กองปราบเปิดปฏิบัติการบุกทลายเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ SBOBET ต้นเหตุทำ “อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ติดพนันงอมแงม จนต้องก่อเหตุหลอกลวงเงินผู้คน หลังพบนำเงินเหยื่อไปเล่นผ่านเว็บดังกล่าวกว่า 90 ล้านบาท
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 มี.ค.68 ที่ ห้องแถลงข่าวชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. และ เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป.
ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “ตี่ลี่ ภาค 2 เซียนพนัน VIP ถังแตก ทลายเครือข่ายเว็บพนัน SBOBET” หลังพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1.บก.ป. พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา ,พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รอง ผกก.1 บก.ป. นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด
เป็นบ้านหรู ซอยเอกชัย 102/3 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร จับกุม นายธนะพัฒน์ อายุ 58 ปี เอเย่นต์ เว็บไซต์พนันออนไลน์ SBOBET พร้อมทีมงานบริหารจัดการเว็บ ,แอดมิน ,บัญชีม้า
บ้านใน ซ.อนามัยงามเจริญ 14 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ของนายคมสันต์ อายุ 39 ปี คนใกล้ชิดนายธนะพัฒน์ เจ้าของบัญชีรับแทงพนัน และทำหน้าที่ถอนเงินให้กับเจ้าของเว็บ
นอกจากนี้ยังจับบุคคลที่ได้รับผลประโยชน์ และตรวจค้นที่บ้านที่ ถนนเลียบด่วนลำลูกกา ม.1. ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปุมธานี บ้านของนายนายอนุพงษ์ อายุ 39 ปี เจ้าของบัญชีรับแทงพนัน และ น.ส.นันทัชพร อายุ 31 ปี เจ้าของบัญชีรับแทงพนัน ทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้เจ้าของ เว็บไซต์
นอกจากนี้ยังจับเจ้าของบัญชีรับแทงพนัน อีก 8 ราย รวมทั้งอายัดตัวผู้ต้องที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจากคดีอื่นอีก 1 ราย รวมจับกุมทั้งสิ้น 13 ราย
พร้อมกันนี้ยังได้ตรวจยึดของกลาง หลายรายการประกอบด้วย เงินสด 7 ล้านบาท รถยนต์ BMW X3 จำนวน 1 คัน รถยนต์ Toyota Alphard 1 คัน รถยนต์มิซูบิชิ ปาเจโร่ 1 คัน ตุ๊กตาแบร์บริค 5 ตัว พระเครื่อง 132 องค์ นาฬิกาหรู 3 เรือน รถจักรยานยนต์ 1 คัน อาวุธปืน 2 กระบอก
โทรศัพท์มือถือ 18 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก รวม 49 เล่ม คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ไอแพด 3 เครื่องเครื่องนับเงิน 1 เครื่อง เอกสารฝาก-ถอนเงิน และ เอกสารประกอบหลักฐานอื่นๆ อีกจำนวนมาก รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดกว่า 20 ล้านบาท
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการขยายผลต่อเนื่องมาจากคดีจับกุม นายธนวันต์ จิรเจริญเวศน์” หรือ “อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ซินแสชื่อดัง เมื่อช่วงปลายปีก่อน ที่ก่อเหตุหลอกลวงเงินผู้คน เพื่อติดตามสืบทรัพย์กลับมาคืนให้กับผู้เสียหาย 117 ราย ที่ถูกหลอกเงินไปรวมกว่า 130 ล้านบาท
“จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า หลัง “อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ได้เงินจากผู้เสียหายมาแล้ว นำไปเล่นพนันออนไลน์ผ่านเว็บพนันเว็บหนึ่ง เป็นเว็บสาขา หรือ เว็บเฟรนไชส์หนึ่งที่แตกย่อยมาจาก SBOBET เว็บพนันชื่อดังของต่างประเทศ ใช้เวลาสืบสวนขยายผลต่อเนื่องนานกว่า 2 เดือน จนทราบว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของ หรือ เอเย่นต์เว็บพนันสาขาหรือเฟรนไชส์ดังกล่าว คือ นายธนะพัฒน์
เร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับนายธนะพัฒน์ และ กลุ่มคนที่ทำหน้าที่เป็นแอดมิน เจ้าของบัญชีม้า หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรวม 13 ราย จนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำผิดมูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาท ในจำนวนนี้ยังมีทรัพย์สินที่เป็นพระเครื่องอีกหลายองค์ที่ยังอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่า”
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับเว็บพนันสาขาที่ นายธนะพัฒน์ เป็นเอเย่นต์ ตรวจสอบพบว่า ประมาณ 3-4 เว็บไซต์ เปิดมานานกว่า 10 ปี มีเงินหมุนเวียนกว่า 1,600 ล้านบาท
ส่วนที่สามารถลักลอบเปิดมาได้นานกว่า 10 ปี เป็นเพราะว่าเจ้าตัวเป็นคนระมัดระวังตัว วางแผนบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ เห็นได้ชัดจากการที่กลุ่มลูกน้องหลายรายเคยถูกจับกุมตัวดำเนินคดีแต่ยังไม่สามารถสาวไปถึงตัวนายธนะพัฒน์ ได้ จนกระทั่งมาถูกจับกุมในคดีดังกล่าว จากการสอบปากคำนายธนะพัฒน์ และ พวก ทั้งหมดให้การปฏิเสธ
ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ในส่วนคดีของ “อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” พบว่า มีผู้ตกเป็นเหยื่อทั้งหมด 117 ราย ความเสียหาย 130 ล้านบาท แต่จากตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า “อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” นำเงินที่ได้มาจากผู้เสียหายไปเล่นพนันผ่านเว็บพนันออนไลน์ของนายธนะพัฒน์ กว่า 90 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้เคยตรวจยึดทรัพย์สินของ “อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” เป็นรถยนต์ 4 คัน แต่ปรากฎว่าขาดทอดตลาดได้เพียงบางส่วนเพราะส่วนใหญ่เป็นรถที่เช่ามา จึงต้องขยายผลต่อเพื่อติดตามทรัพย์สินมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย
“เฉพาะทรัพย์ที่ยึดได้จากกลุ่มเว็บพนันออนไลน์ของ นายธนะพัฒน์ ที่หลังจากนี้จะมีการหารือร่วมกับทาง ปปง. เพื่อพิจารณายึดทรัพย์มาเฉลี่ยคืนให้ผู้เสียหายในคดีของ “อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” เพราะเป็นคดีเกี่ยวพันต่อเนื่องกัน และมีหลักฐานความเชื่อมโยงของเส้นทางการเงินอย่างชัดเจน” รอง ผบก.ป. กล่าว