ปคม.จับกุมสาวโมเดลลิ่ง หลอกหญิงไทยไปทำงานประเทศเมียนมา สุดท้ายพาไปขายซ่อง แถมขู่ หากใครไม่ทำจะจับขังเดี่ยว
วันที่ 31 ม.ค.68 พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รรท.ผบก. ปคม., สั่งการ พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พ.ต.ท.วรพล เลิศวิริยะพงศ์ สว.กก.2 บก.ปคม. จับกุม น.ส.พิมพ์พิไล อายุ 24 ปี ข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ โดยการแสวงหาประโยชน์มิชอบ จากการบังคับค้าประเวณี”จับได้ที่ห้างสรรพสินค้า ย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร
สืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ทางการไทยได้รับรายงานจากสถานเอกอัศรราชทูต กรุงย่างกุ้ง ว่า ให้ความช่วยเหลือคนไทย 340 คน ออกจากพื้นที่การสู้รบในเมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมาเดินทางกลับประเทศไทย
เมื่อถึงประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ ได้คัดกรองคนไทยกลุ่มดังกล่าวที่อาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism- NRM)
พบว่ามีหญิงไทยถูกกลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันหลอกไปทำงานแล้วบังคับให้ค้าประเวณี มีข้อบ่งขี้เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
หลังจากสอบสวนพบว่า หญิงสาวไทยที่ตกเป็นเหยื่อ ได้หางานผ่าน TikTok หลังพบประกาศรับสมัครงานจาก น.ส.พิมพ์พิไล เปิดรับสมัครสาวสวยไปทำงานเป็นพนักงานต้อนรับในสถานบันเทิงที่กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา รายได้ดี
เมื่อมีผู้เสียหายสนใจ น.ส.พิมพ์พิไล จะพาเหยื่อไปที่ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา พบกับชายชาวจีนที่อ้างตัวเป็นโมเดลลิ่ง จากนั้นชายชาวจีนจะพาไปที่ตึกร้างนอกเมือง มีทหารคอยควบคุม แล้วบังคับให้ผู้เสียหายขายบริการทางเพศให้ลูกค้าชายที่เข้ามาใช้บริการ
เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมจะถูกแยกขังเดี่ยว และให้อดอาหาร หากต้องการให้ปล่อยตัวจะต้องนำเงินมาไถ่ 8 หมื่นหยวน หรือประมาณ 4 แสนบาท หลังจากนั้นยังมีการขายเหยื่อต่อไปอีก 2 ทอด จนเหยื่อได้มาทำงานในร้านคาราโอเกะในเมืองเล้าก่าย ประเทศเมียนมา และได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยให้เดินทางกลับประเทศไทย
หลังสืบสวนจนทราบกลุ่มผู้ต้องหา จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับ นางสาวพิมพ์พิไล กับผู้ร่วมขบวนการชาวจีน รวม 4 คน ในข้อหา “ร่วมกันค้ามนุษย์ โดยการแสวงหาประโยชน์มิชอบ จากการบังคับค้าประเวณี” และตามจับได้ดังกล่าว สอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ นำตัวส่ง กก.2.บก.ปคม.ดำเนินคดีต่อไป