เมื่อตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่ารัดคอนางรัศมี มุลิจันทร์ สาวใหญ่ ซุกศพในบ้าน อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เป็นศพที่6
ย้ำความตกใจให้คนทั้งประเทศหวั่นไหวสงสัย เมื่อ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยืนยัน เป็นบุคคลเดียวกับนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง
ซึ่งได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเมื่อราวเดือนพฤษภาคมปี 62 ส่วนสาเหตุที่พ้นโทษอาจเป็นข้อผิดพลาด ที่ไม่ได้กลั่นกรองให้ดีเพียงพอ
คดีที่นายสมคิด “แจ็ค เดอะริปเปอร์ เมืองไทย” ก่อเหตุฆ่าต่อเนื่องหญิงผู้โชคร้ายรวม 5 ศพ โดยศาลพิพากษาไปแล้วทั้ง 5 สำนวน ประกอบด้วย
1.คดีฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.วารุณี พิมพะบุตร อายุ 25 ปี นักร้องสาวแสงตะวันคาเฟ่ เหตุเกิดที่โรงแรมพลอยพาเลซ จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 30 -31 ม.ค.48 ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต
2.คดีฆ่ารัดคอชิงทรัพย์ น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย หมอนวดแผนโบราณ เหตุเกิดที่ จ.ลำปาง เมื่อปี 48 ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต
3.คดีฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร อายุ 37 ปี เหตุเกิดที่จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 17-19 มิ.ย.48 ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต
4.คดีฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ อายุ 25 ปี หมอนวดแผนโบราณ เหตุเกิดที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 20-21 มิ.ย.48 ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต
คดีที่5.สุดท้าย คดีฆ่านางพัชรีย์ อมตนิรันดร์ นักร้องคาเฟ่ หตุเกิดที่ ต.ทับเทียง อ.เมืองตรัง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกตลอดชีวิต
ขณะที่พ.ต.อ.นภัณต์วุฒิ เลี่ยมสงวน รองผบก.พธ. อดีตหัวหน้าชุดจับกุมนายสมคิด เมื่อครั้งยังเป็นรองผกก.2 ป.ยังตกใจกับข่าวอดีตผู้ต้องหาที่ถูกเขาจับกุมพ้นโทษออกมาก่อคดีอีกครั้ง
พ.ต.อ.นภัณต์วุฒิ หรือพี่ชัด นรต.38 รุ่นใหญ่นักสืบของน้องๆนักสืบทั่วประเทศ ในเวลานี้ ย้อนความหลังให้ฟังนาทีจับกุมฆาตกรต่อเนื่องเมืองไทยรายนี้เมื่อ 28มิ.ย.2548ว่า
“หลังเกิดคดีฆ่าหมอนวดแผนโบราณเสียชีวิตในพื้นที่เมืองบุรีรัมย์ ผกกสภ.เมืองบุรีรัมย์ในขณะนั้น เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.32 กับพล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. และพ.ต.อ.พิสิฎฐ์ พิสุทธิศักดิ์ รองผบก.ป.ในขณะนั้น ให้กองปราบฯเข้าช่วยทำคดี”
ผู้การวินัยและรองพิสิฏฐ์ สั่งการให้พี่เข้าสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานดูภาพสเกตช์คนร้ายที่ก่อเหตุในทุกที่ โดยเฉพาะที่จ.มุกดาหาร ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นนายสมคิด
ข้อหาเป็นพยานเท็จในคดีฆ่าผู้ว่าปรีณะ อดีต ผวจ.ยโสธร รวมทั้งเป็นพยานเท็จในคดีฆ่าแกนนำราชาเทวะด้วย
รองชัดหรือพ.ต.อ.นภัณฑ์วุฒิเล่าต่อว่า วิธีของ สมคิด จะใช้วิธีเขียนถึงเหยื่อในทำนองที่ว่ายังไม่รู้ว่าผู้ตายเสียชีวิต และส่งจดหมายมาจากเรือนจำ
อ้างว่ารู้เห็นสาเหตุที่ผู้ตายถูกฆ่า ปะติดปะต่อจากเรื่องที่นายสมคิดชอบอ่านหนังสือพิมพ์เป็นทุนเดิม แต่ไม่ได้เอาเงินอะไรมาก แค่ พันสองพันประมาณนี้
วันจับกุมแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด พี่ไปกับพลฑิต(พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส รองผบก.ภ.จว.จันทบุรี)และลูกน้องอีก 2 คน อีกชุด เม่น(พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น.)ไปที่ จ.อุดรธานี บ้านพ่อของนายสมคิด
ชุดพี่ไปถึงบ้านเมียสมคิด เป็นอดีตเทพีสามล้อ บ้านอยู่ ต.รอบเมือง อ.เมืองชัยภูมิ
เป็นบ้านไม่มีรั้ว ก็แอบย่องเข้าไปตอนนั้นประมาณ7โมงเช้า เห็นมันกำลังนอนดูข่าวทีวี เป็นข่าวของมันเอง เมียมันเห็นภาพสเกตช์ ก็ออกปากว่าทำไมหน้าคล้ายสมคิดจัง เลยถูกมันตวาด
พี่ก็ถีบประตูเข้าไปจับกุม มันเห็นพี่ก็จำได้ แต่ไม่ได้ต่อสู้เพราะรู้มือกันอยู่สมัยที่เคยถูกจับในคดีเป็นพยานเท็จ
สำหรับแผนประทุษกรรมของมันตอนนั้น หลังจากฆ่าศพแรก มันหายเงียบไปอยู่บ้านหลังนี้ที่ชัยภูมิ 4-5 เดือน
จากนั้นก็ออกก่อเหตุใหม่ในช่วงเดือน มิ.ย. คราวนี้อาทิตย์ละศพเลย ศพสุดท้ายที่บุรีรัมย์ เพื่อนพี่วินัย เลยขอให้กองปราบฯลงมาช่วย
ถูกจับมันก็ยังแสบไม่เลิก พอเอาตัวไปส่งสภ.เมืองบุรีรัมย์ มันก็ทำท่าคลุ้มคลั่งจะผูกคอตาย ตำรวจโรงพักต้องให้พี่เข้าไปกำราบ
พี่ก็บอกว่าถ้ามึงจะผูกคอตายก็ผูกไป ตำรวจแค่โดนตั้งกรรมการเท่านั้น เจอพี่พูดแค่นี้มันก็หยุด
เท่าที่ดูแผนประทุษกรรมในคดีที่ 6 พี่ว่าคล้ายกับคดีเดิม คือบีบคอ รัดคอ ใช้หมอนอุด
“แต่ที่ตกใจ คือไม่นึกว่ามันจะออกมาได้เร็วและก่อคดีขึ้นอีก…”รองผู้การนักสืบกล่าวปิดท้าย
ครับ….น่าตกใจ เพราะทำให้คิดต่อว่าความผิดพลาดของการปล่อยตัวฆาตกรโรคจิตหรือมีพฤติกรรมอันตรายแบบนี้ มีแค่ สมคิด พุ่มพวง เพียงคนเดียวหรือเปล่า…
กากีกลาย16/12/62