ตำรวจ ปอศ. รวบยกแก๊งไฮโซเก๊หลอกลงทุน อ้างโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอผลตอบแทนสูง 20 เท่า เสียหายกว่า 13 ล้านบาท
วันที่ 28 พ.ย.68 พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ. นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุดในพื้นที่ จ.ขอนแก่น, อำนาจเจริญ, อุบลราชธานี, ปทุมธานี, นนทบุรี และ กรุงเทพมหานคร เพื่อกวาดล้างจับกุม แก๊งสแกมเมอร์หลอกลงทุน
จับกุม นายอธิณัฏฐ์ อายุ 57 ปี พร้อมพวกรวม 6 คน ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ”
ตรวจยึด โทรศัพท์ 8 เครื่องโน้ตบุ๊ค 3 เครื่อง แท๊ปแล็ต 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 22 เล่ม เอกสารการเงินสมุดใบมอบอำนาจจากต่างประเทศ 33 เล่ม เอกสารการปลดอายัดเงิน มูลค่า 783,800,000 USD ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีลายเซ็น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ 1 ฉบับ
สืบเนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ร่วมกันตั้งกลุ่มแก๊ง ตระเวนจัดงานชักชวนระดมทุนตามโรงแรมในต่างจังหวัดต่างๆ อ้างตัวเป็นนักธุรกิจใหญ่ไฮโซ เจ้าของกองทุนน้ำมันประเทศไนจีเรีย มีโครงการจะนำเงินกองทุนน้ำมันเข้ามาประเทศไทย ต้องการระดมทุนเพื่อดำเนินโครงการ หากทำสำเร็จจะได้รับผลตอบแทนจำนวนมหาศาลสูงถึง 20 เท่าของเงินลงทุน ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือน
นอกจากนี้ยังนำเอกสาร รับรองเอกสารการปลดอายัดเงิน มูลค่า 783,800,000 USD ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปรากฎลายเซ็น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์, หนังสือรับรองความเป็นเจ้าของทองคำทั่วโลก มีลายน้ำต้องใช้ไฟฉาย ชนิดพิเศษส่องถึงจะเห็น
เอกสารรับรองจากธนาคาร HSBC ประเทศจีน ซึ่งแสดงยอดเงิน 9 แสนล้านเหรียญ ดอลลาร์สหรัฐ มาแสดงให้ดูเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ มีผู้หลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนด้วยเป็นจำนวนมาก รวมเป็นเงินกว่า 13 ล้านบาท
เมื่อถึงกำหนดระยะเวลาจ่ายผลตอบแทน กลุ่มผู้ต้องหาก็จะเริ่มออกลายบ่ายเบี่ยง ไม่จ่ายผลตอบแทน อ้างเหตุขัดข้องต่างๆ จนผู้เสียหาย เกิดความสงสัย นำเอกสารที่กลุ่มผู้ต้องหาเคยแอบอ้างว่าเป็นเจ้าของกองทุนน้ำมัน ส่งไปตรวจสอบที่สถานทูตไนจีเรีย จึงทราบว่า เป็นเอกสารปลอมทั้งหมด
ตัดสินใจรวมตัวเข้าแจ้งความไว้ที่ กก.4 บก.ปอศ. จนกระทั่งมีการออกหมายจับและนำมาสู่การตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 รายนี้ พร้อมตรวจยึดเอกสารต่างๆได้ดังกล่าว
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธแต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา พบว่ามีบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้อง 22 บัญชี มีเงินหมุนเวียนในกลุ่มผู้ต้องหากว่า 150 ล้านบาท
หลังจากที่กลุ่มผู้ต้องหาได้รับเงินจากกลุ่มผู้เสียหาย จะโอนเงินต่อเป็นทอดๆในกลุ่มผู้ต้องหา ปลายทางของเงินส่วนใหญ่ที่ได้รับมาจากกลุ่มผู้เสียหาย ถูกแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล อยู่ระหว่างขยายผลกับผู้เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับในส่วนของเอกสารหน่วยงานรัฐ ซึ่งปรากฏลายมือชื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้นำส่งตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป


























