เช้าวันที่ 24 มิ.ย. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป.
นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย2 จุด ในพื้นที่ กทม. และ จ.สระบุรี จับกุม2อดีตพนักงานค่ายมือถือรายใหญ่ ก่อเหตุลักทรัพย์นายจ้าง และ ฟอกเงิน
หลังร่วมกันขโมยบัตรเติมเงินโทรศัพท์จากคลังสินค้าบริษัทออกมาจำหน่าย เป็นเงินกว่า 200ล้านบาท
จุดแรกเข้าตรวจค้นเป็นบ้านที่ ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี เป็นบ้านของนายนเรศ ตรวจยึดทรัพย์สินต่างๆภายในบ้านที่ได้มาจากกระทำผิด
ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่นglc250 ทะเบียน ศน9559 กรุงเทพมหานคร 1 คัน รุ่น c200 ทะเบียน ศอ2662 กรุงเทพมหานคร . 1 คัน รถจยย. 1 คัน
สร้อยแหวนเงินทอง นาฬิกาหรู สมุดบัญชีธนาคารและกระเป๋าแบรนด์เนมอีกนับร้อยรายการ มูลค่ารวมกว่าสิบล้านบาท
ส่วนเจ้าหน้าที่อีกชุดได้เข้าจับกุม น.ส.พัชรลักษณ์ ได้ภายในคอนโด ฯ ย่านบางนา
ตรวจยึดรถยนต์ มาสด้า รุ่น ซีเอ็กซ์5 1 คัน เงินสด 5 แสนบาท รวมถึงทรัพย์สินมีค่าต่างๆอีกหลายรายการรวมมูลค่าหลายล้านบาท
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่าการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อกลางปี 2563 มีบริษัทเครือข่ายสัญญานโทรศัพท์รายใหญ่ ร้องทุกข์กับกองปราบปราม
ให้ช่วยตรวจสอบหลังบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือ ใบละ 60 บาท จนถึงใบละ 100 บาท 3,120,000 ใบ รวมมูลค่ากว่า 230 ล้านบาท หายไปจากคลังสินค้า
จึงให้กก.1.บก.ป. สืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง จนทราบว่า นายนเรศ พนักงานสั่งผลิตบัตรเติมเงิน และเปิดใช้งานบัตรเติมเงินของบริษัท
กับ น.ส.พัชรลักษณ์ พนักงานเรียกสินค้าจาก บริษัทฯ เป็นผู้ขโมยบัตรเติมเงินออกมาแล้ว
นำไปจำหน่ายให้กับร้านค้าปลีกหลายพื้นที่ในราคาต่ำกว่าตัวแทนจำหน่าย ทำมาตั้งแต่ปี 2561 ได้เงินมากว่า 200 ล้านบาท
กระทั่งต้นปี 2563 ทั้งสองได้ชิงลาออกจากงานไปก่อนที่บริษัทจะตรวจพบความผิดปกติ
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพงนายนเรศ ได้เงินไปกว่า 100 ล้านบาท ส่วน น.ส.พัชรลักษณ์ ได้เงินไปกว่า 46 ล้านบาท
นำไปแปรสภาพเป็นทรัพย์สินอย่างอื่น เช่นซื้อกองทุนรวม กรมธรรม์ประกันชีวิต ,บ้าน ,ที่ดิน ,ทองคำ, นาฬิกา ,รถยนต์หรู ,กระเป๋าแบรนด์เนม
เบื้องต้นนำตัวส่ง กก.1 บก.ป. ดำเนินคดี พร้อมขยายผลสืบหาผู้ร่วมชบวนการรายอื่นๆ ต่อไป