วันเดย์ทริป วิถีสโลว์ไลฟ์ ‘นั่งรถไฟลอยน้ำ’ เช็กอินเขื่อนป่าสักฯ
วันเดย์ทริปกับวันหยุดชิลๆลั้นลา พาไปสโลว์ไลฟ์กันบนม้าเหล็ก ฉึกฉักๆ ถึงก็ชั่ง..แต่งานนี้ไปไม่ถึงไม่ได้นะจ๊ะ ปู้น..ปู้น..
ทริปสุดพิเศษ “นั่งรถไฟลอยน้ำ” เที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทริปที่การรถไฟแห่ง’ประเทศไทยจับมือกับ จ.ลพบุรี จัดเดินขบวนรถเที่ยวพิเศษ“ตามรอยพระบาทเที่ยวชมเขื่อนของพ่อ” ในช่วงสั้นๆ เดือนพ.ย.–ม.ค.ของทุกปี
จะเรียกว่าเป็นทริป Unseen Thailand ก็ไม่ผิด เพราะงานนี้จะขับรถเก๋ง จับรถบัส นั่งเครื่องบิน หรือจะล่องเรือ ก็ไปไม่ถึงจุดชมวิวสุดว้าววว
เพราะทุกคนต้องนั่งรถไฟไปเท่านั้น อยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องไปตำกันค่ะ
เริ่มจากจองตั๋วรถไฟกันก่อน ขอบอกว่ารีบๆกันหน่อยนะคะ เพราะเป็นทริปสุดฮอตคิวยาวเหยียด
ถ้าอยากไปแนะนำให้วางแผนจองตั๋วรถไฟแต่เนิ่นๆ เพราะเต็มเร็วมากกกกก แต่ละปีจะเปิดให้จองประมาณเดือนพ.ย. ใครอยากไปรีบๆเลยนะคะ
ช่องทางการจองตั๋วก็ไม่ยาก 1. ทุกสถานีรถไฟทั่วประเทศ 2. ทางโทรศัพท์หมายเลข 1690 (ล่วงหน้า 5 วันขึ้นไป)
ราคาค่าตั๋วก็ไม่แพง รถนั่งชั้น 3 ธรรมดา (พัดลม) ขึ้นจาก สถานี กรุงเทพ สามเสน บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง รังสิต อยุธยา ราคา 270 บาท ถ้าขึ้นจาก สถานี สระบุรี แก่งคอย ราคา 110 บาท
แต่ถ้าใครขึ้นระยะสั้น แก่งเสือเต้น – เขื่อนป่าสัก ราคาเพียง 60 บาทเท่านั้น (ซื้อตั๋วได้ในวันเดินทาง และเป็นตั๋วยืน)
ส่วนราคา รถนั่งชั้น 3 ปรับอากาศ ขึ้นจาก สถานี กรุงเทพ สามเสน บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง รังสิต อยุธยา ราคา 470 บาท ถ้าขึ้นจาก สถานี สระบุรี แก่งคอย ราคา 210 บาท (ไป-กลับ) แต่ถ้าขึ้นระยะสั้นแค่ แก่งเสือเต้น – เขื่อนป่าสัก ราคา 160 บาท
ปล. ค่าโดยสารอัตราพิเศษ ไม่มีส่วนลดทุกประเภท เด็ก-ผู้ใหญ่ราคาเดียวกันนะจ๊ะ
เราไปกัน3คนพ่อแม่ลูก ตีตั๋วรถนั่งชั้น3ธรรมดา ไปกลับ กรุงเทพฯ–เขื่อนป่าสักฯ ราคารวมแล้ว 810 บาท เท่านั้น ไม่แพงเลยกับการซื้อประสบการณ์ “นั่งรถไฟ ลอยน้ำ”สักครั้ง
ที่สำคัญเราเช็กข้อมูลมาอย่างดี ว่าต้องนั่งรถไฟโบกี้ท้ายๆ ฝั่งขวามือ เป็นเก้าอี้วิวดีที่สุด และเราก็โชคดีมีที่ว่างพอดี อิอิ
ก่อนเดินทาง อย่าลืมเช็กโปรแกรมกันก่อนนะรถไฟออกจากสถานีกรุงเทพ ออกเวลา 07.10 น.โดยจะหยุดรับส่งผู้โดยสารตามชุมทางต่างๆ
สถานี สามเสน ชุมทางบางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง รังสิต อยุธยา สระบุรี แก่งคอย แก่งเสือเต้น ถ้าใครจะขึ้นระหว่างทางอย่าลืมเผื่อเวลากันด้วยนะคะ จะได้ไม่ตกขบวน
เรามารอขึ้นที่สถานีสามเสน ไม่นานรถไฟก็มาเทียบชานชาลา ตั๋วที่นั่งเขาล็อกโบกี้และเก้าอี้เอาไว้ พ่อแม่ลูกเข้าประจำที่โดยพลัน
เวลาประมาณ 11.10 น. รถไฟก็เคลื่อนมาถึงจุดไฮไลท์ คือ จุดชมวิว “รถไฟลอยน้ำ” กลางเขื่อนป่าสักฯ
รถไฟจะหยุดให้เวลานักท่องเที่ยวประมาณ 30นาที สำหรับชักภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ภาพรถไฟในมุมโค้งที่เห็นจากหัวขบวนถึงท้ายขบวนบนรางลอยน้ำ ได้อารมณ์สุดๆไปเลย
จากนั้นขบวนรถไฟจะเคลื่อนไปที่จุดหยุดรถเขื่อนป่าสักฯ โดยให้เวลาลูกทัวร์ได้รีแล็กซ์ ประมาณ 3 ชั่วโมง และนัดให้ขึ้นรถไฟเที่ยวกลับเวลา 15.30 น.
อย่างแรกที่ทุกคนทำกันคือหาอาหารกลางวันใส่ท้อง ก็เวลาใกล้เที่ยงพอดิบพอดี ที่ชานชาลามีซุ้มร้านอาหารหลากหลากไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว
เราเลือกร้านส้มตำไก่ย่าง สังเกตจากคนเยอะเชื่อว่าน่าจะอร่อย และก็ไม่ผิดหวังค่ะ รสชาติดีทีเดียว พออิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็หากิจกรรมทำกัน
ออกตัวก่อนว่าตรงจุดนี้เราพลาดที่ไม่ได้ทำการบ้านมาก่อน ว่ามีอะไรให้ทำบ้างในช่วงเวลาประมาณ3ชั่วโมงที่ต้องรอรถไฟเที่ยวกลับแต่โชคดีที่เขื่อนป่าสักฯมีกิจกรรมให้ทำเพียบ
มีทั้งรถตัวหนอนวิ่งชมบรรยากาศบริเวณสันเขื่อนฯ ชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การก่อสร้างเขื่อนป่าสักฯ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชมฟาร์มแพะ แกะ ชมทิวทัศน์รอบเขื่อนบนหอชมวิว
และมีบริการรถม้าลากจูง หรือบริการรถรางวิ่งผ่านสันเขื่อนไปสักการะหลวงปู่ใหญ่ อ.วังม่วง จ.สระบุรีและใครใคร่อยากซื้อของฝาก ก็มีร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง OTOP ให้เลือกช้อปเพียบ
แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า ให้วางแผนเรื่องเวลากันให้ดี เพราะต้องกลับมาขึ้นรถไฟให้ทันเที่ยวขากลับด้วย
ส่วนเรา3คน พ่อแม่ลูกพากันดูพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การก่อสร้างเขื่อนป่าสักฯ กับ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
ให้อาหารปลา และนั่งพักผ่อนใต้ร่มไม้ กันแบบชิลๆ ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเพราะไม่กล้าไปไกลกว่านั้น กลัวจะกลับมาขึ้นรถไฟไม่ทัน
สักพักก็ถึงเวลาขึ้นรถไฟเที่ยวกลับ ใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ3ชั่วโมง เรานั่งๆนอนๆชมวิวสลับกันไป ตามวิถีสโลว์ไลฟ์ ก็ถึงกรุงเทพฯเวลาประมาณ 18.30 น.ถือว่าเลทนิดหน่อย
สำหรับชีวิตคนทำงานแข่งกับเวลา ได้มานั่งรถไฟชิลๆ ดูเหมือนไม่ค่อยคุ้นชิน
แต่ก็เป็นประสบการณ์ดีดี ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปดูให้เห็นกับตา ไปสัมผัสให้ได้รู้สักครั้ง!!
ปร์วีร์7/7/62