แฟ้ม(ไม่)ลับสีกากี โดย สมถวิล
หน้าที่ 29 “รองเร” ชีวิตเปลี่ยนจากเด็กถูกรังแกมาเป็นตำรวจรับใช้มวลชน
พันตำรวจโทเรวัช ราชสังข์ หรือรองเร อายุ 49 ปี นายตำรวจรุ่นใหญ่พื้นเพเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช
จบการศึกษามัธยมปลายจากโรงเรียนในนครศรีธรรมราช เข้ามาเรียนและแสวงโชคในกทม. ต่อมาเมื่อปี 2534 มีโอกาสสอบเข้าเป็นนักเรียนพลตำรวจ (บางเขนในขณะนั้น) รับราชการครั้งแรกที่กองกำกับการปราบจลาจล กองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ (ในขณะนั้น) ต่อมาได้ย้ายมารับราชการที่ สถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้ทำหน้าที่ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ เข้าชุมชน เป็นวิทยากรบรรยาย อบรม ให้ความรู้ ด้านยาเสพติด การสังเกตจดจำอาชญากรรม ตลอดจนอาชญากรในรูปแบบต่างๆ ได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับพันตำรวจเอกนพดล เพ๊ชรสุทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น (ด้านมวลชนสัมพันธ์) และระหว่างรับราชการได้มุ่งมานะศึกษาจนจบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาเกษมบัณฑิต และได้สอบบรรจุเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร
ส่วนเส้นทางการเดินทางบนสายสีกากีของรองผู้กำกับการสืบสวนนั้น เริ่มจากได้บรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง ต่อมาโยกมาเป็นรองสารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน จากนั้นได้โยกมาเป็นสารวัตรธุรการสถานีตำรวจนครบาลบางโพ และโยกกลับมาเป็นสารวัตรธุรการ สถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน จนกระทั่งปัจจุบันเป็นรองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลคลองตัน จับกุมผู้ต้องหาแก๊งต่างๆ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบย่านคลองตันและใกล้เคียง
“สังคมปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าไปมาก อาชญากรรมก็เช่นกัน มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น อาชญากรใส่สูทก็มีเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ตำรวจจึงต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ในทุกๆด้านทั้งการบังคับใช้กฎหมาย ยุทธวิธีและเทคนิคในการสืบสวนติดตามคนร้ายจึงต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตำรวจในยุคปัจจุบันจึงต้องตื่นตัวเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้อย่างมีประสิทธภาพ”
ส่วนนายตำรวจที่ประทับใจหรือเป็นตำรวจต้นแบบคือ พันตำรวจเอกนพดล เพ็ชรสุทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครภูธรจังหวัดขอนแก่น เนื่องจากท่านเป็นครูด้านงานมวลชนคนแรกที่สอนมุมมองของความทุ่มเทและเทคนิคด้านการงานมวลชน
อุดมคติประจำใจ :” ทำดีแม้ไม่มีใครเห็นก็ต้องทำ”