วันที่5ก.พ.68 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช. สตม.,พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท. รรท. รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8 รรท.ผบก. สส.สตม.,
พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รองผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ช่วยราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญดังนี้
คดีแรก สตม. รวบหนุ่มแคเมอรูนหลอกขายดอลลาร์หวังเชิดเงิน
กก.1 บก.สส.สตม.จับกุมMR.TENKEU (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ชาวแคเมอรูน ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยรามคำแหง 22 ถนนรามคำแหง พร้อมของกลางเงินไทย 2,500บาทที่ใช้ล่อซื้อและเงินดอลล่าร์300ดอลล่าร์ของผู้ต้องหา
หลังสืบพบพฤติกรรมหลอกขายเงินดอลลาร์สหรัฐ เสนอขายผ่านเว็บไซต์ให้คนที่สนใจติดต่อซื้อ มีการโชว์เงินดอลลาร์สหรัฐฉบับของจริง เสนอขายฉบับละ100 ดอลลาร์ในราคาเพียง 20 ดอลลาร์
เมื่อมีคนสนใจจะติดต่อผ่านทางไลน์และจะส่งสินค้าที่เป็นรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐให้กับลูกค้าดู ถ้าลูกค้าต้องการจะให้โอนมัดจำก่อน 20 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อได้เงินแล้วจะหนีไป
เจ้าหน้าที่วางแผนให้สายลับแอดไลน์ ติดต่อล่อซื้อเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ต้องหาเสนอสายลับซื้อ100,000 ดอลลาร์สหรัฐ แลกกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ500,000 เหรียญ หรือประมาณ 17,000,000 บาท แต่ต้องโอนเงินมัดจำ 20 เปอร์เซ็นต์ (ประมาณ 700,000 บาท)เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ระบุชื่อ TENKEU JEXX JUXXX แต่สายลับไม่ตกลง ขอนัดพบกันเพื่อดูเงินดอลลาร์สหรัฐก่อนว่าเป็นของจริงหรือไม่ ก่อนคนร้ายหลวมตัวถูกจับกุมได้ในที่สุด
พฤติการณ์ของ MR.TENKEU เข้าลักษณะเป็นภัยต่อสังคม ผบก.สส.สตม. ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พร้อมขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร และจะผลักดันส่งกลับประเทศแคเมอรูนต่อไป
2. สตม.จับหัวหน้าแก๊งผิวสีหลอกขายเม็ดทองปลอมอาศัยทีเผลอสลับเงินปลอมกว่า1.1 ล.บาท
กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนาย Bobby (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ชาวไลบีเรีย ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ฐาน ลักทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป นำตัวส่งสน.ลุมพินี ดำเนินคดี
สืบเนื่องจาก กก.1 บก.สส.สตม. ตรวจพบสกู๊ปข่าว “เข้มข่าวค่ำ” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ PPTVและสกู๊ปข่าว “สนามข่าว เสาร์-อาทิตย์” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 7HD นำเสนอข่าวเกี่ยวกับมีผู้เสียหายร้องเรียนว่าเมื่อวันที่ 16 ม.ค.2567ถูกแก๊งคนต่างชาติชาวผิวสีหลอกให้ลงทุนซื้อขายทองคำ แล้วถูกแอบสลับเงินนำธนบัตรดอลลาร์สหรัฐปลอมมาแทนสูญเงินกว่า 1.1 ล้านบาท แจ้งความสน.ลุมพินี
ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ฐานลักทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป 2 ราย ได้แก่นายเจสัน และนายเควิน (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริงและสัญชาติ)
จากการสืบสวน กก.1 บก.สส.สตม. จับกุม นายเจสันหรือนายคานู(นามสมมติ) ชาวเซียร์ราลีโอน ตามหมายจับ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
และเพิกถอนวีซ่านายซีเซ่ (นามสมมติ) ชาวไลบีเรีย นำตัวส่ง สถานกักกันคนต่างด้าว กก.3 บก.สส.สตม.ส่วนนายเควินจะได้สืบสวนพิสูจน์ทราบว่าเป็นใครเพื่อติดตามจับกุมต่อไปนั้น
ต่อมารสืบสวนพบว่านาย Bobby (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ชาวไลบีเรียมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับนายเควินผู้ต้องหาตามภาพถ่าย ได้นำภาพถ่ายนาย Bobbyให้ผู้เสียหายดูและยืนยันว่าบุคคลตามภาพถ่ายเป็นคนเดียวกันกับนายเควิน ตัวการสำคัญในการหลอกขายเม็ดทองคำปลอมโดยทำหน้าที่เป็นคนนัดเจรจาซื้อขาย พาผู้เสียหายไปโรงหลอมเพื่อพิสูจน์เม็ดทอง
รวมทั้งเป็นคนบอกให้ผู้เสียหายแลกเงินดอลลาร์ไว้ซื้อขายเม็ดทอง และในวันซื้อขาย อยู่กับนายเจสันหรือนายคานูในการแอบสลับเงินจึงให้ชุดสืบสวนสืบสวนหาตัว กระทั่งทราบว่า นาย Bobby จะเดินทางไปในพื้นที่ ต.บางพระอ.ศรีราชา จว.ชลบุรี จึงนำกำลังไปตรวจสอบ จนพบนาย Bobby
จากการสอบถามไม่ยอมรับว่าภาพถ่ายตามหมายจับเป็นตนเองได้เชิญนาย Bobby มายัง กก.1 บก.สส.สตม.ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และติดต่อผู้เสียหายให้มาชี้ยืนยัน จึงได้ทำการจับกุมตามหมายจับนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินีดำเนินคดีตามกฎหมาย
3. สตม.ล็อกลุงมะกันหื่นOverstay พบ FBI ต้องการตัวคดีปล่อยภาพอนาจารเด็ก
กก.4.บก.สส.สตม. จับกุม นายเนกรี หรือ MR.NEGRI (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี ชาวอเมริกัน ข้อหาเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งสภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดี จับกุมได้ริมถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา หมู่ 8 ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา
ชั้นจับกุมได้ขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง เบื้องต้นไม่พบว่ามีและแจ้งว่าได้ส่งหนังสือเดินทางไปยัง สอท.สหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อขอออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่
เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมายังตม.จว.นครราชสีมา ตรวจสอบลายนิ้วมือในระบบ Biometric พบว่าชายดังกล่าวคือ นายเนกรี หรือ
MR.NEGRI (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี ชาวอเมริกัน ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดแล้ว ได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมดำเนินคดีดังกล่าว หลังจากคดีสิ้นสุด จะได้ดำเนินการผลักดันนายเนกรี หรือMR.NEGRI ให้เดินทางกลับไปยังสหรัฐอเมริกาต่อไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลกับสำนักงานสอบสวนกลาง สถานเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำประเทศไทยพบว่า นายเนกรี หรือ MR.NEGRI เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของมลรัฐจอร์เจีย และหน่วยงาน FBI ในคดีแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กและเผยแพร่ภาพอนาจารเด็กลงสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมลรัฐจอร์เจีย และ FBI ต้องการตัวกลับไปดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว
4.สตม.รวบ7เวียดนาม ลอบแปรรูปกัญชาขายยึดของกลางกว่า 300 กิโล
กก.2 บก.สส.สตม. จับกุมชาวเวียดนาม 7 คน คือ1. MR.ANH VU (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี 2. MR. MANH DUNG (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี 3. MR.TIEN DUY (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี 4. MR.LAM NHAT (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี5. MRS.THI LINH (สงวนนาม สกุล) อายุ 20 ปี 6. MR.MINH HIEU (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี7. MR.THANH HUNG (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี
ของกลางช่อดอกกัญชา 300.25 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 10,000 บาท รวมมูลค่า 3,002,500 บาท, เครื่องชั่งดิจิทัล 2 เครื่อง, เครื่องนับธนบัตร 1 เครื่อง, เครื่องซีลบรรจุภัณฑ์ 2 เครื่อง, เครื่องซีลสุญญากาศ 1 เครื่อง จับได้ที่บ้านพักในซอยลาดพร้าว 107 แยก 26 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
กล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นำตัวส่ง สน.ลาดพร้าวดำเนินคดีตามกฎหมาย
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากวันที่ 22 ม.ค.2568 กก.2 บก.สส.สตม.ได้รับการประสานจากกก.สส.ปป.บก.ตม.2 ว่าได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจาก MS.NGUYEN อายุ 27 ชาวเวียดนาม โดยการพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์มือถือของตนแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าด่านตม.ทอ.สุวรรณ ภูมิ บก.ตม.2ว่าไม่ประสงค์ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยการเดินทางในครั้งนี้ ได้เดินทางมาจากประเทศฟิลิปปินส์
สอบถาม MS.NGUYEN แจ้งว่าได้รับการชักชวนจากเพื่อนหญิงชาวเวียดนามใน Facebook ชื่อ sam ทราบภายหลังว่า
ชื่อ MS.LUONG ชักชวนให้ไปเที่ยวที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ภายหลังทราบว่าเป็นการหลอกลวงให้ไปทำงานเกี่ยวกับพนันออนไลน์ มีหน้าที่แปลภาษาเวียดนามเป็นภาษาอังกฤษ
ในการเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด7 คน เป็นคนสัญชาติเวียดนาม 5 คน ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และคนจีน 2 คน ได้แก่MR.PENG (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี และ MR.JUNJIAN (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี
คนจีนทั้ง 2 คนนั้น เป็นคนจัดการเรื่องการจองตั๋วเครื่องบินจากเวียดนามไปยังกรุงมะนิลา ต่อมา MS.NGUYEN แจ้งกับ
เจ้าหน้าที่ว่าขณะที่ตนพร้อมเพื่อนชาวเวียดนามทั้งหมด อยู่ที่กรุงมะนิลา MR.JUNJIAN ได้ยึดหนังสือเดินทางของพวก
ตนไว้ จะให้พวกตนถือหนังสือเดินทางต่อเมื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่เท่านั้น
ต่อมาตนและเพื่อนชาวเวียดนาม ทราบจากการพูดคุยว่าคนจีนทั้งสองคน จะนำพวกตนไปส่งขึ้นรถตู้ที่เตรียมไว้ไปส่งที่ อ.แม่สอด จว.ตาก ข้ามฝั่งไปยังประเทศเมียนมา เมื่อทราบดังนั้นจึงตัดสินใจพิมพ์ข้อความขอความช่วยเหลือจากหน้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าตรวจสอบพบว่า MR.MANH DUNG ได้รับการตรวจอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว และยังไม่ทราบถึงความปลอดภัยดีหรือไม่เนื่องจากMR.MANH DUNG ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานที่ ประเทศฟิลิปปินส์ เช่นกัน
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าอีกเมื่อวันที่ 22 ม.ค.2568 เวลาประมาณ 03.10 น. รถแท็กซี่สีเขียวได้ไปส่ง MR.MANH DUNG ที่บ้านหลังหนึ่งในซอยลาดพร้าว 107 แยก 26 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เป็นบ้านสองชั้น เนื้อที่100 ตรว. มีรั้วรอบขอบชิด กก.2 บก.สส.สตม. ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นจากศาลอาญา
พบ MR.ANH VU เป็นผู้ครอบครองบ้าน ภายในบ้านยังพบ
MR.MANH DUNG ที่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ MR.TIEN DUY, MR.LAM NHAT, MRS.THI
LINH, MR.MINH HIEU, MR.THANH HUNG และพบช่อดอกกัญชา ไม่สามารถระบุสายพันธุ์ 300.25 กิโลกรัม
พร้อมของกลางอีก 4 รายการ
ได้ประสานไปเจ้าหน้าที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ตรวจสอบช่อกัญชาดังกล่าว โดย MR.ANH VU ได้นำใบอนุญาตให้จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้ามาแสดง
เจ้าหน้าที่ฯตรวจสอบ พบว่าเป็นใบอนุญาตให้จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า โดยผู้รับใบอนุญาต ได้แก่บริษัท ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ 11 ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี ใบอนุญาตฯดังกล่าวมีเลขที่ตั้งไม่ตรงกับบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงจับกุมทั้ง 7 คน ดำเนินคดีข้อหาดังกล่าว