ายที่ร้านสิริพัฒนภัณฑ์ภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ และร้าน Fisherman shop @Bangkhen และยังอยู่ระหว่างดำเนินการจดสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้ ปัจจุบันสามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนมูลค่ากว่าหลายล้านบาทต่อปี สร้างความมั่นคงทางอาชีพให้กับชุมชนอย่างอย่างยั่งยืน และยังมีแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อส่งออกต่างประเทศในอนาคตอีกด้วย
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า จากความสำเร็จดังกล่าว กรมประมงจึงได้สนับสนุนให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนจันทราบุรี @ปากน้ำแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี เป็นต้นแบบการผลิตและแปรรูปสาหร่ายทะเลที่มีศักยภาพของประเทศเพื่อขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ
นอกจากนี้ ยังได้จัดอบรมเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรได้เข้าสู่มาตรฐานเพาะเลี้ยงสาหร่าย และการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ พร้อมส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มในรูปแบบของวิสาหกิจชุมชน หนุนการพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ชุมชุนมีความเข้มแข็งและยั่งยืน
อีกทั้งจะผลักดันการพัฒนาศักยภาพในการผลิตสินค้าประมงชนิดอื่น ๆ ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยใช้ “สาหร่ายทะเล” เป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนต่อไป