Thursday, March 6, 2025
More
    Homeข่าวเด่นรอบวัน”จเรหวาน“ลั่นระเบิดสะพานโจรทำลาย3เสาหลักแก๊งคอลได้ต่อเนื่องเพราะ2นรม.

    ”จเรหวาน“ลั่นระเบิดสะพานโจรทำลาย3เสาหลักแก๊งคอลได้ต่อเนื่องเพราะ2นรม.

    จตช.ลั่นกวาดล้างให้สิ้นซากคนไทยขายชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดำเนินคดีข้อหาหนัก100 ไทยเทา

    เวลา 09.00 น.วันที่ 5 มีนาคม 2568 พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศตคม.ตร.)

    พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) , พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.หญิง สุเจตนา โสตถิพันธุ์ ผบก.ศพฐ.1 , พล.ต.ต.ฉัตรชัย นันทมงคล ผบก.ศพฐ.2 , พ.ต.อ.วราวุฒิ เจริญชล รอง ผบก.สส. ภาค 2 และพ.ต.อ.ชัยรัตน์ วรุณโณ รอง ผบก.สอท.2

    แถลงผลคดีสำคัญในกรณีที่คนไทยถูกจับกุมโดยตำรวจกัมพูชาในการกระทำความผิดอาชญากรรมทางด้านเทคโนโลยีที่ประเทศกัมพูชาแล้วส่งตัวกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568 จำนวนทั้งสิ้น 119 คน ตามความต้องการของไทยที่ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้ไปหารือกับทางตำรวจกัมพูชา ในการร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขอทางประเทศกัมพูชาส่งตัวคนไทยให้มาลงโทษตามกฎหมายไทย

    ในการจับกุมคนไทยโดยทางการกัมพูชาในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทย น.ส. แพทองธาร ชินวัตร และนายกรัฐมนตรีฮุน มาแณต ของประเทศกัมพูชา ในการร่วมมือกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราบปรามคนไทยที่ไปตั้งฐานร่วมกับชาวต่างชาติ กลุ่มทุนจีนสีเทา ในเขตประเทศกัมพูชาแล้วมาหลอกลวงคนไทย สร้างความเสียหายกับประเทศไทยและประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก

    คนไทยจำนวน 119 คนได้ถูกทางการกัมพูชาจับกุมในเมืองปอยเปต เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องมาวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ทางการกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์และมีการออกข่าวหนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษ ยืนยันว่าทุกคนสมัครใจที่จะเข้าร่วมกระทำความผิด ไม่มีถูกบังคับ

    เมื่อทั้งหมดถูกส่งตัวกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568 ตามกฎหมาย ทั้งหมดได้ถูกนำเข้ากระบวนการคัดกรองคัดแยกเหยื่อโดยสหวิชาชีพที่จังหวัดสระแก้ว

    ที่ผ่านมาในกรณีเช่นนี้ทางการกัมพูชาได้ส่งตัวคนไทยที่กระทำผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาประเทศไทยหลายครั้ง แต่ทางกระบวนการคัดแยกคัดกรองเหยื่อไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ว่าบุคคลเหล่านี้ได้กระทำผิดเหล่านั้นจริง เนื่องจากพยานหลักฐานต่างๆ อยู่ในประเทศกัมพูชา ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้กลับไปร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกคนไทยซ้ำแล้วซ้ำอีก

    รวมทั้งทำให้มีคนไทยขายชาติอีกจำนวนมากได้เดินทางข้ามไปยังประเทศกัมพูชาร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นชาวต่างชาติ กลุ่มจีนเทา มาหลอกลวงคนไทยในวงกว้าง เพราะเมื่อไปทำความผิดแล้ว สามารถจะใช้ช่องทางการตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์กลับมาประเทศไทยได้โดยอิสระไม่ต้องถูกดำเนินคดี ในการแก้ไขปัญหานี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย

    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้อนุมัติให้กำลังพลมากกว่าร้อยนายที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสืบสวนจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , ตำรวจภูธรภาค 2 และสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ

    เข้ามาร่วมในการสืบสวนขยายผลพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีคนไทยทั้ง 119 คน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่

    การคัดแยกเหยื่อโดยสหวิชาชีพและการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ใน 119 คน มีคนที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวน 100 คน  เป็นเด็กและเยาวชน 4 คน อยู่ระหว่างการดำเนินการของสหวิชาชีพ และอีก 15 คนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป

    ศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับจำนวน 102 คน โดยเป็นคนไทย 100 คน และขยายผลไปยังหัวหน้าแก๊งชาวจีนอีก 2 คน ในข้อหา “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็น อั้งยี่, ซ่องโจร, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือ ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ตามคำร้องขอของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568

    จากการสัมภาษณ์และคัดแยกกลุ่มตามสถานที่ที่บุคคลเหล่านี้ไปทำงานในประเทศกัมพูชา พบว่าคนไทยที่ทำงานที่ตึกภูมิตาสวน สามารถออกหมายจับคนไทย 100 ราย และบอสชาวจีน 2 ราย ในการหลอกลงทุนเทรดหุ้น โรแมนซ์สแกม เว็บพนันออนไลน์ การหลอกเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าและกรมที่ดิน ส่วนอาคาร K2 พบคนไทย15 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป

    ทั้งนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีฮุน มาแณต ของกัมพูชา ที่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สามารถดำเนินคดีในข้อหาหนักกับคนไทยที่ไปร่วมกับชาวต่างชาติตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทยในประเทศกัมพูชา ที่มีโทษสูงสุดถึง 15 ปี

    จากนี้ไป จะไม่มีพวกกลุ่มคนไทยขายชาติใช้ช่องทางการตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์เพื่อหลบหนีการกระทำความผิดอีกต่อไป และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเอาตัวคนไทยขายชาติเหล่านี้มาลงโทษในประเทศไทยในข้อหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและความผิดอื่นทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดและถึงที่สุดทุกคน

    ต่อจากนี้ ถ้ามีโทรศัพท์ หรือข้อความจากกลุ่มคนไทยขายชาติพยายามมาหลอกลวงท่านใด ให้ช่วยบอกคนไทยขายชาติเหล่านั้นระวังตัวให้ดี ตำรวจจะไปเอาตัวมาลงโทษอย่างสาสมเหมือนอย่างเช่นคดีคนไทย 119 คนนี้

    สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการยุทธการระเบิดสะพานโจรอย่างจริงจังและต่อเนื่องในการทำลาย 3 เสาหลักของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้แก่ สัญญาณโทรศัพท์เน็ต บัญชีธนาคาร คนที่กระทำความผิด และคนไทยขายชาติ

    วันนี้เสาที่ 3 ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยขายชาติได้ถูกตัดขาดโดยการดำเนินคดีข้อหาหนัก ในข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติและความผิดที่เกี่ยวข้อง การทำลาย 3 เสาหลัก ทั้ง 3 เสานี้จะทำอย่างต่อเนื่อง จริงจัง จนกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะหมดไปจากประเทศไทย ตามนโยบายของรัฐบาล โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments