เดอะหนุ่ม-พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ รองผบช.ก.
เป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นของผู้เป็นพ่อ พล.ต.ต.ชาญชัย ศิริสิทธิ์ นรต.8 อดีตลูกหม้อกองปราบฯ ตั้งแต่ สว.ผ.4 กก.2 ป.รองผกก.2 ป. ผกก.2 ป.จนเป็น รองผบกป. ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเสียชีวิตเป็น ผบก.อก.บชน.
เมื่อลูกชายคนหัวปีของผู้การชาญชัย ไม่อยากเป็นตำรวจ ที่เหลือก็เป็นลูกสาวอีก 3 คน อภิชาติ คนสุดท้อง เลยต้องทำตามที่พ่อขอ
หลังจบสวนกุหลาบ รุ่น 96 แต่จะสนิทกับรุ่น 97 เพราะติดเล่นตามประสาเด็กผู้ชาย ไปจบรุ่นเดียวกับเขา ก่อนเข้าสอบนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36
บรรจุครั้งแรกเป็น รอง สว.ที่ สภ.เมืองชัยนาท แล้วมาอยู่สมุทรปราการ ย้ายเข้านครบาล เป็นรอง สว.สอบสวน ที่ สน.บางโพงพาง ก่อนข้ามบช. มาอยู่ แผนก 4 กอง 2 กองปราบปราม ถิ่นเก่าที่ผู้พ่อเคยสร้างชื่อ
เป็น รอง สว.อยู่ 5 ปี ขึ้น สว.อยู่ปราบปรามยาเสพติด 3 ปี ย้ายกลับมาเป็น สว.กองเศรษฐกิจ แล้วไปขึ้น รอง ผกก.2 กองปราบ ขึ้น ผกก.ที่กองกำกับการ 2 ตำรวจน้ำ ชลบุรี ผกก.2 ป่าไม้ ผกก.ท่องเที่ยว เชียงใหม่
แล้วกลับมาเป็นรองผู้การกองปราบ ขึ้นผู้การที่จเร ผู้การ จ.เพชรบูรณ์ สุดท้าย ย้ายกลับมาขึ้น รองผบช.ก.
ถามถึงเขี้ยวเล็บที่ใช้ติดตัว รองหนุ่มเล่าว่า
ปืนกระบอกแรกที่ใช้ เป็นปืนมรดกพ่อ เป็นปืน Smith@Wesson. 357 ขนาด 4 นิ้ว Model 66 พ่อให้ตอนเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ตอนนั้นพ่อยังไม่เสีย ก็โอนให้เราใช้อยู่ประมาณ 3-4 ปี
พอมาอยู่กองปราบ ก็เอากระบอกพ่อเก็บ เป็นจังหวะพี่เปี๊ยก-พรชัย ปิณฑคุปต์ แนะนำ เป็นปืน .357 ลูกโม่เหมือนกัน แต่ลำกล้อง 2 นิ้วครึ่ง สั้นกว่าเดิม พกนอก พกในสะดวก ลองยิงแล้วความแม่นยำสูง ก็เลยใช้ประจำกายมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
อีกอย่าง ปืนที่สามารถใช้ยิงฉับพลันได้เร็วที่สุด คือปืนลูกโม่ เพราะถูกฝึกมาสมัยอยู่โรงเรียนนายร้อย ไปทำงานจะพกกระบอกนี้ คือใช้ในการป้องกันตัว ไม่ได้ใช้ยิงใคร
เพราะฉะนั้น สมรรถนะที่ตรงกับวัตถุประสงค์จริงๆ คือชักมาแล้วยิงได้เลย ก็จะใช้ลูกโม่ เพราะชักมาแล้วเหนี่ยวไกได้เลย และสองข้อจำกัดในการทำงานของปืนไม่มี เพราะลูกโม่มันเหนี่ยวไกแล้วนกสับ
ไม่เหมือนปืนออโตเมติกที่เราต้องขึ้นลำ แต่ก็อันตราย มีโอกาสลั่นได้ถ้าเราประมาท จะไม่ค่อยเอามาใช้ในการต่อสู้ฉับพลัน เว้นแต่ว่าจะเข้าทำงานแล้วขึ้นลำไว้
แต่ทั้งนี้ทั้งนี้ เสร็จงานแล้วจะปลดกระสุนออก เซฟเพื่อความปลอดภัย การที่จะใช้ปืนออโตเมติก มันต้องคนที่เอาใจใส่
ชีวิตพี่เลยจะอยู่กับปืนลูกโม่จะใช้ .357 อยู่ตลอด ก็มีประสบการณ์ไปจับ ก็ได้ใช้บ้าง
สมัยอยู่กองปราบฯ ปลอมเป็นเสี่ยไปล่อซื้ออาวุธสงคราม ก็ใช้กระบอกนี้ แต่มันไม่สู้ เราก็ไม่ยิง มันขับรถ เรานั่ง คือเราเป็นตำรวจจะไปไล่ยิงซี้ซั้ว หรือว่าอุ้มคนไปยิง แบบนี้เราไม่ทำ
คือต้องจำเป็นจริงๆ เห็นว่าเป็นภัยใกล้ตัว เป็นคนร้ายสำคัญ สู้แน่ ถ้าแบบนี้ก็ต้องสู้กัน
แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้สู้นะ ถ้าเราไปทำงาน เราก็ต้องมีปืน เพราะเราไม่รู้ว่าคนร้ายมีหรือไม่มีปืน ถ้ามี เราก็ต้องป้องกันตัว
แล้วเป็นตำรวจจะไปยิงอะไรหลายนัด ไม่ใช่คาวบอยขี่หลังม้าแล้วไล่ยิงกัน เต็มที่ก็สองนัดสามนัด
ทุกวันนี้ พี่ก็ซ้อมยิงอยู่ตลอด ไปยิงที่ราชสวัสดิ์ของกองปราบฯบ้าง สนามที่สโมสรตำรวจบ้าง
แล้วเคยได้เหรียญของการต่อสู้ภายใต้สภาวะกดดันของกองปราบ ที่คนเขาบอกว่ายาก พี่ก็ผ่านมา สมัยเป็น ร.ต.ท. หรือ ร.ต.อ.
ปืนยาวก็มี เป็นปืนส่วนตัวของพี่ใช้ไรเฟิล.308 ยี่ห้อคิมเบอร์ ก็ไปยิงที่ค่ายนเรศวร แล้วเพิ่งไปฝึกมาเมื่อปี 2559 เป็นหลักสูตรของ ผบ.จักรทิพย์ พาคอมมานโดไปฝึก เราก็ฝึกไปด้วย เพราะถึงจะหมดสมัยเราเข้าไปชนด้วยตัวเองแล้ว
แต่ไปฝึกเพื่อเรียนรู้การปฏิบัติการของหน่วยหลักว่าเขาทำงานยังไง ออกคำสั่งยังไง รับคำสั่งยังไง ยุทธวิธีในการทำงานของเขาเป็นอย่างไรบ้าง
หลักการใช้ปืนก็ใช้หลักทั่วไปของความปลอดภัย คือถ้าไม่จำเป็น ก็อย่าใช้ ไม่จำเป็นก็อย่าหันกระบอกปืนไปที่คน ถ้าไม่พร้อมยิง ก็อย่าเอานิ้วเข้าโกร่งไก
โรนิน 15/9/61